CHAPTER ZERO : FEILICIA LAVANO WELNOZ
CHAPTER ZERO : FEILICIA LAVANO WELNOZ
I'M TOO YOUNG AND CONFUSED,
NOT UNDERSTANDING THE POWERS OF LOVE.
ณ วันที่ 7 เดือน 7 ปี 1xx7 ได้เกิดปรากฏการณ์พายุเข้าครั้งใหญ่ต่อเนื่องกันหลายต่อหลายสัปดาห์ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังครืนครืนจนคนเริ่มมองเป็นเรื่องปกติ
ณ ราชวังเวลนอส
เหล่าคนรับใช้ในคฤหาสน์ใหญ่ใจกลางเมืองปีศาจตอนนี้กำลังวุ่นวายกันให้ขวักแข่งกับฝนฟ้าอากาศที่กำลังแปรปรวนอยู่ เหตุผลมาจากพระราชินีของพวกเขากำลังใกล้ประสูติพระราชธิดาแล้ว
ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหลายนั้นพลันสายฟ้าก็ผ่าลงมากลางคฤหาสน์เวลนอสเป็นเวลาเดียวกับเสียงร้องของเด็กที่ได้กำเนิดขึ้นมาพร้อมกับพลังอำนาจอันเหลือล้น โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าภายใต้ใบหน้าน่ารักน่าชังนั้นในอนาคตเธอจะกลายเป็นบุคคลที่นำความโกลาหลขนาดใหญ่มาสู่โลกใบนี้
“ท่านพ่อ . . .” เด็กสาวที่อายุเพียง 5 ขวบเท่านั้นเดินเข้ามายังห้องทำงานของผู้บิดาด้วยสีหน้าเศร้าหมองท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิดนี้
“ว่าไงเฟลิเชีย ลูกนอนไม่หลับงั้นเหรอ”
“ค่ะ . . .”
“เป็นอะไร ฮึ ?” ผู้เป็นบิดาหรือกษัตริย์ริชมอนด์ เลวาโน่ เวลนอส ผู้ปกครองอาณาจักรนี้มองลูกสาวด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วเดินเข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขน
“ลูก . . . ลูกฝันร้าย . . .”
“ฝันว่าอะไรบอกพ่อได้มั้ย”
“. . .” เด็กสาวเม้มปากแน่น แต่ก็ไม่ตอบอะไรออกมาแล้วซุกหน้าลงกับอกแกร่งของท่านพ่อของตนแทน
“เฟลิเชีย . . . ?”
“ทะ ท่านแม่ . . .” เสียงเล็กๆกำลังสั่นเครือถึงแบบนั้นริชมอนด์ก็ตั้งใจฟังอย่างดีเพราะลูกสาวของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน “ท่านแม่ . . . กำลังจะตาย . . .”
“. . .” ริชมอนด์ขนลุกชูชันมองไปยังร่างของลูกสาวด้วยสายตาตกตะลึง เขาดันตัวลูกของเขาออกช้า ๆและก็พบว่าดวงตาคู่สวยสองสีนั้นกำลังคลอไปด้วยน้ำตา
“. . . มันไม่จริงใช่มั้ยคะท่านพ่อ . . .”
น้ำเสียงของเฟลิเชียสั่นเครือจนน่าสงสาร หัวใจของเด็กสาวถูกเกาะกุมไปด้วยความหวาดกลัว
“ท่านแม่จะยังไม่ทิ้งลูกไปใช่มั้ยคะ . . .”
“ลูกแค่ฝันไปเฟลิเชีย . . . ไม่เป็นอะไรนะลูก” ริชมอนด์กล่าวแล้วโอบกอดลูกสาวของเขาดังเดิม ในตอนนั้นเขาคิดว่าสิ่งที่ลูกสาวของตนเห็นเป็นเพียงฝันร้าย แต่ไม่ต้องใช้เวลานาน เขาก็พบว่าสิ่งเขาคิดผิดมหันต์
ในวันต่อมาคฤหาสน์เวลนอสเต็มไปด้วยความทุกข์ตรม พระราชินีที่แสนใจดี และสวยงามได้ลาลับจากโลกนี้ไปด้วยโรคร้ายที่กัดกินชีวิตของเธอมานานหลายร้อยปีแต่กลับไม่มีผู้ใดรับรู้มาก่อนเลย
ริชมอนด์มองภาพของลูกสาวที่เข้าไปกอดร่างไร้สติของภรรยาตัวเองแน่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งเศร้าโศก ทั้งเสียใจ ทั้งสับสน และโกรธตัวเองที่ไม่เคยรู้โรคร้ายนั้นมาก่อนเลย แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือทำไมความฝันที่เฟลิเชียเห็นถึงกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา
มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญใช่มั้ย . . .
อาณาจักรแห่งนี้คืออาณาจักรปีศาจนามว่าเวลนอส อาณาจักรที่ปกครองด้วยราชาริชมอนด์และราชินีวาเลนเซียซึ่งเป็นแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์มาช้านานการสูญเสียครั้งนี้สร้างผลกระทบอย่างมากให้องค์ราชา เขาไม่คิดจะรับราชินีใหม่หรือสนใจหญิงใดของจากวาเลนเซียผู้เป็นที่รัก และพยายามลดงานลงเพื่อใช้เวลาอยู่กับลูกสาวเพียงคนเดียว
สวนเรือนกระจก
เฟลิเชียตอนนี้อายุ 6 ขวบแล้ว ร่างบางระหงอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีขาวระบายคลุมด้วยเสื้อแขนยาวสีดำสนิท ดวงตาด้านซ้ายสีทองบริสุทธิ์ตัดกับด้านขวาสีอเมทิสซีด ผมสีแพลตตินั่มยาวสลวยทอประกายรับแสงเป็นอย่างดี เธอเดินรดน้ำต้นกุหลาบด้วยด้วยสายตาว่างเปล่า
“องค์หญิงทำไมถึงไม่รดต้นนี้ด้วยล่ะเพคะ”
“...” เฟลิเชียมองต้นกุหลาบต้นนึงที่เธอไม่ได้รดเมื่อกี้แล้วก็หันมาสบตากับคนรับใช้คนสนิทช้า ๆ “เดี๋ยวมันก็เฉาตาย ต่อให้ดิฉันรดก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน”
สิ้นเสียงเฟลิเชียก็เดินจากไป ทำให้คนรับใช้อย่างเอ็มมายืนค้างอยู่เช่นนั้น
ยิ่งเวลาผ่านไปข่าวลือเรื่องคำพูดและท่าทางแปลก ๆ ของเฟชิเลียก็ยิ่งมากขึ้นทุกวันภายในคฤหาสน์ ทั้งเรื่องที่เมื่อพูดว่าสิ่งใดจะดับสูญสิ่งนั้นก็จะดับสูญไปจริง ๆ ทั้งเรื่องที่ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องตั้งแต่เช้ายันเย็นไม่ยอมพบใคร รวมถึงสีตาสองสีไม่ที่เหมือนใครมาก่อน
ผู้เป็นบิดาอย่างริชมอนด์เองก็เป็นห่วงอย่างมากเพียงแต่เขาคิดว่าคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร และถ้าหากมีปัญหาอะไรจริง ๆ ขอเพียงเฟลิเชียเอ่ยออกมาคำเดียว เขาก็พร้อมจะจัดการปิดปากพวกปากมากให้หมดเสีย
ต่างคนต่างรอ
ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรจนกลายเป็นความเฉยชาและห่างเหิน
ทุกคนต่างหวาดกลัวในความไม่รู้ทำให้หญิงสาวต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง จนกระทั่งเฟลิเชียอายุ 9 ปี ท่านพ่อของเธอได้พาไปยังอีกอาณาจักรที่อยู่ห่างไกลพอสมควรเพื่อหวังจะให้เธอได้มีเพื่อนที่อายุใกล้เคียงกันบ้าง เผื่อเธอจะมีความสุขมากขึ้น
อย่างน้อยริชมอนด์ก็คิดแบบนั้น
ราชวังแอลฟาเรส
เฟลิเชียถูกพามาทำความรู้จักกับองค์ชายลิฮอนผู้ซึ่งมีผมสีดำสนิท ดวงตาขมกริบสีน้ำตาลอ่อนแสดงอย่างชัดเจนว่าตนเป็นเผ่ามนุษย์ ใบหน้าของเขามักจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะโดนลากไปทักทายคนนั้นคนนี้ทีในงานฉลองวันเกิดของตนก็ตาม
“ไม่คิดเลยว่านายจะมา ริชมอนด์” ราชาแห่งอาณาจักรมนุษย์อย่างไบรอันพูดออกมาอย่างยินดีเนื่องจากผู้ที่เปรียบเสมือนเพื่อน พี่ชายหรือแม้แต่บิดาของตนนั้นได้มาร่วมงานฉลองวันเกิดของลูกชายในวันนี้ด้วย
“ฮึ ๆ . . . วันเกิดของลูกชายเพื่อนทั้งที จะไม่มาได้อย่างไร” ริชมอนด์เอ่ยขำ ๆ วันนี้ทั้งเขาและลูกสาวได้ทำการพลางตัวกลบกลิ่นเวทย์ปีศาจเอาไว้ด้วยเวทย์พื้นฐานแล้วเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายโดยใช่เหตุ
“ลิฮอนทักทายราชาริชมอนด์เขาสิ”
“ถวายบังคมพะยะค่ะ” ลิฮอนกล่าวแล้วโค้งตัวลงอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ริมอนด์ก็ส่ายหน้าเบา ๆ เป็นการห้าม จู่ ๆ จะให้รัชทายาทมาโค้งพร่ำเพรื่อก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี
“ไม่ต้องพิธีรีตองมากนักหรอก”
“ครับ” ลิฮอนตอบเสียงใสแล้วสายตาก็หันไปพบกับเด็กสาวที่มีรูปร่างหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตา ดวงตาสองสีนั้นสวยงามเกินกว่าจะบรรยายได้ ทำให้เผลอไผลจ้องมองจนไม่อาจละสายตาได้
“อะแฮ่ม . . .” ริชมอนด์กระแอมทำให้ลิฮอนที่ได้สติหัวเราะแห้ง ๆ “นี่คือลูกสาวคนเดียวของผม อายุก็น่าจะราว ๆ ลิฮอนนี่แหละนะ แนะนำตัวสิลูก”
“ถวายบังคมเพคะ ท่านไบรอัน ท่านลิฮอน ดิฉันชื่อว่าเฟลิเชียเพคะ เฟลีเชีย เลวาโน เวลนอส” น้ำเสียงใสเอ่ยขึ้นพร้อมกับท่าทางที่งดงาม ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเป็นธรรมชาติยกยิ้มเล็กน้อยตามมารยาท
“สวยเหมือนแม่เลยนะ”
“ขอบพระทัยเพคะ”
“ขอบพระทัยอะไรกัน พูดปกติก็ได้”
“เป็นพระทัยอย่างสูงเพคะ . . . งั้นขอเสียมารยาทล่วงเกินนะคะ ท่านไบรอัน” เฟลิเชียยืนหลังตรงสง่าเหมือนเดิมแล้วก็หันไปสบสายตากับลิฮอนพอดีทำให้เธอยกยิ้มให้เขาช้า ๆ “ยินดีที่รู้จักนะคะ เซอร์ลิฮอน”
“เช่นกันครับ เลดี้เฟลิเชีย” ลิฮอนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ใบหน้า ทำให้เผลอตอบรับออกไปอย่างไม่เต็มเสียง
“เฟลิเชียอย่างเดียวก็พอค่ะ ดิฉันไม่ถือ”
“งั้นเรียกผมลิฮอนเฉย ๆ ก็ได้ครับ” พอลิฮอนเอ่ยไปเช่นนั้นเฟลิเชียก็พยักหน้ารับแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกจนไบรอันเห็นว่าเด็กสาวน่ารักตรงนี้ยังไม่ได้ทานอะไรก็เปิดบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้ง
“งั้นลิฮอนพาหนูเฟลิเชียไปเดินรอบ ๆ งานดีมั้ย มีของกินมากมายเลย”
“ครับ ท่านพ่อ” ลิฮอนผายมือให้เฟลิเชียเดินนำไปก่อนและเธอก็ยอมทำตามแต่โดยดี ทำให้เขาเดินไปอยู่เทียบเคียงในภายหลัง
“เธออยากทานอะไรหน่อยมั้ย”
“ไม่มีเป็นพิเศษค่ะ”
"ไม่หิวเหรอ"
"ไม่เท่าไหร่ค่ะ"
“งั้นเราไปเดินดูด้านนอกงานกันมั้ย”
“ค่ะ”
เนื่องจากคืนนี้เป็นคืนที่มีดวงดาวเต็มม่านฟ้าสวยงามระยิบระยับลิฮอนจึงไม่ลังเลที่จะชวนเฟลิเชียเดินมาที่ระเบียงด้านนอกแทนเมื่อได้รับรู้ว่าเธอไม่อาหารเสียเท่าไหร่
“คลุมนี่ไว้นะ ข้างนอกค่อนข้างหนาว” ลิฮอนสละเสื้อคลุมนอกของเขาคลุมให้ไหล่ขาวที่เผยออกมาจากชุดราตรีสีฟ้าอ่อนอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เฟลิเชียรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเนื่องจากไม่เคยมีคนปฏิบัติกับเธอเช่นนี้มาก่อน
“ขอบคุณค่ะ . . .”
“ด้วยความยินดี” ลิฮอนเอ่ยยิ้ม ๆ แล้วมองใบหน้าด้านของเฟลิเชียที่กำลังเงยชมดวงดาวบนฟ้าอยู่ ผิวของเธอขาวเหมือนหิมะ ริมฝีปากเล็ก ๆ สีชมพูอ่อนเป็นธรรมชาติ แก้มสีแดงระรื่อที่ไร้เครื่องสำอาง ผมของเธอนั้นเป็นสีแพลตตินั่มถูกม้วนเป็นมวยไว้ด้านบนเข้ากับชุดราตรีเปิดไหล่สีฟ้าเป็นอย่างดี
เฟลิเชียไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาที่มีชีวิต ลิฮอนเชื่อว่าเธอจะต้องเป็นที่นิยมมากในอาณาจักรของตัวเองแน่ ๆ
แต่ที่ลิฮอนรู้สึกชอบและหลงใหลเป็นพิเศษก็คงไม่พ้นดวงตาสองสีคู่นั้น จนแอบนึกคาดเดาอยู่ในใจว่าเผ่าใดกันที่จะมีดวงตาสีสวยเช่นนี้
“ไม่ทราบว่าหน้าของดิฉันมีอะไรติดอยู่หรือเปล่าคะ . . .” เฟลิเชียถามแล้วหันหน้ามาสบตากับลิฮอนเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมา
“เอ่อ . . . เปล่า ผมขอโทษที่เสียมารยาท” ลิฮอนอึกอักแล้วโค้งขอโทษออกไป ทำให้เฟลิเชียส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็เงยมองดวงดาวบนฟ้าต่อด้วยสายตายากจะคาดเดาอีกครั้ง
เวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ เหล่าผีเสื้อกลางคืนก็เริ่มบินมาอยู่ใกล้ ๆ ตัวของเฟลิเชียมากขึ้น จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 ทำให้ตอนนี้รอบ ๆ ตัวเธอมีอยู่ 6 ถึง 7 ตัวได้
ดวงตาสองสีมองเหล่าผีเสื้อกลางคืนรอบตัวเองแล้วถอนหายใจออกมายาวพรืดด้วยความเบื่อหน่าย ผิดกับลิฮอนที่แสดงสีหน้าสนใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ดูเหมือนพวกมันจะชอบเฟลิเชียนะ”
“. . . ค่ะ พวกมันชอบดิฉันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะค่ะ” เฟลิเชียชี้ไปทางด้านตรงข้ามกับเธอซึ่งเป็นภาพเมืองที่สวยงามเมื่อมองจากมุมนี้ ทันใดนั้นเหล่าผีเสื้อก็ค่อย ๆ บินไปยังทิศที่เธอชี้ราวกับสื่อสารกันได้
“สุดยอดเลย”
“. . . หมายถึงอะไรงั้นเหรอคะ”
“เธอไง เหมือนคุยกันรู้เรื่องเลย” ลิฮอนพูดออกมาด้วยใจจริง ทำให้เฟลิเชียกระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุ่นงง เพราะถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินเสียงของเหล่าผีเสื้อ แต่เธอก็สามารถเข้าใจและสื่อสารกับพวกผีเสื้อได้จริง ๆ อย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ “ฟังดูแปลกสินะแต่ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ”
“ไม่หรอกค่ะ . . . แต่คุณเป็นคนแรกที่บอกเช่นนั้น” สำหรับเฟลิเชียแล้วการที่ทุกคนจะมองว่าเธอแปลกประหลาดถือเป็นเรื่องปกติ ทำให้เธอไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับคำชมจากคนอื่นเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้จะเป็นเพียงคำพูดเรียบง่ายอย่าง สุดยอดเลย ก็ตาม
ผู้คนที่เข้ามาหาเฟลิเชียต่างพูดจาดีน่าฟัง แต่ลับหลังกลับนินทาว่าร้ายเธอทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ทำให้เธอเหนื่อยที่จะต้องมาเข้าใจและเจอสถานการณ์เช่นนั้นเป็นอย่างมาก
ดังนั้นเฟลิเชียจึงเริ่มถอยห่างจากผู้คนช้า ๆ
“ท่านริชมอนด์น่ะเป็นเพื่อนกับท่านพ่อสินะ”
“ใช่ค่ะ เห็นว่าสนิทกันมานานแล้ว”
“แล้วเธอมาจากที่ไหนงั้นเหรอ ท่านพ่อบอกแค่มาจากที่ที่ห่างไกลมาก ๆ เท่านั้นเอง”
“เรื่องนั้น . . .” เฟลิเชียไม่กล้าพูดเต็มปากว่าตัวเองมาจากดินแดนอะไร ถึงแม้ว่าดวงตาที่ใสซื่อของผู้ชายตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกวางใจอย่างบอกไม่ถูกก็ตาม
ลิฮอนไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังเหมือนคนอื่น ทำให้เฟลิเชียไม่ต้องปวดหัวและพยายามทำความเข้าใจมัน ดังนั้นแล้วถ้าหากเธอพูดออกไปว่าอยู่อาณาจักรเวลนอสซึ่งเป็นเมืองหลวงของพวกปีศาจ บางทีเขาอาจจะไม่นึกกลัวหรือรังเกียจเธอก็ได้
“มันเป็นเมืองเล็ก ๆ น่ะค่ะ และไม่ค่อยติดต่อกับคนภายนอกเท่าไหร่นัก . . . คุณไม่รู้จักหรอก”
แต่สุดท้ายเฟลิเชียก็เลือกที่จะพูดโกหกออกไป เธอยังไม่กล้าพอที่จะบอกความจริงกับลิฮอน
“งั้นเหรอ”
“ค่ะ” เฟลิเชียพยักหน้ารับ แต่เพราะสายตาที่จ้องมองมาของลิฮอนทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องและเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง “ตกลงหน้าของดิฉันมีอะไรติดอยู่หรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกแต่ผมแค่กำลังคิดว่าดวงตาของเฟลิเชียสวยมากจริง ๆ นะ ผมชอบ”
“. . .” ดวงตาคู่สวยเบ่งตากว้างทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้นออกมาจากของลิฮอน
เฟลิเชียยืนนิ่งแข็งไปสักพักใหญ่ ๆ ภายในหัวของเธอกำลังดีกันมั่วไปหมด สำหรับเธอแล้วดวงตาต่างสีนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เธอถูกกีดกันและเพราะดวงตาคู่นี้ ‘มอง’ เห็นบางสิ่งที่ไม่ควรเห็น เธอจึงนึกรังเกียจมาโดยตลอดแต่คนตรงหน้าของเฟลิเชียกลับพูดออกมาว่าชอบได้อย่างง่ายดาย
“. . .”
“ขอโทษที่พูดแต่เรื่องแปลก ๆ นะ”
“ไม่ . . . ไม่หรอกค่ะ” เฟลิเชียพยายามควานหาเสียงของตัวเองและเอ่ยปฏิเสธออกไป
“นี่ก็เริ่มหนาวแล้วเข้าข้างในกันเถอะ”
“ค่ะ”
ในตอนนี้หัวใจของเฟลิเชียกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง
อาจจะเป็นเพราะความหนาวของลม
หรือไม่ก็เพราะคำพูดเหล่านั้น
คำพูดอันไร้เดียงสาของลิฮอน
“นายว่ายังไงล่ะเรื่องหมั้นหมาย” ไบรอันเอ่ยเร่งถามริชมอนด์เกี่ยวกับการหมั้นหมายของลิฮอนและเฟลิเชีย เพราะนอกจากลูกสาวของอีกฝ่าย เขาก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเหมาะสมกับลูกชายของเขาอีก
“คงต้องถามเฟลิเชียก่อนล่ะนะ” ริชมอนด์ตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก ยังไงความสุขของเฟลิเชียก็จะต้องมาก่อนอยู่แล้ว ต่อให้ใครจะว่าอะไรยังไงก็ตามถ้าหากลูกของเขาไม่ยินดี เขาก็พร้อมจะดูแลเธอตลอดไป
ไบรอันที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเสียดายไม่น้อย แต่พอเหลือบไปเห็นว่าเด็กทั้งสองคนได้กลับมาแล้ว แถมบนตัวของเฟลิเชียยังมีเสื้อคลุมของลิฮอนอยู่ยิ่งทำให้เขารู้สึกมีหวังขึ้นมา
“เป็นอย่างบ้าง ลิฮอนดูแลเฟลิเชียดีหรือเปล่า”
“ดีมากค่ะ” เฟลิเชียตอบสั้น ๆ แต่ก็อดสงสัยในดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังจากองค์ราชาตรงหน้าไม่ได้
“งั้นรึ ๆ ก็ดีแล้ว” ไบรอันหัวเราะอย่างเปี่ยมสุข “หนูเฟลิเชียคิดว่ายังไงบ้างหากลุงอยากจะให้หนูมาเป็นลูกสาวอีกคนของลุงน่ะ”
“ท่านไบรอันหมายความว่ายังไงกันคะ”
“สนใจหมั้นหมายกับลิฮอนมั้ย”
“. . .” เฟลิเชียนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ๆ ทำให้องค์ราชาถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยความเป็นกังวล
“ว่าไงหนูเฟลิเชีย ลุงไม่เคยเห็นเด็กสาวคนไหนที่เพรียบพร้อมเท่าหนูมาก่อนเลย อีกอย่างถ้าหากได้หนูมาอยู่ข้าง ๆ ลิฮอนลุงก็คงเบาใจ”
“ดิฉัน . . .” เฟลิเชียรู้ดีว่าคำพูดสวยหรูที่ออกมาจากปากขององค์ราชาแท้จริงแล้วเขาต้องการอะไร อำนาจบารมีอันมากล้นของตระกูลของเธอ
นั่นคือสิ่งที่ตาลุงเจ้าเล่ห์ต้องการ
หากเป็นปกติเฟลิเชียจะต้องตอบปฏิเสธแน่ ๆ แต่เรื่องนี้ถ้าหากมองในอนาคตจะถือว่าเป็นเรื่องดีและถ้าเป็นลิฮอน เฟลิเชียคิดว่าคงจะสามารถพูดคุยกันได้โดยไม่อึดอัด
ถ้าหากตอบตกลงออกไปจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ
เฟลิเชียสะบัดหัวไล่ความคิดที่แสนเอาแต่ใจของตัวเองออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะการหมั้นหมายสำหรับมหาอำนาจ 2 อาณาจักรไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ และมันอาจจะทำให้สมดุลเพี้ยนได้เลย
เฟลิเชียเหลือบไปมองสีหน้าของลิฮอนเล็กน้อย และอีกฝ่ายก็มองเธออยู่เช่นกัน ซึ่งสิ่งที่เขาส่งกลับมาก็คือรอยยิ้มเหมือนทุกที
ราวกับจะบอกว่า ผมยินดี
“ถ้าหากท่านไบรอันต้องการเช่นนั้นดิฉันก็ไม่ขัดข้องค่ะ . . .”
พอได้ยินคำตอบที่น่าพึงพอใจองค์ราชาก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่นานริชมอนด์ก็ร่ำลาเพื่อนเก่าเพื่อนแก่แล้วพาลูกสาวกลับมายังคฤหาสน์เวลนอสทันที
คฤหาสน์เวลนอส
“ทำไมลูกถึงตอบตกลงไปล่ะ เฟลิเชีย”
“ลูกคิดว่าหากเชื่อมสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรมนุษย์น่าจะดีกับพวกเรามากกว่าค่ะ . . .”
“แต่. . ." แม้ว่าอยากจะพูดว่าต่อให้ไม่ต้องผูกสัมพันธ์ใด ๆ อาณาจักรของพวกเขาก็มีอำนาจมากพออยู่แล้วก็ตาม แต่เพราะริชมอนด์ก็อยากจะเห็นมุมมองของลูกสาวตัวเองเช่นกันจึงหยุดคำพูดของตัวเองเอาไว้ก่อน "ว่าต่อสิ"
“มนุษย์ . . . ถือเป็นเผ่าพันธุ์ที่ฉลาดหลักแหลม ราชาไบรอันเองก็เช่นกัน และลูกคิดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าที่นั่นจะเป็นศูนย์รวมการศึกษาเป็นแน่”
“จะว่าไปพ่อเองก็เคยได้ยินเรื่องที่ว่ามีสถาบันที่สอนการศึกษามากมายอยู่ที่อาณาจักรนั้นใช่หรือไม่”
“ค่ะ ทุกเผ่าที่เรียนอยู่ที่สถาบันฟาเรสจบออกมามีคุณภาพด้วยกันทั้งสิ้น แม้จะยังก่อตั้งได้ไม่นานแต่ลูกก็คิดว่าในอนาคตจะต้องมีประโยชน์กับเรามากค่ะ”
“น่าสนใจ” ริชมอนด์นั้นไม่ต้องการให้ลูกสาวของตนหมั้นหมายทางการเมืองเช่นนี้ แต่พออีกฝ่ายเป็นคนเอ่ยออกมาเองเขาก็ไม่คิดจะขัดข้องเพราะว่าหากเธอรู้สึกอึดอัดแม้เพียงนิดเดียวเขาก็จะถอนหมั้นอย่างไม่ลังเลเช่นกัน
การตัดสินใจครั้งนั้นของเฟลิเชียทำให้วันต่อมาที่อาณาจักรมนุษย์มีการประกาศคู่หมั้นของรัชทายาทขึ้นจึงกลายเป็นข่าวครึกโครมทั่วดินแดน เพราะไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวปริศนานั้นคือใคร และพอเวลาผ่านไปสถาบันการศึกษาหลักก็ตกเป็นของสถาบันฟาเรสตามที่เธอได้คาดเดาเอาไว้อย่างน่าอัศจรรย์
ชิ้นส่วนฟันเฟืองแห่งการเวลาได้ถูกประกอบลง
โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะนำพาไปพบเจอกับอะไร
