Sr.1 Ep1 เสียงบนหัวเตียงกลางดึก
*คืนเหงาพี่สาวข้างห้อง ตอน เสียงบนหัวเตียงกลางดึก*
คุณอยากอ่านเรื่องเสียว ๆ ของผมหรือเปล่า..ผมชื่อนัทขอปกปิดชื่อจริง เพื่อน ๆ มักชอบเรียกผมว่าเน็ดยัด เป็นฉายาที่พวกมันตั้งให้สมัยเรียนมัธยมปลายแต่ฉายานั้นก็ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ มันก็ต้องมีวีรกรรมกันบ้างล่ะ
ผมเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ทว่าตั้งแต่มีข่าวเชื้อโควิดระบาดหนัก บริษัทของผมก็ให้ทำงานที่บ้านได้ หรือที่พวกเขาเรียกกันว่า work from home โดยรวมแล้วมันก็ดีแหละ แต่บางทีมันก็เหงาเกินไปสำหรับคนที่เป็นอินโทรเวิร์ตเล็กน้อยอย่างผม
ผมเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ เวลาว่างของผมมันค่อนข้างจะมาก เพราะงานผมมันน้อยไม่ได้ยุ่งยากเหมือนแผนกอื่น หากว่าระบบมีปัญหา ผมก็แค่เข้าบริษัทเพียงลำพังและใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการแก้ไขปัญหาให้บริษัทที่ผมทำงานอยู่เท่านั้น
หลายคนบอกว่างานของผมมันสบายก็อาจจะจริง ผมไม่ต้องมานั่งปวดหัวเรื่องเอกสารเหมือนพวกเขา แต่ทว่าใครจะรู้ว่าผมปวดหัวเรื่องระบบที่ยุ่งเหยิงแทน แต่อย่างว่าล่ะนะ ผมอ่ะเป็นคนมีฝีมือถึงคุณจะบอกว่าผมหลงตัวเองก็เถอะ ผมสามารถแก้ปัญหาให้ระบบของบริษัททั้งบริษัทได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ก็ใครจะรู้กับพวกไอทีล่ะ ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขาแก้ไม่ได้มันก็เหมือนเส้นผมบังตานั่นแหละ จะว่าไปพวกผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลยแต่ก็ได้กินเงินเดือนที่มากโข
เอาล่ะเรื่องของงานประจำของผมก็ช่างมันเถอะ ผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์เรื่องกาม ๆ ของผมที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง และผมจะโพสต์ไว้ในเว็บนี้เป็นตอน ๆ คิดซะว่าอ่านนิยายเอ็นซีก็แล้วกัน และตอนนี้ขอให้ชื่อว่า เสียงบนหัวเตียงกลางดึกอาจฟังดูหลอนแต่มันเสียว
เรื่องมันมีอยู่ว่า หลังผมกลับจากออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ทั่วทั้งร่างและความอึดทน อ้อผมลืมบอกผมโสดหากใครสนใจ ก็เม้นต์ไว้ใต้โพสต์นะครับ เอิ่ม..ผมล้อเล่น ขอโทษที่นอกเรื่อง เลยไม่ได้เล่าสักที
ผมโสดมานานมากตั้งแต่เรียนจบแล้วพอเริ่มหางาน ผมก็เลิกกับแฟนเก่าไปเลยสาเหตุมันเนื่องมาจากเธอได้งานก่อนผมที่เชียงใหม่ จึงต้องย้ายไปอยู่ที่นั่น ส่วนผมอยู่ปทุมธานีกับญาติ ๆ ที่คอยแวะเวียนเป็นหูเป็นตาให้พ่อกับแม่
พอตัวไกลใจก็เปลี่ยนเธอทำงานที่นั่นไม่นานนักก็มีคนอื่น หรืออาจเป็นเพราะไอ้นั่นมันเด็ดกว่าผม หรือแค่หล่อกว่ารวยกว่าผมก็ไม่รู้ หรือผมอาจไม่ดีพอที่จะเป็นพ่อของลูกให้เธอ ผมจึงตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวสักพัก
พอได้งานที่กรุงเทพมหานครผมก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ ห้องพักค่อนข้างจะดีเลยล่ะ ชั้นที่ผมพักห้องยังไม่เต็ม แล้วข้างห้องผมมันก็ว่างอยู่เป็นเดือน ๆ กว่าจะมีคนย้ายเข้ามาอยู่
ตอนนั้นผมรู้สึกเหงามากเมื่อรู้ว่าข้างห้องไม่มีคนบางทีผมเคยคิดหลอกตัวเองว่ามันคงจะมีผีดุแน่จึงหาคนเข้ามาอยู่ยากแต่เปล่าเลย มันก็คงแค่รอเวลาตามปกติ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ หลังจากมีคนย้ายเข้ามาผมก็รู้สึกว่าไม่ต้องเหงาอีกแล้ว เพราะอย่างน้อยก็คงได้ยินเสียงก๊อกแก๊กที่เกิดจากกิจกรรมเล็กน้อยของเพื่อนข้างห้องบ้างล่ะ
กลางดึกคืนหนึ่ง ผมได้ยินเสียงร้องดังลั่นจนตกใจสะดุ้งตื่นเพราะนึกว่ามีคนทำร้ายกัน มันก็ดึกมากแล้วและเวลานั้นทั่วบริเวณมันค่อนข้างเงียบ รถราและผู้คนที่เคยขวักไขว่ส่งเสียงอึกทึกก็น้อยลง
ผมเงี่ยหูฟังอยู่สักพักถึงได้รู้ว่า นั่นเป็นเสียงคนกำลังมีสัมพันธ์สวาทกันชัด ๆ โอ้สวรรค์ ชายโสดอย่างผมหัวใจของผมรู้สึกสูบฉีดด้วยเลือดในกายที่ไหลวนหลังจากว่างเว้นกิจกรรมนี้มานานจะทนได้เหรอ ผมฟังอยู่นานถึงรู้ว่าเสียงที่เกิดขึ้นมันดังอยู่บนหัวที่นอนของผมนี่เอง
ใช่แล้วล่ะ มันเป็นเสียงจากห้องข้าง ๆ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่เมื่อราวสี่ห้าวันก่อน ตัวผมไม่รู้ว่าเจ้าของห้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายหรือว่ามาเป็นคู่ผัวตัวเมีย แต่ยังไงก็เถอะมันดีกว่าต้องรู้สึกว่าโลกนี้มีผมอยู่เพียงคนเดียวเป็นไหน ๆ
คืนนั้นผมนอนฟังเสียงนั่นอยู่นาน บางครั้งรู้สึกว่ามีเสียงผู้หญิงถึงสองคนผู้ชายมีคนเดียว
‘กินแซนด์วิชกันรึไงเนี่ย’
ผมนึกได้แค่นั้นจริง ๆ เสียงคร่ำครวญนั่นมันดังอยู่เร่า ๆ เหมือนกำลังยั่วยวนชวนผมให้ไปกินแซนด์วิชด้วยกันยังไงยังงั้นเลย เล่นเอาผมตึงอยู่นานจนหัวเตียงผมเงียบสนิทลงเหมือนเดิม แหม..ผมอายจังถ้าจะบอกว่ากางเกงผมแฉะไปหมด สาว ๆ ที่เข้ามาอ่านคงคิดว่าผมนอนนิ่งล่ะสิ เปล่าผมไม่ได้นอนนิ่งนะ ใครจะยอมนอนอยู่เฉย ๆ ล่ะ เรื่องนี้คุณผู้ชายหลายท่าน คงรู้ดีว่าผมทำอะไร
ตัดกลับมาวันที่ผมบอกว่าผมไปวิ่งออกกำลังกาย ขากลับผมเดินขึ้นห้องตามปกติด้วยร่างกายที่เปียกโชกแล้วก็ต้องเดินผ่านห้องที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ ให้ตายเถอะโรบิน
สายตาของผมมันดันเหลือบไปเห็นหญิงสาวข้างห้องหน้าตาสะสวยใส่สายเดี่ยวสีชมพูกับกางเกงขาสั้นสีขาว นอนคว่ำหน้าเล่นโทรศัพท์ เธอหันหน้ามาทางปลายเตียงแล้วหันเท้าไปด้านหัวเตียง แกว่งขาไปมาอย่างสบายใจ
โอ้ เนื้อนมไข่ของเธอมันปูดโปนนูนออกมาช่างยั่วใจผมยิ่งนัก จังหวะนั้นเองเธอหันมาสบตาผมพอดีแล้วยังส่งยิ้มหวานผงกหัวทักทายเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจมือถือของเธอ ผมรีบหันกลับเพราะรู้สึกว่าหน้าตัวเองแดงจนเธออาจสังเกตเห็นได้ เร่งฝีเท้าเดินลิ่วไปเสียบกุญแจไขประตู
ในขณะที่ผมกำลังไขกุญแจเข้าห้องพักอยู่นั้น ผมรู้สึกแปลกเหมือนมีคนมองจึงหันไปดูแล้วก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นเธอโผล่หน้าออกมา และไม่รู้ว่าเธอมายืนชะโงกดูผมตอนไหนทั้งส่งยิ้มหวานให้จนผมเขินไปหมด ผมสังเกตว่าหญิงสาวคนนั้นมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
ผมสูงร้อยแปดสิบห้า ร่างกายสมส่วนถึงจะไม่ล่ำขนาดคนเข้าออกฟิตเนสเป็นประจำแต่ก็ถือว่าหุ่นดี ผมหุ่นดีในสายตาของผมเองและคิดว่ามันคือสาเหตุที่เธอจ้องผมตาเป็นมัน และจังหวะที่หันไปบิดลูกบิดห้องนั้นเองหางตาเจ้ากรรมก็เห็นเธอกำลังกัดริมฝีปาก ด้วยความไม่แน่ใจผมจึงหันกลับไปมองอีกครั้งแต่เธอก็ยิ้มตาหยีให้ ผมจึงยิ้มตอบกลับไปบ้าง
“สวัสดีค่ะ เพิ่งรู้นะคะว่ามีเพื่อนบ้านรูปร่างหน้าตาดีขนาดนี้อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย” เธอเริ่มเปิดบทสนทนา
“แหมไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ว่าแต่..เพิ่งย้ายมาเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วคนอื่น ๆ ไปไหนล่ะครับ”
“ใครเหรอ”
“ก็.. ไม่รู้สิครับ คืนก่อนผมได้ยินเสียงอยู่กันตั้งสามคน” เธอนึกอยู่ชั่วครู่แล้วก็ยิ้ม
“อยู่คนเดียวค่ะ คงเสียงทีวีมั้ง”
“อ๋อ ดูทีวีดึกจังเลยนะครับ แล้วชื่ออะไรเหรอครับ”
“ชื่อน้ำค่ะ”
“จะเสียมารยาทไหมครับถ้าผมจะถามอายุ ผมจะได้เรียกถูก”
“อายุยี่สิบแปด”
“เป็นพี่ผมตั้งสี่ปีแหนะ”
“เกี่ยงเหรอคะ”
“ไม่เกี่ยงครับ”
“แล้วน้องชื่ออะไร”
“ผมชื่อนัทครับ ถ้ายังไงผมขอตัวก่อน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะน้องนัทว่าง ๆ ก็พูดคุยทักทายกันบ้างนะคะ พอดีพี่ไม่มีเพื่อนตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ก็เหงา ๆ”
“อ๋อ ได้สิครับ”
“จริงสิ ไฟหัวเตียงพี่เสีย น้องนัทพอจะซ่อมเป็นไหมคะ”
“ก็พอเป็นนะครับ”
“ดีเลย งั้นรบกวนช่วยมาดูให้พี่ได้ไหมคะ”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหาแต่ตอนนี้ผมต้องขอตัวไปอาบน้ำก่อนเสร็จแล้วเดี๋ยวผมเข้าไปดูให้”
“ดีเลยค่ะ พี่จะรอนะคะ” เธอพูดแล้วยิ้มกัดริมฝีปาก
“ครับผม” ผมยิ้มให้เธอก่อนเข้าห้องไป นั่นคือที่เราทักทายกันเมื่อครั้งแรกพบ แต่เวลานั้นผมก็รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกอ่อยยังไงไม่รู้
