Episode 01: หนุ่มนักพฤกษศาสตร์และพรรณไม้ประหลาดของเขา[3/2]
เจ้าอรุณยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข ตั้งแต่เขาทำงานด้านนี้มา เจอพืชพรรณประหลาดมาก็มาก แต่ก็เพิ่งจะเคยเจอพืชพรรณที่เคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิตจริงๆ อย่างนี้
โจเซยิ้มอย่างพอใจที่ทำให้ชายหนุ่มรุ่นน้องเชื่อได้ เพราะเขาหมายมั่นในใจแล้วว่าจะมอบหมายภาระหน้าที่ให้กับเจ้าอรุณรับช่วงต่อ ทว่ายังไม่ทันพูดอะไร อีกฝ่ายก็คล้ายว่าจะรู้ทัน พูดดักคอขึ้นมาก่อน
“ที่ด็อกเตอร์รีบเรียกผมมา คงจะอยากให้ผมช่วยดูแลมันสินะครับ”
โจเซไม่เถียง พยักหน้ารับหงึกหงัก ว่าต่อยาวเหยียด
“ใจจริงฉันก็อยากจะดูแลมันเองแหละนะ แต่นายก็รู้นี่ว่าช่วงนี้ฉันมีงานให้รับผิดชอบเยอะ นี่ก็เพิ่งจะได้รับมอบหมายให้ช่วยดูงานวิจัยของพวกนักศึกษามาหมาดๆ ฉันเช็กมาแล้วว่าตารางของนายยังพอจะยัดงานลงไปได้ก็เลยอยากให้นายช่วย”
เจ้าอรุณย่นคิ้ว ใจจริงอยากจะเบ้หน้าใส่ให้รู้ไปเลยว่าไม่พอใจ
ต่อให้จริงอย่างที่โจเซพูด ตารางงานของเขาจำพวกงานดูแลพืชพรรณชนิดเพื่อการศึกษาวิจัยมันยังไม่เต็ม แต่ก็เกือบจะเต็ม ตอนนี้มันแน่นถึงขนาดที่เขาแทบไม่ต้องหลับต้องนอนแล้วนะ ทว่าเขาก็เข้าใจความยุ่งในงานของโจเซเช่นเดียวกัน เพราะนอกจากโจเซจะเป็นผู้อำนวยการขององค์กรนี้แล้ว เขายังรับหน้าที่เป็นอาจารย์กิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติในสาขานี้ด้วย เรียกได้ว่าเขาตารางแน่นกว่าเจ้าอรุณเสียอีก
“ผมก็ไม่รับปากนะครับว่าจะทำได้อย่างเต็มที่”
ถึงจะเลี่ยงไม่ได้ เจ้าอรุณก็อดตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ได้ เขาเหนื่อยนี่นา ถึงจะดูเป็นคนเอาจริงเอาจังกับงาน วันๆ หมกมุ่นอยู่แต่กับพืชมากกว่ามนุษย์ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่อยากพัก
โจเซรู้อยู่แล้วว่าเจ้าอรุณต้องมาไม้นี้เลยงัดทีเด็ดที่เตรียมมาออกมาใช้ทันควัน
“เอาน่าอรุณ ช่วยหน่อย องค์กรเราขาดทุนสนับสนุนจากรัฐบาลมาหลายปีแล้วนะ หากงานวิจัยของนายครั้งนี้ประสบความสำเร็จ มันจะกลายเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติทันที นายก็รู้นี้ว่างานอนุกรมวิธาน[ อนุกรมวิธาน เป็นการจัดจำแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นหมวดหมู่ตามสายวิวัฒนาการ การกำหนดชื่อสากลของหมวดหมู่และชนิดของสิ่งมีชีวิต และการตรวจสอบชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิต โดยการจัดหมวดหมู่แบ่งสิ่งมีชีวิตในโลกออกเป็น 5 ประเภท คือ อาณาจักรสัตว์ อาณาจักรพืช อาณาจักรโพรทิสตา (กึ่งพืชกึ่งสัตว์) อาณาจักรฟังใจ (เห็ดรา) และอาณาจักรมอเนอรา (แบคทีเรีย)]มันยังไปไม่ถึงไหน ยังมีพืชอีกมากมายที่ตกหล่น ถ้านายค้นพบล่ะก็ นอกจากทางเราจะได้ทุนสนับสนุนงานวิจัยของนายแล้ว ไม่แน่นายก็ไม่จำเป็นต้องทนทำงานที่นี่เพื่อใช้ทุนปริญญาโทก็ได้นะ แบบว่าทางรัฐบาลยกให้ฟรีๆ เลยอะไรแบบนี้ ไม่ดีหรือไง”
ได้ยินคำว่ายกทุนให้ฟรีๆ เจ้าอรุณก็หูผึ่ง เขาเบื่อกับการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศบราซิลเหมือนกัน เรียนก็ปาไปสองปีแล้ว ทำงานชดใช้ทุนก็ผ่านไปแล้วสองปี และดูทีท่าว่าคงจะต้องทำงานชดใช้ไปอีกระยะใหญ่ทีเดียวกว่าจะได้กลับไปลงหลักปักฐานที่ประเทศบ้านเกิด
“นะอรุณ ขอฝากไว้หน่อย ความหวังขององค์กรนี่ฉันฝากไว้ที่นายเลยนะ”
ไม่ใช่แค่ความหวังขององค์กร ความหวังในอนาคตของเจ้าอรุณก็เช่นกัน ตอนแรกก็ไม่อยากจะรับหรอกนะงานนี้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ลองดูก็ได้ ถ้างานวิจัยของเขาประสบผลสำเร็จและเป็นที่ยอมรับจนเขาหมดภาระหน้าที่กับที่นี่ มันก็น่าลองเสี่ยง
“เวลาด็อกเตอร์มอบหมายหน้าที่ให้ผมมา มีครั้งไหนที่ผมปฏิเสธได้ด้วยเหรอครับ”
เจ้าอรุณตอบกำกวมเป็นเชิงว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องของโจเซได้ ซึ่งมันก็จริง เขาไม่เคยปฏิเสธหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากโจเซ เพียงแต่งานบางงาน เขาไม่ได้ทุ่มเต็มที่เท่านั้น แต่เมื่อมาอย่างนี้แล้ว โจเซก็รู้เลยว่าเจ้าอรุณเตรียมตัวเตรียมใจทุ่มเทกับงานนี้อย่างเต็มที่ ถ้าเขาไม่สนใจก็จะรับงานไปโดยไม่พูดอะไรสักคำเหมือนกับในตอนนี้
“งั้นก็ฝากด้วยนะ นายอยากได้ทีมไหม เดี๋ยวฉันจัดคนให้มาเป็นผู้ช่วยนาย”
อุตส่าห์ตอบรับคำขอร้องของเขาทั้งที โจเซก็เสนอหาคนมาช่วยงาน ทว่าเจ้าอรุณกลับส่ายหน้ายิก
“ไม่ล่ะครับ ผมชอบทำงานคนเดียว ทำงานหลายคนมันน่ารำคาญ”
เป็นปกติของเจ้าอรุณ เขาไม่เคยขอให้ใครมาช่วยงานอยู่แล้ว โจเซก็รู้ดี แค่ถามเป็นมารยาทไปอย่างนั้นแหละ
“โอเค ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรบอกฉันแล้วกัน ฉันยังคงไปๆ มาๆ ที่นี่อยู่ ไว้เดี๋ยวฉันจะมารับรายงานเป็นระยะนะ”
เจ้าอรุณพยักหน้ารับ รอให้โจเซมอบหมายคำสั่งอีกสองสามประโยคก่อนอีกฝ่ายจะขอตัวไปทำงานของตัวเองต่อ ทิ้งให้เจ้าอรุณถอนหายใจยาว มองเถาวัลย์รูปทรงวงรีตรงหน้าอย่างระอาใจ
งานช้างเริ่มต้นขึ้นอีกแล้วสินะ
จะว่างานช้างก็ไม่เชิง มันมาเป็นงานช้างตอนที่จู่ๆ โจเซก็โผล่กลับเข้ามาในตอนบ่ายหลังจากสั่งงานเสร็จเพื่อที่จะบอกว่าศาสตราจารย์ผู้มีอิทธิพลในวงการพฤกษศาสตร์แห่งประเทศบราซิลสนใจการศึกษาวิจัยเถาวัลย์รูปไข่นี่เป็นอย่างมาก ต้องการรายงานเบื้องต้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้เพื่อที่จะช่วยเหลือในการขอทุนสนับสนุนองค์กรจากรัฐบาล
ร้อนถึงเจ้าอรุณที่ต้องเริ่มงานตั้งแต่วันนี้เลยทั้งที่เขาควรมีเวลาไปเคลียร์งานอย่างอื่นก่อนแท้ๆ
ชายหนุ่มเดินถือแท็บเล็ตสำหรับบันทึกข้อมูลเดินกลับเข้ามาในเรือนกระจก มืออีกข้างถือไม้ที่โจเซใช้สะกิดเถาวัลย์ในตอนแรกไว้มั่น ก่อนลงมือเดินสำรวจไปรอบๆ เถาวัลย์นั้น
ข้อมูลเบื้องต้นในส่วนของลักษณะภายนอก เท่าที่ดูก็ไม่มีอะไร เป็นเถาวัลย์ที่เลื้อยพันกันจนกลายเป็นวงรีรูปไข่ ขนาดสูงเกือบสองเมตร มีเถาวัลย์ทั้งอ่อนและแก่งอกออกมานอกเหนือจากที่พันกันอยู่อีกราวสิบกว่าเถา เถาที่แก่และมีสีน้ำตาลเข้มมีดอกตูมสีแดงสดซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามีกลิ่นไหม รับประทานได้ไหม หรือมีฤทธิ์อะไร ในส่วนนี้เป็นส่วนที่เจ้าอรุณต้องศึกษาต่อ
เขาใช้เวลาทั้งวันในการสำรวจเบื้องต้นอย่างละเอียด ทุ่มเทกับงานจนแทบลืมไปกินมื้อกลางวัน ดีที่โจเซวานให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอาแซนด์วิชมาให้ เจ้าอรุณถึงได้รู้สึกตัวว่าควรหาอะไรเยียวยากระเพาะน้อยๆ ของตัวเอง
ร่างสันทัดคว้าเก้าอี้ผ้าใบขนาดเล็กมากางตรงหน้าพรรณไม้ที่ตัวเองศึกษา เอามื้อกลางวันวางบนนั้นขณะที่ยังคงสำรวจไปรอบๆ มันไม่เลิก กระทั่งท้องร้องประท้วงถึงได้ตัดสินใจจะพัก
ในจังหวะที่เขาเดินตรงไปหมายจะนั่งเก้าอี้ พลันเท้าก็สะดุดเอาเข้ากับเถาวัลย์เถาใหญ่เถาหนึ่งจนเกือบหน้าคะมำ เขาจะไม่หงุดหงิดเลยถ้าเถาวัลย์เถานั้นอยู่เฉยๆ แล้วเขาไปสะดุดเอง ไม่ใช่เคลื่อนไหวมาขัดขาขณะที่เขากำลังเดินอย่างนั้นคล้ายกับว่าจงใจแกล้ง
“อยู่ไม่สุขนัก เดี๋ยวก็ตัดทิ้งซะเลยนี่”
เจ้าอรุณว่าอย่างหงุดหงิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เถาวัลย์เคลื่อนไหวเองไปมา มันขยับตลอดเวลาที่เขาทำการสำรวจ มองผ่านๆ อย่างกับเครื่องเล่นในสวนสนุกที่มีรูปร่างเป็นปลาหมึกอย่างไรอย่างนั้น
เขาพูดลอยๆ แต่น่าแปลกที่เถาวัลย์นั่นกลับหยุดเคลื่อนไหวฉับพลัน ไม่ใช่เพียงแค่เถาเดียวด้วย เป็นทุกเถา ทำเอาชายหนุ่มขมวดคิ้ว
เหมือนสื่อสารกันได้เลยแฮะ ขู่แล้วฟัง อย่างกับพูดรู้เรื่อง
คิดแล้วหัวคิ้วก็ย่นยู่หนักกว่าเดิม ตั้งแต่ศึกษาพรรณไม้มาเพิ่งจะเคยเจอพืชสื่อสารกับมนุษย์ได้เป็นครั้งแรก
ไม่สิ ไม่ใช่ตั้งแต่ศึกษาพรรณไม้มา ต้องบอกว่าตั้งแต่เกิดมา เขาเพิ่งจะเคยพบเคยเจอมากกว่า นี่ถ้าไปพบเจ้าพืชนี้ในประเทศไทยล่ะก็ ป่านนี้คงได้ลงแป้ง เอานิ้วถูขอหวยกันจ้าละหวั่นไปแล้ว
กระนั้นเจ้าอรุณก็ไม่มั่นใจนักว่ามันจะสื่อสารกับเขารู้เรื่อง อาจจะเป็นเพราะความบังเอิญ เขาจึงตัดสินใจทดลองดูอีกทีด้วยการลองปล่อยปากกาสไตลัสที่ใช้บันทึกข้อมูลลงแท็บเล็ตทิ้งลงพื้นอย่างจงใจ มองซ้ายขวาแล้วเห็นไม่มีใครถึงได้พูดขึ้น
“เก็บให้หน่อย”
ต้องระวังหน้าระวังหลังไว้หน่อย พูดสุ่มสี่สุ่มห้า มีใครเข้ามาเห็นเขาพูดคนเดียวคงได้คิดว่าเขาบ้าแล้วเอาไปนินทาแน่ แค่นี้ก็โดนนินทาจนไม่รู้ว่าจะโดนอย่างไรแล้ว
ยืนรอดูผลอยู่ครู่หนึ่ง เท่านั้นเถาวัลย์ขนาดเล็กเถาหนึ่งก็ขยับจากฐาน ค่อยๆ เลื้อยไปตามพื้นกระเบื้องเย็นเยียบ พันเอาปากกาสไตลัสที่ปลายเท้าเขาขึ้นมาลอยอยู่ในอากาศ เจ้าอรุณเผลออ้าปากค้าง มองอย่างไม่เชื่อสายตากระทั่งเถาวัลย์เถานั้นขยับเล็กน้อยประหนึ่งคะยั้นคะยอให้เขารับ พอได้สติ เขาก็ยื่นมือไปรับปากกา เถาวัลย์ถึงได้คลายตัวออกแล้วกระถดถอยกลับไปที่เดิม
ทว่ายังไม่ทันที่จะได้กลับไปยังที่ของมันในตอนแรก เจ้าอรุณก็รีบเรียกเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยว อย่าเพิ่ง”
เถาวัลย์เถานั้นหยุดชะงักทันควัน เจ้าอรุณเม้มปากแน่น คิดอยู่ครู่หนึ่งว่าควรทำดีไหม ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก
“ขอมือ... ขอเถาหน่อย”
ขอมือหน่อยนั่นมันหมา แต่นี่ไม่ใช่เลยเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน
ที่ตัดสินใจทำอย่างนี้ก็เพราะต้องการความมั่นใจว่าที่เขาคิดในตอนแรกนั้นไม่ผิด
เถาวัลย์เถานั้นหยุดค้างชั่วครู่แต่แล้วก็กลับมาหาเขาแต่โดยดี ที่สำคัญคือตรงมาวางส่วนปลายของเถาวัลย์แหมะบนฝ่ามือขาวที่ชายหนุ่มยื่นออกไปข้างหน้าราวกับรู้งาน
เจ้าอรุณมองแล้วก็เบิกตาโตอย่างไม่เชื่อ
มหัศจรรย์มาก! นี่มันการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติชัดๆ!
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาอยากทดลองเรื่อยๆ ออกคำสั่งไม่หยุด
“ลองพันข้อมือฉันดูหน่อยสิ”
ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้ไหมแต่ก็ลองพูดดู
เถาวัลย์เถานั้นสร้างความอัศจรรย์ใจให้นักพฤกษศาสตร์หนุ่มมากขึ้นโดยการทำตามที่สั่ง ปลายเถาวัลย์ค่อยๆ เลื้อยพันข้อมือขาวนวลอย่างแผ่วเบา เจ้าอรุณยกแขนข้างนั้นที่ถูกเถาวัลย์เกาะเกี่ยวขึ้นดูก็เอาแต่คราง
“อย่างกับต้นไม้ผีสิง”
คราวนี้ไม่ได้พูดภาษาโปรตุเกส ครางออกมาเป็นภาษาบ้านเกิด แล้วก็สังเกตด้วยว่าเจ้าเถาวัลย์นี้น่าจะไม่เข้าใจ ภาษาที่เข้าใจมีเพียงภาษาโปรตุเกสเท่านั้นเพราะทันทีที่เขาพูดประโยคนั้นจบ เถาวัลย์ก็หยุดการเคลื่อนไหว ชูปลายโค้งงอคล้ายกับเครื่องหมายคำถามขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบแปลให้
“ฉันบอกว่านายอย่างกับเป็นต้นไม้ผีสิง”
เข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่แน่ใจด้วยว่าที่บราซิลมีความเชื่อเรื่องผีในต้นไม้ด้วยหรือเปล่าเช่นกัน แต่เขาไม่สนใจอะไรแล้ว เอาปากกามาก้มหน้าจดข้อมูลลงไป
จดไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองเมื่อจู่ๆ มือข้ออีกข้างที่ไม่ได้ถูกพันธนาการก็มีเถาวัลย์เถาเล็กพอๆ กับอีกข้างเลื้อยขึ้นมารัด
“อะไร”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเถาวัลย์...
ก็แน่ล่ะ มันจะไปมีได้อย่างไร นั่นมันพืช!
“อย่าเพิ่งวุ่นวายน่า ฉันจดข้อมูลแป๊บนึง”
เจ้าอรุณว่าด้วยน้ำเสียงดุเล็กน้อยคล้ายกับดุสัตว์เลี้ยง แต่รอบนี้เหมือนเถาวัลย์จะไม่ฟัง สื่อสารไม่รู้เรื่องขึ้นมาเสียอย่างนั้น สิ้นเสียงชายหนุ่ม เถาวัลย์ทั้งสองเถาที่ตรึงข้อมือเขาอยู่ก็รัดแน่นขึ้นมา ทำเอาเจ้าอรุณร้องโอ๊ย เงยหน้าขึ้นมามองต้นตออย่างรวดเร็ว
“ฉันบอกว่าอย่าเพิ่งวุ่นวายไง!”
เอ็ดไปด้วยอีกครั้ง แต่ก็เสียเปล่าเมื่อจู่ๆ ที่บั้นท้ายก็รู้สึกถึงแรงฟาดไม่แรงนัก
เพียะ!
“เฮ้ย!”
หันขวับไปมองก็เห็นเถาวัลย์อีกเถาตีก้นตัวเอง แล้วก็หยุดเมื่อเห็นสายตาดุๆ ของเขาจ้องมอง พอหันกลับมา เหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นซ้ำสอง
เพียะ!
