บท
ตั้งค่า

บทนำ

เสียงบาทหลวงผู้ดำเนินพิธีศพของหญิงวัยกลางคนซึ่งนอนสงบนิ่งอยู่ในโลงไม้ตรงหน้า ดังระคนกับเสียงเม็ดฝนโปรยปรายกระทบพื้นหญ้า สร้างความหดหู่ให้กับผู้ร่วมพิธีเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปี ผู้ซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวของผู้จากไป ดวงตาสีมะฮ็อกกานีฉายแววโศกเศร้าอย่างชัดแจ้ง หากแต่ไม่มีน้ำตาเอ่อคลอให้เห็นสักหยด มีเพียงความสงบนิ่งราวกับเขารับรู้มานานแล้วว่าสักวันก็คงจะมีวันนี้ ...วันที่พระเจ้าพรากบุคคลอันเป็นที่รักไปจากเขาตลอดกาล...

“...ดังนั้นพวกเราจึงมอบร่างกายของเธอสู่พื้นดิน จากดินสู่ดิน จากเถ้าสู่เถ้า จากธุลีสู่ธุลี ในความแน่นแท้และความหวังอันไว้วางใจได้ของการคืนชีพสู่ชีวิตอันชั่วนิรันดร์”

ดินในกำมือถูกโปรยลงไปบนโลงศพเป็นพิธีการสุดท้าย ก่อนเหล่าสัปเหร่อจะช่วยกันกลบฝังร่างแม่ของชายหนุ่มให้หลับใหลภายใต้ผืนดินแห่งนี้ไปตลอดกาล

“เธอกลับคืนสู่อ้อมอกของพระบิดาแล้ว อย่าได้เป็นห่วงไปเลยครับคุณโจนส์”

บาทหลวงผู้ประกอบพิธีเอ่ยเบาๆ กับเขา เรียกให้ ‘โจชัว โจนส์’ หันไปมองใบหน้าเหี่ยวย่นทว่าแฝงด้วยความโอบอ้อมอย่างช้าๆ ก่อนจะตอบรับสั้นๆ

“ครับ ผมก็หวังว่าแม่คงจะสบาย”

“คุณนายเป็นคนดี พระเจ้าต้องรักเธออย่างแน่นอน”

“ครับ”

จริงๆ ก็ตอบรับไปอย่างนั้น เขาไม่มีความเชื่อในเรื่องพระเจ้าด้วยซ้ำไป เว้นเสียแต่ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายเช่นแม่ของเขาที่หันหน้าเข้าหาศาสนาอันเป็นที่พึ่งสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นใจ จึงทำให้บาทหลวงประจำโบสถ์แห่งนี้สนิทสนมกับครอบครัวมากเป็นพิเศษ ในเมื่อเห็นว่าเป็นความสุขของแม่ในช่วงชีวิตสุดท้าย โจชัวจึงยินยอมให้แม่ทำตามใจโดยไม่มีข้อแม้ เพียงต้องการยืดเวลาให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้นานที่สุดเท่านั้น แต่กระนั้น ร่างกายเธอก็ไม่อาจต้านทานโรคร้ายที่กัดกินดุจปรสิตนี้ได้

“พ่อขอตัวก่อน ไว้เจอกันนะคุณโจนส์”

“ครับ”

โจชัวจ้องมองแผ่นหลังชายชราที่เดินห่างออกไปครู่หนึ่ง ก่อนกลับมาให้ความสนใจกับหลุมศพของแม่อีกครั้ง เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเพียงก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเธอยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยรู้สึกว่าโลกทั้งใบหันหลังให้เขาเท่ากับวันนี้มาก่อนเมื่อสมาชิกในครอบครัวคนเดียวที่เขามีได้จากไป คนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างเขา นึกไม่ออกเลยว่าต่อจากนาทีนี้ชีวิตจะดำเนินไปอย่างไร เงินสะสมจากการทำงานทั้งหมดก็หมดไปกับค่ารักษาพยาบาล ต้องออกจากมหาวิทยาลัยกลางคันเพราะความเจ็บป่วยของแม่ ซ้ำร้าย เจ้าของห้องเช่าที่เช่าอยู่ก็ไม่ยอมให้ค้างค่าเช่าอีกต่อไป อาทิตย์นี้ก็เป็นอาทิตย์สุดท้ายสำหรับการหาที่อยู่ใหม่พร้อมกับหนี้ค่าเช่าก้อนโตที่ต้องสะสาง

ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าควรจะร้องไห้ดีหรือไม่ ในหัวคิดถึงแต่ปัญหามากมายที่วนเวียนเข้ามาอย่างสับสน โดยไม่ทันสังเกตเห็นใครบางคนเดินมาจากข้างหลัง ก่อนเขาจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อน้ำเสียงแหบห้าวเอ่ยขึ้น

“ขอโทษนะครับ คุณใช่โจชัว โจนส์หรือเปล่า”

“อ่ะ...อ๋อ ใช่ครับ”

โจชัวหลุดออกจากภวังค์ ดวงตาปราดมองชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานในชุดสูทสีดำอย่างสงสัยด้วยไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน และค่อนข้างมั่นใจว่าทั้งเขาและแม่ไม่เคยรู้จักแต่อย่างใด ฝ่ายตรงข้ามพอเห็นสีหน้าสงสัยของชายหนุ่ม ก็รีบล้วงนามบัตรออกจากกระเป๋าเสื้อสูทส่งให้พร้อมกับแนะนำตัว

“ผมคือทนายคอนเนอร์ครับ เป็นทนายประจำตระกูลโจนส์ ตระกูลของคุณพ่อคุณน่ะครับ”

ว่าพลางกระชับร่มสีดำในมืออีกข้างเพื่อดึงไม่ให้กระเป๋าเอกสารซึ่งหนีบไว้ที่สีข้างไหลร่วงลงไป พลางส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“คุณพ่อหรือ”

“ครับ คุณ เจคอบ โจนส์ น่ะครับ”

โจชัวเกือบลืมไปแล้วว่าตนก็มีพ่อด้วย เนื่องจากพ่อของเขานั้นไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดู ตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่แม่เท่านั้นที่ทำงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูเขาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แต่ก็เคยได้ยินแม่เล่าให้ฟังอยู่เหมือนกันว่าพ่อนั้นเป็นบุตรหลานของตระกูลเอิร์ล[ เอิร์ล (Earl) เป็นตำแหน่งบรรดาศักดิ์หนึ่งในยุโรป ในสหราชอาณาจักรปัจจุบัน ตำแหน่งเอิร์ลเป็นหนึ่งในตำแหน่งขุนนางสืบตระกูลที่มีฐานะต่ำกว่ามาควิสแต่สูงกว่าไวเคานท์ ] เก่าแก่ตระกูลหนึ่งของอังกฤษ เป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งที่มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาหมายปองซึ่งครั้งหนึ่งเคยคบหากับแม่ของเขาทั้งๆ ที่ตนมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว พอพลาดพลั้งให้กำเนิดเขาขึ้นมา ผู้เป็นปู่จึงบังคับให้แต่งงานและยัดเงินให้แม่เขาก้อนหนึ่งเพื่อให้ตัดขาดจากพ่อด้วยเหตุผลว่าตระกูลโจนส์จะต้องรักษาสายเลือดชั้นสูงเอาไว้ ซึ่งมันไร้สาระมากสำหรับศตวรรษนี้ และเขาเองก็ไม่เคยได้พบพ่อสักครั้งเพราะแม่กีดกัน กระนั้นก็น่าแปลกที่ยอมให้เขาใช้นามสกุลของพ่อ แทนที่จะใช้นามสกุลตามแม่

อย่างไรก็ตาม โจชัวก็ไม่ได้สนใจอะไรมากว่าใครจะเป็นพ่อหรือจะใช้นามสกุลตามใคร นอกเหนือจากอดแปลกใจไม่ได้ว่าเหตุใดจู่ๆ ทนายประจำตระกูลถึงได้มาหาเขาในวันนี้

“แล้วมีธุระอะไรกับผมหรือครับ”

“คุณคงทราบข่าวอุบัติเหตุของคุณโจนส์กับคุณนายโจนส์แล้วสินะครับ”

“อุบัติเหตุหรือครับ”

“ครับ อุบัติเหตุทางรถยนต์ของทั้งคู่เมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะครับ”

บอกตรงๆ ว่าจำไม่ได้เพราะมัวแต่วุ่นวายอยู่กับอาการป่วยของแม่ แต่ก็พอคุ้นหูได้ยินผ่านๆ มาอยู่บ้างว่าพ่อและแม่เลี้ยงประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหลังจากไปพักตากอากาศที่คฤหาสน์ในชนบท สีหน้าท่าทางเหมือนนึกออกของโจชัว ทำให้ทนายคอนเนอร์รีบพูดต่อถึงการมาในวันนี้ของตนทันที

“ที่ผมมาในวันนี้ก็เพราะผมต้องจัดการพินัยกรรมให้กับทายาทผู้มีสิทธิอันชอบธรรมในทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลโจนส์ ซึ่งนั่นก็คือคุณซึ่งเป็นบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย นับว่าแม่คุณฉลาดนะครับที่ให้คุณใช้นามสกุลคุณโจนส์แทนที่จะเป็นนามสกุลตัวเอง บังเอิญจริงๆ ที่คุณนายโจนส์ก็เสียชีวิตด้วย ไม่อย่างนั้นทรัพย์สินทั้งหมดคงไม่ตกมาถึงคุณอย่างแน่นอน”

โจชัวหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกว่าชายตรงหน้านี้พูดไม่เข้าหูเอาเสียเลย หากแต่ไม่ได้พูดโต้ตอบแต่อย่างใด ยืนมองทนายคอนเนอร์ด้วยสายตาว่างเปล่าขณะที่เจ้าตัวยังพูดจ้อไม่หยุด

“เดี๋ยวผมจะแจ้งรายละเอียดทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลให้ฟังนะครับ แต่ตอนนี้ผมว่าเราเข้าไปหลบในที่ร่มก่อนดีกว่า ฝนเริ่มตกหนักกว่าเดิมแล้ว”

คอนเนอร์เชิญชวนก่อนรีบจ้ำเดินไปยังโบสถ์ที่อยู่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย ทิ้งให้โจชัวเดินตามหลังอย่างช้าๆ ฝ่าหยาดฝนโปรยปรายเข้าสู่วังวนแห่งพันธะบางอย่างโดยไม่รู้ตัว

[ 1 เอิร์ล (Earl) เป็นตำแหน่งบรรดาศักดิ์หนึ่งในยุโรป ในสหราชอาณาจักรปัจจุบัน ตำแหน่งเอิร์ลเป็นหนึ่งในตำแหน่งขุนนางสืบตระกูลที่มีฐานะต่ำกว่ามาควิสแต่สูงกว่าไวเคานท์ ]

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel