บทที่ 2
“แต่ช่วงนี้มีพวกสมุนของเสื่อโต้งป้วนเปี้ยนบ่อย กลับบ้านก็ระวังด้วยล่ะ” เจ้าของร้านบอกด้วยความเป็นห่วงแล้วเดินกลับไปนอนบนเก้าอี้หวายตัวเก่า
“ค่ะ”
นับดาวรับคำก่อนจะหันกลับไปมองแต่ไม่เจอใคร ความสงสัยเกิดขึ้นในใจหญิงสาว เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น ตอนนั้นเธอเพิ่งเลิกงานเดินทางกลับบ้านเจอพวกนั้นดักทางไว้ยังดีที่ตอนนั้นแม่ตามมาช่วยไว้ทันต่อมาก่อนแม่เสียท่านสั่งให้ย้ายไปอยู่กับลลิตาเพื่อความปลอดภัยของเธอ
หรือพ่อไปทำอะไรไว้ เย็นนี้ค่อยไปดูแล้วกัน
“ไงคนสวย วันนี้เปิดร้านสายเลยนะ” เสียงทักทายจากพวกที่เธอเห็นก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าข้ามถนนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ นับดาวทำทีไม่สนใจแล้วเดินมาบริเวณที่กล้องวงจรจับภาพได้เพื่อความปลอดภัยหากมีอะไรเกิดขึ้นหลักฐานในกล้องนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะจับพวกมันได้
“ถ้าไม่ซื้อก็ออกไปซะ”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยจากด้านหลังพร้อมการปรากฏกายของชายสวมชุดสีกาดีอ่อน มองมายังผู้ชายอีกสองคนที่เข้ามาก่อกวนในร้าน
“ตำรวจว่ะ ไปเถอะ” เพื่อนอีกคนสะกิดก่อนจะเดินออกจากร้านแต่ไม่วายหันมองหน้าตำรวจนายนั้นอย่างหาเรื่อง
นับดาวถอนหายใจโล่งอกที่มีคนช่วยไว้ได้ทัน หญิงสาวมองลูกค้าคนใหม่สายตาขอบคุณ หน้าตาหล่อเหลาและมีรอยยิ้มอ่อนโยน สาว ๆ ใครได้เห็นเป็นต้องละลายกันแน่
“ขอบคุณนะคะที่เข้ามาช่วย”
“พวกนั้นทำอะไรคุณหรือเปล่าครับ” นายตำรวจคนเดิมถาม
“ไม่ค่ะ” เธอส่ายหน้าเร็ว ๆ
“ผมเพิ่งมาประจำการที่นี่ ถ้ามีอะไรให้ช่วยรีบแจ้งทางสน. ได้เลยนะครับ” คุณตำรวจบอกต่อก่อนจะขอตัวออกจากร้าน
นับดาวทำงานต่อ แต่ทุกเวลาที่ผ่านไปเธอรู้สึกเหมือนว่ามีใครกำลังเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา อาจเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อเช้าทำให้เธอระแวงเอง นับดาวสรุปกับตัวเองแล้วทำหน้าที่เหมือนเดิมทุกวันต่อไปจนกระทั่งถึงเวลาปิดร้านหญิงสาวปั่นจักรยานมายังบ้านพักโทรมเพราะไม่มีใครคอยดูแล
“พ่อ ดาวมาแล้วค่ะ”
หญิงสาวเรียกหาผู้เป็นพ่อพร้อมสอดส่องสายตาทั่วทั้งบ้านเมื่อเข้ามาข้างใน เสียงกุกกักดังจากข้างในห้องนอน พลันความคิดร้ายก็ผุดเข้ามา เพราะเมื่อกลางวันเจอคนจากบ่อนทำให้นับดาวหันไปหยิบไม้กวาดใกล้ตัวก้าวขยับไปตามเสียง
“พ่อทำอะไร เก็บเสื้อผ้าทำไมจะไปไหน” ทันทีที่เข้ามาข้างในก็ต้องเจอกับจอมทัพกำลังเก็บข้าวของอย่างร้อนรน สีหน้าตื่น ๆ พร้อมเหงื่อที่ผุดเต็มหน้าทำให้ผู้เป็นลูกสงสัยเข้าไปอีก
“ฉันอยู่ไม่ได้แล้วต้องหนีไม่งั้นพวกมันฆ่าฉันแน่” จอมทัพเงยมองลูกสาวเพราะกลัวว่าเป็นพวกสมุนของเจ้าหนี้ก่อนจะหันไปเก็บของต่อ
“พวกไหน พ่อไปทำอะไรมา บอกดาวเดี๋ยวนี้เลยนะ” นับดาวเดินไปแย่งของในมือพ่อพร้อมกระชากกระเป๋าเสื้อผ้าออกห่าง เธอต้องรู้ให้ได้ว่าพ่อไปทำอะไรมาแล้วเกี่ยวกับพวกที่มาร้านตอนเช้าหรือไม่
“ก็ตอนนั้นมือมันขึ้นแต่อยู่ ๆ ก็เสียเลยไปยืมเงินเสี่ยโต้งมาหมุน” คนเป็นพ่อเล่าตามจริงเมื่อปิดบังไปก็ไม่มีประโยชน์
“แล้วเสียไปเท่าไหร่” นับดาวถาม และได้กลิ่นเหล้าจากอีกฝ่ายคลุ้งไปหมด
“แค่แสนเดียวเอง เอ็งพอมีเงินเก็บใช่ไหมให้พ่อยืมหน่อยสิ มันใกล้จะได้ แต่ก็เสีย” คนเป็นพ่อหันถามบุตรน้ำเสียงมีความหวังที่จะกลับไปแก้มืออีกครั้ง
“ดาวไม่มีหรอก” นับดาวส่ายหน้า เธออยากเรียนต่อแต่ต้องโกหกพ่อไปเพราะไม่อยากให้พ่อกลับไปสู่วังวนเดิม ๆ อีก หากไม่กินเหล้าก็เข้าบ่อนเล่นการพนันสูญเสียไปเท่าไรไม่เคยจำ จากเงินที่มีมากเริ่มร่อยหรอไม่มีเหลือให้ใช้
“โกหก ค่าหัวแม่เอ็งล่ะเอาไปไว้ที่ไหน” จอมทัพตวาดลูกสาวลั่นพยายามเดินเข้าไปหาแต่เพราะน้ำเมาที่ดื่มไปทำให้จากที่เดินตรงเป๋ไปมาสะดุดล้มกับลงบนที่นอนแต่ยังมีความพยายามลุกขึ้นมาชี้หน้ามองบุตร
“ก็จ่ายหนี้ให้พ่อไง หมดแล้วไม่มีเหลือแล้ว” นับดาวตอบกลับเสียงดังไม่แพ้กัน เธอเหนื่อยแล้วที่ต้องมาเจออะไรแบบเดิมซ้ำ ๆ พลันเสียงบุคคลอื่นแทรกขึ้นมาทำให้สองพ่อลูกขยับตัวไปดูทางหน้าบ้าน
“เฮ้ย! ฉันได้ยินเสียงคุยกันว่ะ พวกมันอยู่ข้างในแน่พังประตูเข้าไปเลย”
“หนี ฉันต้องหนีแล้ว” จอมทัพคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าได้ก็รีบวิ่งเซแต่ยังทรงตัวได้ออกทางหลังบ้าน ตามด้วยนับดาวที่ความกลัวเริ่มเกาะกินหัวใจสั่งให้วิ่งตามผู้เป็นพ่อ