ตอนที่ 1 คนไหนก็คนนั้น(2)
หลายวันต่อมา
บ้านธนบดินทร์
“เรื่องเงินที่ยืมไปฉันจะพยายามหามาคืนนะจ๊ะคุณนาย” สุขสมเอ่ยเสียงเศร้า ยืมเงินคุณนายสมพิศมาทำนา พอขายข้าวได้ก็ขาดทุนย่อยยับเป็นหนี้เป็นสินจนเจ็บหัวไปหมด เอาที่ดินมาวางไว้ มีแต่ยืมเพิ่มไม่มีคืนหนี้ก็เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ
“ทั้งดอกทั้งต้นก็สี่แสนแล้วนะแม่สุขสม ฉันว่าแบบนี้มันจะแย่เอานา” คุณนายสมพิศวางสมุดบัญชีลูกหนี้
“ฉันพยายามหาเท่าที่หาได้ แต่ราคาข้าวรอบนี้มันก็ถูกเหลือเกิน รอข้าวโพดที่ไร่ฉันโตฉันจะรีบเอามาจ่ายดอกนะจ๊ะคุณนาย ฉันสัญญาจ้ะว่าจะจ่ายดอกแน่ ๆ”
“มันเมื่อไหร่ล่ะแม่สุขสม บอกฉันแบบนี้มากี่รอบแล้ว”
“ขอโทษนะจ๊ะคุณนาย ฉันหมดปัญญาจริง ๆ แต่ว่าวันข้างหน้าต้องดีขึ้นจ้ะ ฉันจะไม่ผิดนัดอีกแล้ว ลูกสาวฉันเรียนจบแล้วไม่ต้องพะวงเรื่องค่าเทอม ตอนนี้ลูกสาวฉันก็กำลังหางานอยู่จ้ะ ฉันจะรีบ...”
“เอาอย่างนี้ดีกว่าไหมแม่สุขสม ฉันว่าฉันมีทางออก”
“อะไรหรือจ๊ะ”
“ทุกอย่างแล้วแต่แม่สุขสมตัดสินใจนะ ฉันไม่บังคับ ฉันแค่เพียงเสนอเท่านั้น”
“ว่ามาได้เลยจ้ะคุณนาย ถ้ามันมีทางออกฉันพร้อมจะทำ ตอนนี้หัวฉันเจ็บทุกคืน นอนก็ไม่หลับ ทรมานเหลือเกิน”
“เมื่อครู่แม่สุขสมบอกว่าลูกสาวของแม่สุขสมเรียนจบแล้วใช่ไหม”
“ใช่จ๊ะ”
“ฉันอยากจะสู่ขอให้มาเป็นหลานสะใภ้ของฉัน แม่สุขสมจะว่าอย่างไร”
“สู่ขอ!”
“ใช่ สู่ขอ”
“...สู่ขอให้ใครจ๊ะ คุณหนึ่งหรือคุณสอง” บ้านนี้มีหลานชายสองคนและหลานสาวหนึ่งคน
“ถ้าไม่รังเกียจฉันอยากสู่ขอให้ตาหนึ่ง ฉันมองดูแล้วหนูขวัญรู้ความ ถ้าอยากเรียนต่อฉันจะส่งให้เรียน หากอยากทำงานฉันก็มีงานให้ทำ ค่าสินสอดแม่สุขสมจะเรียกเท่าไหร่ก็เรียกมา”
“เอ่อ…” สู่ขอว่าตกใจแล้ว แต่นี่บอกว่าสู่ขอให้หลายชายคนโตที่มีลูกติด ถึงบอกให้ตัดสินใจเอา แต่ใครเล่าจะกล้าปฏิเสธเจ้าหนี้ ทว่าคุณหนึ่งอายุมากกว่ายัยขวัญเป็น 10 ปี ไหนจะมีลูกติดหนึ่งคน
“ว่าอย่างไร อยากเรียกสินสอดเท่าไหร่ก็ว่ามา และหนี้สินที่มีก็ถือว่าฉันยกให้ ฉันพร้อมคืนฉโนดที่ดินให้”
“คุณนายพูดจริงหรือจ๊ะ”
“ฉันใช่คนที่จะมาพูดเล่นหรือไง”
“…” คิดดูแล้ว ถึงอายุคุณหนึ่งจะมากกว่า แต่นั่นก็เท่ากับคุณหนึ่งมีประสบการณ์ สามารถดูแลยัยขวัญได้ และยัยขวัญก็จะเป็นหลานสะใภ้ที่คุณนายสมพิศเลือกเอง แบบนี้ก็ไม่มีปัญหาเรื่องโดนกลั่นแกล้ง หนี้สินที่มีก็ถูกหักล้าง มีแต่ดีกับดี ชีวิตแบบนี้ย่อมดีกับลูกสาว นี่ถือเป็นวาสนา
“หรือถ้าแม่สุขสมรังเกียจหลานชายฉันก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันถามบ้าน…”
“รังเกียจอะไรเลยจ๊ะคุณนาย เป็นบุญของลูกสาวสุขมากกว่าที่ได้เข้ามาเป็นสะใภ้บ้านคุณนาย เรื่องสินสอดฉันไม่กล้าคิดกับคุณนายหรอกจ้ะ ถือว่าหักลบกับหนี้ที่ฉันมีกับคุณนายเลยนะจ๊ะ”
“หมายความว่าแม่สุขสมตกลงใช่หรือไม่”
“ใช่จ้ะ”
“ดี ๆ แม่สมสุขเอาชื่อ วันเดือนปีเกิดของหนูขวัญมาให้ฉัน ฉันจะเอาไปให้พระท่านดูว่าดวงสมพงษ์กับตาหนึ่งหรือไม่ หากสมพงษ์กัน ได้ฤกษ์ก็แต่งได้ทันที”
“ได้เลยจ้ะ ฉันจะจดให้คุณนายเดี๋ยวนี้” ว่าแล้วนางสุขสมก็เขียนวันเดือนปีเกิดเวลาเกิดของลูกสาวไปให้คุณนายเรียบร้อยโดยไม่คิดถามความสมัครใจของลูกสาวสักนิด ด้วยคิดเพียงว่าลูกสาวไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพราะของขวัญรู้ความ อยากให้พ่อแม่หมดหนี้ไว ๆ
มีโอกาสที่จะได้ปลดหนี้มีเหรอจะไม่คว้าไว้ แม่เชื่อว่าลูกต้องเข้าใจแม่
บ้านสุขสม
ดูดวงดูฤกษ์ของเด็กทั้งสองจากหลวงพ่อเรียบร้อยแม่สุขสมก็รีบกลับบ้านมาหาลูกสาว คราวนี้คงต้องชักแม่น้ำทุกสายเพื่อให้ลูกสาวยอมแต่งเป็นเมียของคนที่แก่กว่าหลายปี ลูกจะไม่ยอมไม่ได้เพราะว่าแม่สุขสมรับปากคุณนายสมพิศเป็นมั่นเป็นเหมาะ จะผิดคำพูดกับคุณนายไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นโอกาสที่แม่จะได้ปลดหนี้
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะแม่” ของขวัญเห็นว่าแม่จอดจักรยาน ตั้งขาตั้ง เดินเข้าบ้าน แม่นั่งโซฟาไม้ตัวยาวที่ผ่อนเป็นระยะเวลายาวนานกว่าจะหมดถึงได้มีประดับบ้าน ของขวัญรีบเปิดตู้เย็นเทน้ำใส่แก้วมาให้แม่ดื่ม
“อื้ม กลับมาแล้ว” แม่สุขสมตอบหลังจากที่ดื่มน้ำเย็นอย่างชื่นใจ กวาดตามองทั่วบ้านไม่เห็นคนเป็นผัว “แล้วพ่อเอ็งไปไหน”
“…” ของขวัญเงียบ
“มันไปเล่นอีกแล้วใช่ไหม” สันดานผัวทำไมจะไม่รู้ พอเมาก็ไปตั้งวงเล่นไฮโลกับพรรคพวก เสียหมดตัวถึงได้กลับมา เท่านั้นไม่พอยังยืมหนี้ยืมสินเขาไว้รอบบ้าน แม่สุขสมต้องคอยตามเช็ดตามล้างอยู่ตลอด สัญญารอบที่ร้อยว่าจะเลิกก็ทำไม่เคยได้ แก่จะลงโลงอยู่แล้วยังใช้ชีวิตสำมะเลเทเมา
“…” ของขวัญมองแม่ที่ร้อนรนเดินออกจากบ้าน เตะขาตั้งจักรยานด้วยความรีบร้อน จากนั้นก็ถีบหายลับสายตาลูกสาว “ถ้าบ้านเรามีเงินทุกอย่างคงดีกว่านี้”
เธอพึมพำเพียงลำพัง
ของขวัญเกิดมาจำความได้ครอบครัวก็อยู่ในฐานะพอมีพอกิน แต่ไม่นานทุกอย่างก็เริ่มร่อยหรอเพราะพ่อของเธออยากหาเงินมาจุนเจือครอบครัวด้วยความรวดเร็วจึงหันเหไปเล่นพนัน ขึ้นชื่อว่าการพนันมีหรือจะเป็นเรื่องดี เมื่อเล่นเสียจนหมดกระเป๋าพ่อก็เริ่มหายืมคนรอบข้าง เดือดร้อนแม่เป็นคนตามเช็ดตามล้างมาตลอด จากที่พอมีพอกินจึงต้องอยู่อย่างยืมหนี้ยืมสิน เคราะห์ซ้ำกรรมซัดทำไร่ทำนาก็ไม่ได้ผลผลิตที่ดี ต้องเอาที่ดินนาไปจำนองเอาเงินมาหมุน
แม่มักบอกว่าอย่าสนใจเรื่องพวกนี้ ให้ของขวัญตั้งใจเรียน แม่บอกว่าเรื่องพวกนี้แม่จะจัดการเอง เพื่อให้แม่สบายใจของขวัญจึงพยายามตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีที่แอบห่วงใยแม่อยู่ห่าง ๆ แต่การเรียนของเธอก็ต้องใช้เงิน กว่าจะประสบความสำเร็จมีงานที่ดีก็ต้องเรียนให้ดีก่อน ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้แม่ของเธอก็หยิบยืมอีกตามเคย
เริ่มต้นติดลบกว่าชีวิตจะประสบความสำเร็จจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
ผ่านไปสองชั่วโมงแม่สุขสมดึงหูพ่อทองดีเข้ามาในบ้านพร้อมเสียงด่าที่ของขวัญได้ยินอยู่เป็นประจำ แม้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำ ทว่าเธออยากให้เล่าเหล่านี้มันหายไป เธอไม่อยากให้พ่อแม่ทะเลาะกัน
“กี่ปีกี่เดือนก็ยังทำแต่เรื่องไม่ดี สัญญาก็สัญญาปากเปล่า ถ้าเป็นแบบนี้เลิกกันเลยดีไหม ฉันเหนื่อยแล้วนะที่ต้องคอยตามเช็ดตามล้างหนี้ที่แกก่อเอาไว้”
“แม่สุขสมใจเย็น ๆ ก่อน พ่อทองดีก็แค่ไปนั่งดูเฉย ๆ พ่อยังไม่ได้เล่นเลย” พ่อทองดีเห็นเมียโมโหก็เลยโกหกคำโต
คิดว่าเมียแกโง่นักหรือไง
“แกอย่ามาพูด นั่งเฉย ๆ มันไม่มีอยู่จริง ฉันถามจริง ๆ เถอะนะ แกไม่สงสารฉันบ้างหรือที่ต้องหาเงินมาใช้หนี้ แกไม่สงสารฉันหรือไงที่ต้องแบกหน้าไปขอผลัดดอกเบี้ยเขาอยู่เรื่อย ๆ เงินต้นไม่มีคืน ดอกเบี้ยไม่มีจ่าย ฉันอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี เมื่อไหร่ เมื่อไหร่แกจะรู้สึกตัวสักที” แม่สุขสมเริ่มร้องไห้อีกเช่นเคย ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่พ่อทองดีไปบ่อน บ้านของของขวัญก็จะเกิดเสียงทะเลาะวิวาท ขณะที่ลูกสาวห้ามออกความคิดเห็น ภาพที่แม่ร้องไห้ ด่าโวยวายใส่พ่อ ภาพที่พ่อนั่งนิ่งไม่พูดจาเป็นสิ่งที่ของขวัญเห็นมาตั้งแต่เด็ก
ภาพที่เธอไม่อยากเห็น ทว่าเธอหลีกหนีเรื่องพวกนี้ไม่พ้น
