บทที่ 19 จนใจ
บทที่ 19 จนใจ
เมื่อเข้าไปถึงด้านในของลิฟต์ จักรชัยก็รีบผลักมือของเพลงพิณออกไป มองเธอด้วยความประหลาดใจ
เพียงแค่เห็นเธอยืนพิงลิฟต์อยู่อีกฝั่งหนึ่งโดยที่ศีรษะห้อยลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่ ดูเหมือนว่าจะโกรธเล็กน้อย
พวกเขาทั้งสองคนกล้าได้กล้าเสีย นี้ก็นับได้ว่าเป็นการพบกันครั้งที่สาม ถ้าตัดชลธิชาออกไป พวกเขาทั้งสองคนก็ยังไม่คุ้นเคยขนาดนั้นเสียจริงๆ
เพลงพิณกดปุ่มไปที่ชั้นห้า จักรชัยชำเลืองตามอง ไม่รู้เธอตั้งใจหรือว่าไม่ตั้งใจ
“เพื่อนของฉันยังรอฉันอยู่ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวก็ไม่ต้องดื่มแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ!”
เพลงพิณเงยหน้ามองเขาด้วยความไม่อดทนแว่บหนึ่ง ดูว่าเขาอยากจะกดปุ่มไปที่ชั้นหนึ่ง รีบขัดขวางอย่างรวดเร็ว
“งั้นที่คุณอยู่ที่ลานจอดรถ คุณลงไปทำอะไรเหรอ? คุณก็ไม่มีรถ ยิ่งไปกว่านั้นฉันก็ไม่ได้ให้คุณเลี้ยง ก็เหมือนผู้ชาย ดื่มเหล้านิดหน่อยมีอะไรที่ไม่ดีเหรอ ?”
จักรชัยค่อนข้างที่มีความจนใจกับเด็กผู้หญิงคนนี้เสียจริงๆแล้ว เพียงแค่สามารถพูดอย่างประนีประนอม :“มีที่ที่สามารถดื่มเหล้าอีกเยอะแยะ ทำไมถึงต้องไปดื่มที่ชั้นห้า ?”
เพลงพิณกระพริบตามองด้วยดวงตาที่งดงามนั้นของเธอ หัวเราะออกมา
“ฉันว่าคุณขี้ขลาดขนาดนั้นเลยเหรอ? แม้ว่าจำรัสพวกเขาจะไปดื่มเหล้าที่ชั้นห้า พวกเราก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องพบเจอพวกเขา สถานที่กว้างใหญ่ขนาดนั้น ยังจะจำเป็นต้องไปที่เดียวกัน”
พูดเสร็จแล้ว ประตูลิฟต์สู่ชั้นห้าก็ได้เปิดออกแล้ว ไฟแต่ละชนิดที่ส่องแสง เสียงเพลงที่ดังอึกทึก ทำให้จักรชัยที่เดิมทีกำลังสับสนเพียงชั่วครู่หนึ่งก็ตื่นขึ้นมากเลยทีเดียว
สถานที่แบบนี้ ฉันยังไม่เคยมาเลยสักครั้ง แค่ดูบรรยากาศแบบนี้ก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอะไร
ผู้หญิงต่างชาติที่เกือบเปลือยกายกำลังบิดเอวเต้นรำอยู่กลางฟลอร์ ผู้ชายที่อยู่ข้างๆส่งเสียงเชียร์อย่างไม่หยุด
เพลงพิณกลับไม่ได้มองดูมากมายขนาดนั้น ลากจักรชัยเดินไปทางด้านในสุด
“จริงๆแล้วในนี้ค่อนข้างที่จะเสียงดังสักหน่อย พวกเราไปห้องส่วนตัวกัน”
เมื่อพูดแล้วนั้นก็ดึงจักรชัยที่กำลังตะลึงอยู่กับที่นั้นรีบย่างเท้าเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
จักรชัยเดินไปพลางสังเกตในนี้ไปพลาง ผู้หญิงผู้ชายหลากหลายมากมายกำลังเต้นพริ้วไหวอยู่กลางฟลอร์ แถมที่นี่ตกแต่งได้อลังการงานสร้างเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่ราคาแพงเลยทีเดียว
“คุณก็เป็นนักศึกษาที่เพิ่งจะจบมาใหม่ ทำไมถึงชอบมาสถานที่แบบนี้?”
เพลงพิณทำหน้ามุ่ยอย่างไม่แยแส คนหนุ่มสาวสมัยนี้ต่างก็ชอบมาปลดปล่อยตัวเองในสถานที่แบบนี้กันทั้งนั้น เพียงแค่ราคาอาจจะสูงนิดหน่อย คนทั่วไปแล้วนั้นก็จะมีสถานที่ที่เหมาะสมกับพวกเขาที่จะไปโดยปริยาย
แต่ว่า คำพูดนี้พูดออกมาจากคำพูดของจักรชัย กลับว่าทำให้คนค่อนข้างที่จะประหลาดใจหน่อยๆ
พอเข้ามาในห้องที่เหมาเอาไว้ เพลงพิณก็สั่งเหล้าฝรั่งที่ดูราคาแล้วเหมือนจะแพงมาสองสามขวด หลังจากนั้นก็กดจักรชัยนั่งลงบนโซฟา
“ฉันออกไปสักหน่อย เหล้าต่างก็มาเสิร์ฟแล้ว คุณเองดื่มก่อนเถอะ เดี่ยวฉันรีบกลับมา”
เมื่อเพลงพิณพูดจบ ไม่ให้โอกาสจักรชัยได้ตอบสนองอะไรก็วิ่งออกไปแล้ว
จักรชัยทำได้เพียงนั่งบนโซฟาเลื่อนดูวีดีโอเพียงคนเดียว เตรียมจะบอกกับน้ำทิพย์สักคำ คืนนี้เขาไม่กลับไปแล้ว
เฟื่องฟ้าก็ส่งข้อความมาหาเขาหลายประโยค บอกว่าสองวันนี้จะมาเที่ยวหาเขา ถามเขาว่าเขามีเวลาหรือเปล่า
จักรชัยตอบกลับไปแต่ละประโยค ประตูห้องที่เหมาเอาไว้ก็ถูกผลักออกมาทันที
“คุณเข้าๆออกๆนี้ ตกลงจะทำอะไรกันแน่?”
จักรชัยนึกว่าคนที่เข้ามาคือเพลงพิณ พอเงยหน้ามองสองคนที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง เงียบไปชั่วครู่หนึ่ง ไม่ใช่พูดว่าสถานที่นี่ใหญ่พอเหรอ ไม่พบเจอกับพวกเขาทั้งสองหรอก ?
คนที่มานั้นเป็นอลินดาและจำรัสพอดี
“นายนี้เปลี่ยนอาชีพได้รวดเร็วเสียจริงน่ะเนี่ย ก่อนหน้าก็ขโมยสร้อยข้อมือที่มูลค่ามหาศาล ตอนนี้ก็มาขโมยเหล้าแล้ว!”
อลินดาพูดจาเย้ยหยัน จักรชัยฟังแล้วก็รู้สึกแปลกใจ ขี้เกียจที่จะสนใจพวกเขาทั้งสอง เตรียมตัวที่จะเดินออกไป แต่ว่าเท้ายังไม่ทันได้ก้าวไปก็โดนอลินดาจับแขนเอาไว้ซะแล้ว
เดิมทีคิดว่าเรื่องราวก่อนหน้านี้นั้นได้ขีดเส้นแบ่งระหว่างพวกเขาทั้งสองคนอย่างชัดเจนแล้ว แต่ว่าเมื่อเห็นอลินดาเป็นอย่างนี้แล้ว เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ได้อยากที่จะปล่อยเขาไป
“ปล่อยมือออกเดี๋ยวนี้!”
น้ำเสียงของจักรชัยมีความโกรธแฝงเป็นนัยๆ ดูแล้วนัยน์ตาของอลินดาก็ค่อนข้างที่จะไม่มีอดทน
“ทำไมนายกลัวจะถูกเปิดโปงเรื่องที่ทำอย่างน่าอับอาย ลนลานเหรอ? อยากที่จะลงไม้ลงมือกับฉันใช่ไหม ? ดูแล้วเมื่อครั้งก่อนนั้นตอนที่อยู่สถานีตำรวจคงจะไม่สบายพอ!”
“พวกคุณไม่ไปดื่มไวน์ของคุณล่ะ จะมาสร้างความวุ่นวายกับพวกฉันตรงนี้ทำไม?”
เพลงพิณยืนอยู่ที่ประตูเป็นเวลานาน เพื่อที่จะดูว่าสุดท้ายแล้วจักรชัยจะแข็งแกร่งสักหน่อยไหม แต่เมื่อฟังคำพูดเหล่านั้นที่ออกมาจากด้านใน สุดท้ายแล้วก็ทนไม่ไหว ผลักประตูเข้าไปแล้ว
พร้อมทั้งจ้องมองไปที่จักรชัย ทำได้แค่นี้เอง
“เพลงพิณ!”
จำรัสที่ไม่พูดไม่จามองไปที่คนที่เดินเข้ามา ทันใดนั้นแววตาก็สว่างขึ้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะ อลินดาจับเอาไว้ เกรงว่าจะกระโจนเข้าไปที่ตัวของเพลงพิณแล้ว
อลินดารู้สึกไม่สบายใจอย่างมากกับปฏิกิริยาของ จำรัส เธอยังเคยได้ยินว่าจำรัส เคยตามจีบเพลงพิณ เพียงแต่ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเห็นเขาในสายตา เขาจึงไปตามจีบอลินดาแล้ว
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอแอบมองไปที่เพลงพิณอีกครั้ง ทั้งๆที่อายุก็สามสิบสองปีแล้ว แต่ว่าใบหน้านั้นกลับเหมือนคนที่อายุสิบห้าสิบหกยังไงอย่างนั้น รูปร่างไม่ได้แย่แม้แต่นิดเดียว
ถ้าหากทั้งคู่ยืนเปรียบเทียบกันจริงๆ เพลงพิณก็ยิ่งจะชนะอย่างแน่นอน
“พวกเราจะทำอะไรแล้วไปเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย? หรือว่าคุณกับผู้ชายธรรมดาจนๆนี้คลุกคลีด้วยกันแล้ว ก็ไม่กลัวที่จะลดคุณค่าของตัวเอง!”
เพลงพิณกรอกตามองบนให้กับเธอ
“ฉันไม่ใช่คุณ ไม่ถึงขนาดกับเอาเข็มขัดของผู้ชายมาเลี้ยงตัวเองให้มีชีวิต แทนที่จะสนใจเรื่องของฉันและเพื่อนของฉัน สนใจเรื่องตัวเองให้ดีก่อนซะดีกว่า !”
ตั้งแต่ที่อลินดาอยู่ด้วยกันกับจำรัสนั้น จะเคยรองรับอารมณ์โกรธอย่างนี้ได้ที่ไหนกัน โดนว่าด้วยใบหน้าที่แดงก่ำไปชั่วขณะ ชี้ไปที่จักรชัยอย่างกระหืดหระหอบ
“คุณมาว่าฉัน แล้วคุณล่ะ เงินเดือนสองสามพันทุกเดือน มาใช้จ่ายที่นี้แค่ครั้งเดียวก็ยังไม่พอเลย!จักรชัยเขาจะมีศีลธรรมอะไรฉันไม่รู้ เขาอยากจะร่ำรวย วันนี้ฉันก็จะดื่มเหล้าโต๊ะนี้ให้หมดเลย”
อลินดาพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น ครั้งนี้นั้นสายตามองไปที่เพลงพิณ
“ถ้าเปรียบเทียบขึ้นมาแล้วคุณน่าจะมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินนี้มากกว่า แต่ตามสภาพคุณแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปนอนกับผู้คนไหนแล้วเอาเงินมาเลี้ยงดูผู้ชายธรรมดาจนๆหรอก!”
เพลงพิณเคยได้ยินถึงเกียรติศักดิ์ปากคอเราะร้ายของอลินดานานแล้ว ไม่เคยคิดที่จะใส่ใจเรื่องนี้มาก่อน แต่ว่าครั้งนี้กลับเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว
จำรัสในตอนนั้นคิดถึงทุกครั้งที่เขาตามจีบเพลงพิณก็ถูกปฎิเสธแบบนั้น แต่เห็นพวกเขาทั้งสองคนที่แสดงออกมาในตอนนี้ ในใจก็ยิ่งรู้สึกอิจฉามากยิ่งขึ้น
“ใช่ไง ฉันคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงสวยอย่างชลธิชาของพวกเราจะมีวันตกต่ำ ไม่รู้ว่าชีวิตของผู้ชายคนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ยังเป็นที่น่าพอใจ คำพูดก็วนกลับมาอีกแล้ว ถ้าหากว่าคุณพอใจแล้ว ก็คงจะไม่ออกมาเลี้ยงผู้ชายหรอกมั้ง?”
เพลงพิณโกรธจนไม่พูดออกมาแม้แต่คำเดียว จับจักรชัยอยากที่จะออกไป
ในช่วงเวลานี้ ประตูของห้องที่เหมาไว้ทันใดนั้นก็ถูกผลักออก บริกรยืนอยู่ที่ประตู มองทั้งสี่คนอยู่ด้านในอย่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
“ขอถามหน่อยคุณจักรชัยอยู่ที่นี่ไหม?”
