บท
ตั้งค่า

Episode-๐๔ ทำใจให้ชิน

เป็นการมาเรียนแบบไร้จิตวิญญาณในรอบหนึ่งอาทิตย์เลยก็ว่าได้ เข้ามาในห้องเพื่อน ๆ ต่างมองฉันเป็นตาเดียวก็แน่สิหายไปเป็นอาทิตย์ขนาดนั้น

“สายธารเธอหายไปไหนมา” แอลเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นหน้าฉัน

“เปล่าหรอก เราเกเรน่ะ”

“หืม... ไม่เป็นแบบนี้สิ ชั่วโมงแรกเรียนฟิสิกส์เอาของเราไปลอกก่อนก็ได้เดี๋ยวตามงานไม่ทันตอนนี้ยังพอมีเวลาอยู่”

“ขอบใจนะ” ในเรื่องร้าย ๆ ก็ยังมีเรื่องดี ๆ หลงเหลืออยู่บ้าง อย่างน้อยมิตรภาพที่ดีก็ยังมีอยู่ค่ะ

“สายธาร ...”

“...”

“ขอบใจนะแอล ลอกเสร็จเราจะรีบเอามาคืน” ฉันหันไปพูดกับแอลโดยไม่สนใจพะแพงสักนิด มันมองหน้ากันไม่ติดแล้วอ่ะ ทำดียังไงฉันก็ไม่สามารถมองมันเป็นเพื่อนรักเหมือนเดิมได้อีกต่อไปแล้ว

“เดี๋ยวสิ ฟังฉันก่อน”

“อย่าเอามือสกปรกของมึงมาจับกู”

“สะ สายธาร”

“อีกไม่กี่เดือนก็จบละ ทนเกลียดขี้หน้ากันไปอีกหน่อยแล้วกัน” พูดจบฉันก็ลุกออกมาจากตรงนั้นทันทีและไม่สนใจด้วยว่าใครจะมองยังไง

 ตั้งแต่เช้ายันเลิกเรียนฉันไม่สุงสิงกับใครเลยมีเพียงแอลเท่านั้นที่เข้ามาพูดคุยอยู่บ่อยครั้ง

“กลับบ้านยังไงอ่ะ ไปด้วยกันไหม?”

“ไม่เป็นไรเรากลับเองได้ แอลกลับเถอะ”

“วันนี้ดูซึม ๆ นะเป็นอะไรหรือเปล่า ทะเลาะกับพะแพงเหรอ”

“คงงั้น”

“อ่อ... พี่แชมป์มาโน่นละ งั้นเราขอตัวก่อนนะ”

“จ้า”

คล้อยหลังพะแพงฉันก็โหนรถเมล์ตามปกตินั่นแหละแต่เหมือนวันนี้โชคจะไม่เข้าข้างสักเท่าไหร่สงสัยตอนออกจากบ้านเมื่อเช้าก้าวเท้าผิดข้างมั้งคะ

“...”

ต่างคนต่างมองหน้ากันนิ่ง ๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้คนเบียดกันขึ้นรถพอดีทำให้ฉันต้องเขยิบเข้าไปใกล้เขา พี่เวย์ยืนชิดฉันชนิดที่ว่าสิงร่างได้คงทำไปแล้ว

“ทำไมผอมแบบนี้” คำถามทักทายปนห่วงใยเอ่ยขึ้นแผ่วเบาแต่ฉันก็ทำเป็นไม่ได้ยินอยู่ดี พี่เวย์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะยื่นแขนมาจับราวไว้เพื่อกันไม่ให้ฉันล้มโอนเอนไปมา เป็นการกระทำที่น่ารักแต่น่าเสียดายที่ฉันไม่รู้สึกอินกับมันอีกแล้ว

กลับถึงบ้านสิ่งที่ฉันต้องพบเจอเป็นประจำคือความเงียบเหงา ฉันอยู่กับแม่แค่สองคนค่ะส่วนพ่อ... ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันและไม่เคยเอ่ยปากถามด้วย จำความได้ก็มีแค่แม่ ตากับยายเท่านั้นเอง

“ไงเรา วันนี้กลับบ้านตรงเวลาดีนี่” แม่เอ่ยทักทายเมื่อเห็นหน้าฉัน

“แม่ไม่ไปทำงานเหรอ?”

“วันนี้วันหยุดไง”

“อ่อ จริงสิหนูลืมไป”

“หิวไหมอยากกินอะไรหรือเปล่า”

“อยากกินขนม แม่จะเอาอะไรไหม”

“หืม...”

“...” นี่เป็นครั้งแรกที่เราพูดคุยกันดีเลยก็ว่าได้เพราะส่วนมากจะเถียงคำด่าคำมากกว่า

“ซึมไปนะ มีอะไรอยากบอกแม่หรือเปล่า”

“เรื่องของหนูน่า... แม่ไม่ต้องสนหรอก”

“ต้องสนสิ มีกันอยู่สองคนแกจะไม่ให้สนใจได้ยังไง อีกอย่างแกเป็นลูกแม่นะ ต่อให้จะผิดหรือถูกยังไงคนเดียวที่มีสิทธิ์ลงโทษก็คือแม่จำไว้!! คนอื่นอย่าไปยอมมัน”

“ไหนว่าต้องรู้จักนอบน้อมไง”

“มันก็แล้วแต่สถานการณ์”

“วันนี้แม่แปลกไปนะเนี่ย”

“แกก็แปลกเหมือนกันแหละ อีคนที่มันเถียงคำไม่ตกฟากมันหายไปไหนซะแล้ว”

“ป่วยทางใจมั้ง หายดีเดี๋ยวมันก็กลับมา” ฉันว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะโยนกระเป๋าหนังสือไว้ที่โซฟาแล้วออกมาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อหน้าหมู่บ้าน

“นายครับผมเจอเธอแล้ว”

(...)

“ครับ”

(...)

“ให้ผมจัดการเธอเลยไหม?”

(...)

“ครับ”

ใครบางคนคุยโทรศัพท์อยู่ใกล้ ๆ ฉัน ขณะที่ฉันกำลังเลือกขนมอย่างเพลิดเพลินอะไรนาย ๆ สักอย่างนี่แหละแต่ฉันไม่ได้เสียมารยาทนะคะก็มันได้ยินเอง

จ่ายเงินเสร็จออกมาด้านนอกแม่เจ้า... มาเฟียที่ไหนมาแวะซื้อของตรงนี้งั้นเหรอ มีแต่ชายชุดดำเต็มไปหมดหน้าโคตรนิ่ง ยิ้มไม่เป็นกันสักคน เห็นแบบนั้นฉันก็เดินเลี่ยงกลับบ้านทันทีสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่

“เป็นอะไร?” แม่เอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทีผิดปกติของฉัน

“หนูรู้สึกเหมือนมีใครเดินตามเลยอ่ะ”

“ไหนแม่ดูก่อน” แม่ว่าก่อนจะชะเง้อออกไปก็ไม่มีใครสักคนค่ะ แต่ความรู้สึกมันบอกแบบนั้นจริง ๆ ฉันไม่ได้คิดไปเองแน่นอน

“ไม่มีอะไรหรอกเข้าบ้านกันดีกว่า” มองออกไปอีกครั้งมันก็ไม่มีอะไรจริง ๆ นั่นแหละค่ะ

หลายวันผ่านไป

ระหว่างฉันกับแม่ก็ดีขึ้นมากค่ะ ฉันพยายามเข้าใจและเรียนรู้ในสิ่งที่แม่บอก บางครั้งก็มีบ้างที่ชอบเถียง แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะคะ เอาเข้าจริงพอถึงช่วงนึงที่รู้สึกว่ามันไม่ไหวก็มีแต่แม่นี่แหละที่เป็นห่วงและดูออกว่าฉันเป็นอะไร รู้สึกผิดนะคะที่เคยพูดจาไม่ดีใส่แต่จะทำยังไงได้ก็ฉันมันดื้อรั้นชอบฟังแบบขอไปที

“อีกไม่นานก็จบมัธยมแล้วอ่ะ สายธารจะเรียนอะไรต่อเหรอเราว่าจะเรียนคหกรรมศาสตร์” เน้นการเรียนเป็นหลักแบบนี้ไม่ใช่ใครค่ะ แอลนั่นเองไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเราสนิทสนมกันตอนไหน

“ไม่รู้สิ แม่เราไม่มีเงินส่งขนาดนั้นหรอก บางทีเราอาจจะจบแค่มอปลายก็ได้มั้ง” ฉันตอบไปตามความคิด ถ้าถามว่าอยากเป็นอะไรอันนี้ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

“เรียนไปทำงานไปก็ได้นี่”

“ไม่รู้ดิ รังเกียจไหมมีเพื่อนไร้การศึกษาอย่างเรา”

“เฮ้ย! เราไม่ได้หมายถึงแบบนั้นนะ เพื่อนก็คือเพื่อนดิ ทำไมเราต้องรังเกียจด้วย”

“ฮ่า ๆ อย่าจริงจังดิเราก็พูดไปงั้นแหละ แต่เรื่องเรียนต่อเราพูดจริง เราไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร” ฉันพูดออกไปอย่างจนปัญญาก็คนมันไม่รู้นี่ ไม่มีความฝันเหมือนคนอื่นด้วย

ในทุก ๆ วันก็มีแอลนี่แหละค่ะที่เป็นตัวฉุดรั้งให้ฉันส่งงาน ให้ฉันเรียนตาม เรียกได้ว่าคะแนนครบทุกวิชาเพราะแอลยังได้เลย ส่วนพี่เวย์กับพะแพงฉันปิดบล็อคการติดต่อทุกช่องทาง ไม่สนใจอะไรพวกเขาอีกเลย ฉันชินแล้วแหละที่ต้องอยู่กับความรู้สึกเหล่านั้นจบก็คือจบ ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง สำหรับคนอื่นอาจจะเลือกเพื่อนเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะจริงใจมากกว่าแฟน แต่สำหรับฉันคนที่ทรยศหักหลังฉันไม่นับว่าเป็นเพื่อนค่ะ ต่อให้รู้สึกผิดและคิดได้ยังไงฉันก็ไม่ให้อภัยอยู่ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel