The Bodygard x ครั้งหนึ่งคืนข้ามปี

88.0K · จบแล้ว
พิมพ์ชนก
46
บท
13.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ครั้งหนึ่งคืนข้ามปีค่ำคืนที่ทุกคนมีความสุขกับการเที่ยว เลี้ยงฉลอง ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กลับมีสาวหนึ่งเป็นคืนทรมานของความอ้างว้าง จนต้องออกเที่ยวเพียงลำพัง คืนนั้นจึงได้ผัวเด็กน่ากิน โดยไม่ได้ตั้งใจหรือตั้งใจผสมกันไป แต่ใครจะคิดว่าเพียงคืนนั้นกลับผูกเกี่ยวคนทั้งสองเหนียวแน่นลืมกันไม่ลงบอดี้การ์ด (The bodygard)รองเท้าดีๆ จะพาคุณไปในสถานที่ดีๆ และไม่ดี แต่เราก็จะย่ำผ่านมันไปได้อย่างสวยงาม เช่นเดียวกับคู่ดีๆ ย่อมเคียงข้างเราไปทุกหนทุกแห่ง มีทุกข์ร่วมทุกข์ มีสุขร่วมเสพ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันพลิกชีวิตดราม่าโรแมนติก

ตอน 1 ครั้งหนึ่งคืนข้ามปี

โปรย ค่ำคืนที่ทุกคนมีความสุขกับการเที่ยว เลี้ยงฉลอง ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กลับมีสาวหนึ่งเป็นคืนทรมานของความอ้างว้าง จนต้องออกเที่ยวเพียงลำพัง คืนนั้นจึงได้ผัวเด็กน่ากิน โดยไม่ได้ตั้งใจหรือตั้งใจผสมกันไป แต่ใครจะคิดว่าเพียงคืนนั้นกลับผูกเกี่ยวคนทั้งสองเหนียวแน่นลืมกันไม่ลง

“บัดซบชะมัดปีใหม่แบบนี้ ฉันควรจะมีเพื่อนร่วมฉลอง ไม่ใช่พวกแกจะหนีฉันไปแบบนี้” เสียงสบถดังลอดจากปากหญิงคนหนึ่งอาการหัวเสีย ท่ามกลางผู้คนที่ออกมาฉลองคืนส่งท้ายปี

ตายห่าแฟนก็ไม่มี ผัวก็ไม่เคยพานพบ ไอ้เพื่อนสารเลวเอ๊ย ทิ้งฉันไปทุกคน ยัยตี่บินไปฉลองปีใหม่กับผัวที่ฝรั่งเศส ยัยพุดตอดไปหาแฟนที่อยู่เกาหลี อีเพื่อนเลวเห่อของนอก ส่วนอีเพื่อนตุ๊ดมันหนีไปฉลองถั่วดำกับเพื่อนชายที่เพิ่งตกได้มาไม่กี่วัน ไม่อยากให้เพื่อนไปรบกวน แล้วไงมินตรา ต้องมาแก่วอยู่บนถนนที่มีผู้คนออกมาร่วมกันฉลองปีใหม่ ปาร์ตี้ลูกบอล ปาร์ตี้โฟม ทั้งเตรียมตัวเคาน์ดาวเราผ่อนกันไปอย่างสนุกสนาน ช่างไม่เห็นใจคนอกหัก ไม่เห็นใจคนโดนเพื่อนทิ้งบ้างเลย

จะกลับต่างจังหวัดตอนนี้ ได้ตายคาถนนแน่ เพราะรถติดมหันต์ ซ้ำถ้าจะขึ้นเครื่องบิน ไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้า ขืนไปตอนนี้ได้เกาะปีกเครื่องบินไปเท่านั้น

“โอ๊ยยยย !!! แล้วกูละ พวกมึงทิ้งกู” หญิงสาวตะโกนบ้าบอ เสียสติอยู่คนเดียว ท่ามกลางผู้คนมากมาย ที่ไม่สนใจคนอื่นนอกจากเพื่อนฝูง หรือคู่เดทของตัวเอง “ช่างเป็นปีที่เลวร้ายที่สุด พวกแกก็รู้ว่าฉันเพิ่งเลิกกับแฟนไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แล้วยังคิดทิ้งฉันอีก บ้าเอ๊ย เซ็งฉิบหาย” ยังคนบ่นพล่ามกับกระป๋องเบียร์ ที่กรอกลงคอไปแล้วหกกระป๋อง

กลุ่มสาวสวยแต่งตัววาบหวิวเดินจับกลุ่มกันมา พวกนางมีความเริงร่าตามวัย อาจจะมากกว่าวัยซะด้วยซ้ำ ทั้งดัดจริต ทั้งแรดลงตับ เสียงวี๊ดว๊าย สายตาสอดส่องมองหาผู้ชาย

“นี่นะคืนนี้ได้ข่าวว่าวงทรีกายจะมา ฉันอยากเจออีตาเจอาร์จะตายอยู่แล้ว ถ้าได้กินสักทีจะไม่ลืมพระคุณเล๊ย คนบ้าอะไรหล่อตี๋อินเตอร์ เพื่อนร่วมวงนายอาร์ตหล่อเซออินตี๋ นายคิวก็หล่อตี๋อบอุ่น ฉันเลือกไม่ถูกเลยอ๊ะ” สาวนุ่งสั้นอวดนมคนหนึ่งกระดี๊กระด๊า อยากกินผู้ชาย ไม่เห็นใจคนกำลังเงี่ยหูฟังอยากสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเด็กสาววัยคัน

อีกสามชั่วโมงจะย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ พวกนางเหล่านั้นก็ยังมีความสุขกับจินตนาการ อยากกินผู้ชายที่มุ่งหวัง มินตราชักสนใจกับไอ้วงสามตี๋หรือทรีอะไรสักอย่างนั้นขึ้นมาบ้าง

“นี่น้องๆ กำลังจะไปเที่ยวที่ไหนเหรอ” เสียงอ้อแอ้พยายามควบคุมสติถามกับสาวนุ่งสั้นแต่งหน้าจัด

“เดอะชิกส์ ตรงโน้นไงเจ๊” สาวกางเกงขาดๆ สั้นๆ หันไปบอกมินตรา

เรียกกูเจ๊เลยหรืออีเด็กเวร เสียเซลเลยอีพวกชะนีนุ่งสั้น ทว่ามินตราสะกดอารมณ์เอาไว้ วันนี้ไม่สบอารมณ์มาหลายเรื่อง ไม่อยากหาเรื่องหาตีนเพิ่ม เอาละเงียบๆ ไว้มินตรา หญิงสาววัยเบญจเพส บอกตัวเองให้สงบปากไว้ ต่อให้ตอนนี้อารมณ์เสียแค่ไหนก็อย่าไปลับคมปากกับอีพวกชะนี นุ่งสั้นเสมอจิ๋ม

หญิงสาวมองตามนิ้วที่อีชะนีนุ่งสั้นเสมอจิ๋มชี้ “ถ้าอย่างนั้นให้เจ๊ไปด้วยได้มั้ย เจ๊เหงาโดนเพื่อนทิ้ง เมตตาเจ๊นิดหนึ่งนะ” มินตราลงทุนอ้อนวอนชะนีเด็ก แต่งหน้าจัด ไม่ควบคุมโทนสี คิดอยากประโคมอะไรลงบนหน้าก็ทำอย่างไม่คิดถึงสายตาคนมอง

“โหย...เจ๊น่าสงสาร ไปก็ไปอย่างเจ๊ คงแย่งซีนเด่นไปจากพวกหนูไม่ได้หรอก” ว่าแล้วอีนางชะนีมั่นใจในตัวเองสูง ก็ช้อนนมอวดต่อหน้าอีเจ๊ที่เพิ่งได้ฉายามาหมาดๆ ซะเลย เออกูไม่อึ๋มสู้มึงก็แล้วไป

“นั่นนมเหรอ ใครให้มา” ในสายตามินตรา จ้องมองนมสองเต้าบนอกนางชะนีปากดี เชื่อว่านมคู่นั้นไม่น่าใช่แม่ให้มา กล้าถามออกไปตรงๆ ดูสินางชะนีนุ่งสั้นจะตอบยังไง

“ต๊าย !! เจ๊ถามได้ ก็หมอสิให้มา มีเงินไม่ว่านม ไม่ว่าจิ๋ม ไม่ว่าหน้า ก็สวยได้ทั้งนั้น พวกหนูถือคติที่ว่า ทำบุญได้ใช้ชาติหน้า ทำหน้าได้ใช้ชาตินี้ ดูสิของเจ๊จอแบนแบบนี้มิน่าผู้ชายทิ้งส่งท้ายปีเก่า”

โอยยยย เย็นไว้เย็นไว้ อย่าเพิ่งกรี๊ด เดี๋ยวจะเสียเรื่อง

“นี่ด่าไม่สวยไม่เท่าไหร่ ด่านมเล็กฆ่าเจ๊เลยดีมั้ย” มินตราอยากกรี๊ดให้คอแตก

“ฆ่าเจ๊จะมีประโยชน์อะไร เกิดชาติหน้าเจ๊คงไม่ใหญ่หรอก ถ้าไม่คิดลงทุน อยากใหญ่นี่ค่ะนามบัตร”

“นามบัตรใคร”

“หมอศัลย์ฯ ฝีมือดี”

“เอ้าอีนี่ เมิงฆ่ากูเลยดีมั้ย” มินตรามึนได้ทีกับเบียร์หกกระป๋อง นั่งกินอยู่ม้านั่งข้างทางคนเดียว มึน ด้านพอจะตบอีนังชะนีปากเสียให้เลือดกบปาก

“เอาน่าเห็นเจ๊นมเล็กๆ อาจจะไม่ดึงให้ผู้ชายเข้ามาดูด ถ้าได้ใหญ่ๆ เปลี่ยนแปลงตัวเอง อาจจะมีมาตกถึงท้องนะ”

“เออ...จริงของแก ว่าแต่แกชื่อไร ชะนีน้อย”

“เขียดจ้ะ” ชะนีน้อยนมโตบอกชื่อตัวเอง ในท่าทางภาคภูมิใจ ดูมันเชิดสิ อย่างกับชื่อมันเป็นชื่อยอดนิยมหนูแดงก็ว่าไปอย่าง

“เขียด” นี่ฉันหูเพี้ยนหรืออีชะนีนมใหญ่เล่นมุกกันแน่

“เป็นคนบ้านนอกเจ๊ พ่อแม่ไม่รู้จะตั้งชื่อยังไง โทรทัศน์ก็ไม่ได้ดู หนังสือดาราก็ไม่ได้อ่าน พอได้ยินเขียดร้องข้างบ้าน ก็เลยตั้งชื่อลูก” อีเขียดบอกที่มาที่ไปของชื่อ

“นี่ไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมหน่อยเหรอ” อยู่เมืองกรุงนะอีหนูเขียด ลองเปลี่ยนมาใช้หนูแดง ชื่ออินเตอร์ที่สุดเป็นยังไง

“มีเจ๊มี เปลี่ยนแล้ว แต่เพื่อนๆ มันไม่เรียกสิ” เขียดชี้แจงอารมณ์ดี

“ไหนว่ามา” มินตราอยากรู้ชื่อที่เปลี่ยนให้ดูอินเตอร์ เข้ากับสังคมของอีเขียด

“ไบรโอนี” เปลี่ยนซะพลิกคาแรกเตอร์

“เออ...สมควรไม่มีใครเรียก เปลี่ยนซะไม่ดูกำพรืด”

“นี่เจ๊เมาหรือเจ๊ปกติเป็นคนปากหมา แบบนี้อยู่แล้ว” อีนี่มันก็ถามตรงๆ ไม่ดูช่วงไว ไม่ดูความอาวุโส

“เมามั้ง” ใช่เธอเมา เมาทุกอย่าง เมาชีวิต เมาเพื่อนทิ้ง เมาเลิกกับแฟน เมาเบียร์หกกระป๋องที่ปากระป๋องเปล่าลงถังขยะ อ๊ะ...เมาแต่มีความรับผิดชอบต่อสังคมไม่ทำให้ท้องถนนรกสกปรกนะยะ

“ตกลงเขียดนะ” มินตราย้ำชื่อที่เรียกง่ายเด็กสาวที่โตแล้ว นมโต จิ๋มใหญ่หรือมันใส่ผ้าอนามัยไว้ในกางเกงกันแน่

“ตามนั้นเจ๊ หนูไม่คิดมากเพราะสวยเป็นทุนอยู่แล้ว” ยกนมอวดเจ๊นมแบนอีกต่างหาก จะตอกย้ำกันมากไปหน่อยแล้วอีเขียดนมโต พอก้าวเข้าไปในร้านเดอะชิกส์ที่มีคนมากมาย ในวันส่งท้ายปีตอนนี้ยังไม่ดึกมาก เพิ่งสามทุ่มเพลงที่นักร้องครวญอยู่บนเวทีจึงยังฟังสบายไม่หนวกหู นักร้องขึ้นร้องสลับกับดีเจเปิดแผ่น พวกชะนีนุ่งสั้นนมใหญ่สั่งเครื่องดื่มสปายคนละขวด เออ ประหยัดดีแฮะไม่ต้องเรื่องเยอะ มีมิ๊กเซอร์เปลืองเงิน

“สั่งแค่นี้”

“สั่งเยอะทำไมเจ๊ เรามากินนักร้อง ไม่ได้มากินเหล้า พอเมาจะได้กินอะไรล่ะ มันต้องมึนๆ พอหน้าด้าน” เขียดว่าอย่างก๋ากั๋น

“จุดประสงค์แน่นอนและแน่วแน่มาก นับถือเอ้าสักจอกเพื่อเป็นเกียรติในวันพบกัน” มินตราชนขวดเบียร์ที่เพิ่งสั่งกับขวดสปายของเขียด เมื่อมิตรภาพกำลังเบ่งบาน มองดูผู้คนสะบัดสะบิ้งตามเสียงเพลงจังหวะเมามันเร้าใจ

“เมื่อไหร่วงนี้จะลงวะน่ารำคาญชะมัด ฉันรอวงทรีกายจนหอยสั่นหมดแล้ว” เพื่อนนางเขียดพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจคนฟัง