บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 15 : ล้วงข้อมูล

          พรึ่บ!

          ทันทีที่จบประโยคของอีกฝ่าย ไฟฟ้าภายในคฤหาสน์ดับลงทั้งหลัง เสียงความวุ่นวายเอะอะเกิดขึ้น ตามด้วยเสียงเปิดประตูเข้ามา

          "เรียนท่านโออิ แบตเตอรี่สำรองใช้งานไม่ได้ครับ ตอนนี้..."

          รายงานได้เพียงแค่นั้น นักวิจัยซึ่งบุ่มบ่ามเข้ามากลับเงียบเสียงลง ผมผลักชูเซย์ที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังให้ถอยห่าง ไม่รู้จะเข้าใกล้อะไรนักหนา แย่งอากาศหายใจ

          "ก็แค่ไฟดับจะตื่นเต้นทำไม"

          ผมว่าก่อนหันกลับไปมองหน้าจอ นิ้วทั้งสิบรัวเร็วเพื่อทำการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์กับระบบไฟฟ้าภายในอาคาร การตรวจสอบพร้อมกับติดตั้งข้อมูลแบบพิเศษเป็นไปอย่างรวดเร็ว

          "รู้มั้ย พอเห็นสีหน้าจริงจังของคุณทีไรผมอดตื่นเต้นไม่ได้ทุกที"

          เสียงชูเซย์ดังอยู่ข้างหู คล้ายจงใจขยับเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ คนว่างที่สุดต้องเป็นหมอนี่ทุกทีสินะ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวติดกับผมสักที พื้นที่มีเยอะแยะเข้ามาเบียดอยู่ได้

          "ถอยออกไป"

          มือเรียวเล็กผลักอกอีกฝ่ายออก ชูเซย์แกล้งทำเป็นเซเหมือนจะล้มก่อนฉีกยิ้มกว้าง ท่าทางแบบนี้จงใจยั่วโมโหกันชัดๆ

          "น่านะ เห็นใจผมหน่อย แสงสว่างเพียงอย่างเดียวมีแค่โน๊ตบุ๊คคุณเท่านั้น ดูสิ...คฤหาสน์ทั้งหลังตกอยู่ในความมืดหมดแล้ว เกิดผมเผลอเดินชนนู่นนี่เข้าจะทำไง"

          "เรื่องของคุณ"

          "เรื่องของผมคนเดียวที่ไหน เรื่องของเราสองคนต่างหาก"

          อยากจะพูดอะไรกันแน่!

          ท่าทางไม่เดือดร้อนของเขามันทำให้ผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ เห็นความแตกตื่นของนักวิจัยคนนั้นแล้วอยากตะคอกดังๆ ให้ได้ยินกันไปเลยว่าพวกนายจะจิตตกทำไม ในเมื่อผู้นำสมองกลวงๆ มันยังไม่แยแสสักนิด!

          ทันทีที่กู้ระบบไฟฟ้ากลับคืนมา เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้นทันที พื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นโซนสีแดง ดูท่าจะเกิดการโจมตีเพิ่มอีกระลอก

          "ต้องไปจากที่นี่"

          ผมว่าก่อนจะลุกขึ้นยืน ชูเซย์เห็นดังนั้นเขารีบกดไหล่ของผมให้นั่งลง 

          "คุณจะไปไหน..."

          "ไม่เห็นนี่เหรอ"

          นิ้วมือเรียวชี้ไปยังสัญญาณเตือนภัยซึ่งตอนนี้ดับลงเพราะมีคนกดปิด ชูเซย์มองตามนิ้วมือก่อนขมวดคิ้วเชิงคำถาม

          "อะไร?"

          นี่ยังไม่เข้าใจอีกงั้นสิ

          ผมปัดมืออีกฝ่ายออก และทำการอัพโหลดระบบรักษาความปลอดภัยให้กับที่นี่ใหม่ ที่ต้องทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ชูเซย์มีกระจอกงอกง่อย แต่เขามีความถนัดเฉพาะทางซึ่งไม่ใช่การบุกจู่โจมฝ่ายศัตรู แต่เป็นการล่อให้ศัตรูเข้ามายังฐานง่ายขึ้น จากนั้นจึงทำการจัดเก็บข้อมูลตัวอย่าง แล้วนำมาวิเคราะห์ แยกแยะ และนำสิ่งเหล่านี้ไปขายให้กับศัตรูของศัตรูอีกที

          ถ้าจะพูดให้ถูกคือ ธุรกิจที่ตระกูลมาเฟียอย่างโออิมิยะทำไม่ใช่แค่การเป็นผู้นำเทคโนโลยีที่มีเอาไว้บังหน้าเท่านั้น แท้จริงแล้วฉายาที่เขาได้รับมาจากการเป็น 'หน่วยส่งข้อมูลลับ' ให้กับลูกค้าฝ่ายตรงข้ามต่างหาก

          ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะกำลังเก็บข้อมูลตัวอย่างของผมไว้ก็ได้

          "โดยปกติแล้วมีเรื่องอย่างคนบุกรุกมาที่บ้านคุณบ่อย?"

          "ไม่..."

          "การจู่โจมส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นเมื่อพวกคุณทำงาน?"

          "มันก็..."

          "เหตุการณ์อย่างวันนี้มีมากและหลายครั้งติดต่อกัน?"

          หัวคิ้วของอีกฝ่ายคลายออก เหมือนเจ้าตัวค้นเจอคำตอบของคำถาม เขาพับหน้าจอโน๊ตบุ๊คลงก่อนมองผมนิ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปอย่างสิ้นเชิง

          "พะนาย...คุณกำลังจะบอกผมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะคุณเดินทางมาที่นี่..."

          "..."

          "คุณจะบอกว่าเรื่องที่เกิดวันนี้คือสาส์นท้ารบจากศัตรู"

          สาส์นท้ารบ? ถ้าแบบนี้เรียกท้ารบงั้นที่ผ่านมาก็คงเป็นสงครามไซเบอร์หรือการต่อสู้ทางจิตวิทยา ที่วันนี้มีคลิปวีดีโอระยำนั่นส่งเข้ามา เพราะพวกมันรู้ว่าผมอยู่กับชูเซย์และจงใจทำให้ผมสติแตก

          และที่ผมต้องรีบไปจากเขาให้ไวเพราะไม่ต้องการให้ผู้นำอย่างชูเซย์ได้ข้อมูล 'เชิงลึก' มากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเขาหรือศัตรูย่อมไม่เป็นผลดีกับผมอย่างแน่นอน หากถูกใช้จุดอ่อนเป็นข้อต่อรองอาจถูกตลบหลังเข้าอย่างจัง ต่อไปคงยากจะควบคุม

          ไม่แน่ว่าที่เขาพาผมมาที่นี่อาจเป็นการกุเรื่องขึ้น โดยใช้การทำอาวุธสงครามบังหน้า อย่าลืมว่าเขาถนัดการล้วงความลับคนอื่น ชูเซย์คงไม่รู้ว่าศัตรูของเขาก็กำลังเก็บข้อมูลของผมอยู่เช่นเดียวกัน

          สักวัน...เขาอาจเป็นศัตรูตัวฉกาจและน่ากลัวที่สุดก็ได้

          "แล้วมีอย่างอื่นอีกมั้ย"

          "..."

          "เข้าใจแล้วก็หลบไป"

          "คุณกำลังพยายามหลบเลี่ยงผมเพื่ออะไรสักอย่าง"

          "..."

          "ไม่ไว้ใจผมขนาดนั้นเชียว"

          ขอขำดังๆ ได้มั้ยกับประโยคนี้ ให้ไว้ใจมาเฟียผมยอมให้ลูก้าเป็นเอไอขี้บ่นดีกว่า

          "เคยได้ยินประโยคที่ว่า 'คำสัญญามีค่ากว่าทองคำ' คิดยังไงกับความหมายของมัน"

          "..."

          "เกมก็คือเกม มันอยู่แค่ในเกมไม่ใช่ชีวิตจริง อย่าคิดว่าผมรู้ไม่ทัน ไม่ว่าจะคุณหรือศัตรูของคุณ...จำไว้ให้ดี"

          ผมว่าก่อนจะหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมา พยายามประคองขาที่บาดเจ็บมาหน้าประตู 

          "พะนาย ถ้าคุณไปจากที่นี่คุณจะมีอันตราย"

          ขาทั้งสองก้าวพ้นเขตประตูและยืนนิ่งอยู่กับที่ ใบหน้าเรียบเฉยอ่อนวัยหันกลับไปมองคนพูดอยู่ด้านหลังไม่ไกลนัก ชูเซย์กำลังเดินหน้ามาด้วยความเร็วแต่ก็ไม่ทันเท่ากับการสั่งงานด้วยเสียง

          "ปิดประตู!"

          ตึง!

          ต้องขอบคุณที่คฤหาสน์หลังนี้ถูกออกแบบการควบคุมด้วยระบบ ขอแค่มีคอมพิวเตอร์หรือมือถือให้ผมสักเครื่อง รับรองได้เลยว่ามันจะกลายเป็นอาวุธทรงอานุภาพยิ่งกว่าลูกตะกั่วของพวกมาเฟียแน่นอน

______________________________________

          "บ้าเอ้ย!"

          เสียงทุบประตูตึงตังทำให้นักวิจัยทั้งหลายซึ่งมองผ่านหน้าจอจากกล้องวงจรปิดต้องเช็ดเหงื่อไปตามๆ กัน สถานการณ์ไม่สู้ดีเมื่อหัวหน้าแก๊งหนึ่งในสี่สาขาหลักกำลังทั้งเตะทั้งถีบประตูด้วยความโมโห เขาหันไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่องซึ่งอยู่ด้านหลังไม่ไกลจากตัวเขานักเพื่อทำการถอดรหัสการสั่งงานด้วยเสียง แต่ดูแล้วความพยายามของเขาจะไร้ผล เมื่อหน้าจอนับถอยหลังเปิดประตูเป็นเวลาจำนวนหกสิบวินาที ดูเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่กับคนใจร้อนเป็นฟืนเป็นไฟทุกวินาทีอาจทำให้เขาคลั่งตาย

          ตึง!

          เสียงทุบดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าของมือนั่นไม่แยแสต่อความเจ็บปวดสักนิด

          ทำไมวะ! 

          กว่าเขาจะได้ตัวลูกแมวน้อยต้องใช้ความสามารถระดับไหนกัน เจ้าตัวอยู่นี่ไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำกลับเดินออกไปอย่างง่ายดายเหมือนเดินเล่นอยู่แถวบ้าน 

          ต้องใช้อะไรขังถึงจะหนีไม่ได้ หรือต้องจับมัดมือมัดเท้าไว้ถึงเอาอยู่ แม้ใจจะคิดอย่างนั้นแต่ก็ไม่กล้าทำอยู่ดี

          ใครจะทนเห็นลูกแมวน้อยเจ็บตัวได้ลงคอ

          คิดไปก็เท่านั้นยังไงก็ทำไม่ได้ สิ่งเดียวตอนนี้คือความเป็นห่วง ผมรู้ว่าเขาเก่งและฉลาด เขาเอาตัวรอดได้เสมอและไม่มีสิ่งใดทำให้เขาจนมุม แต่ไอ้เลวนั่นมันก็เหลี่ยมจัดไม่แพ้กัน หากลูกแมวน้อยของผมพลาดพลั้งจะเกิดอะไรขึ้น

          ไม่ได้...ผมต้องใช้แผนอื่น

          เสียงประตูค่อยๆ เลื่อนเปิดออก ทางเดินโล่งกว้างช่างเงียบเหงาไร้ซึ่งผู้คน เพราะนักวิจัยทั้งหลายถูกขังรวมกันไว้ในห้องอื่น

          รองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นเสียงดังเป็นจังหวะ การก้าวเดินของผู้นำระดับสูงช่างกระตุกหัวใจคนฟังเป็นอย่างดี ทุกคนกำลังมองหน้าจอเพื่อรอรับคำสั่งถึงกลับกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากเย็น

          ไมค์ตั้งโต๊ะจากห้องวิจัยห้องหนึ่งถูกมือแข็งแกร่งกดเปิดเพื่อกระจายเสียงประชาสัมพันธ์

          "ฟังให้ดี...ต่อจากนี้เราจะทำการวิจัยระดับการโจมตีของ Security ล่อมันมาให้ได้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel