บท
ตั้งค่า

Episode-05 เพียงฝัน ฉัตรนรินทร์

หลายวันผ่านไป

เป็นหลายวันที่ฉันร้องไห้จนเช้า ร้องจนเหนื่อยแต่ก็ยังคงใช้ชีวิตได้ตามปกติ

“สภาพจิตใจแย่สุขภาพก็จะแย่ตามไปด้วยนะ”

“อะไร?” ฉันหันไปถามเอ้ที่อยู่ ๆ มันก็พูดขึ้น

“ข้าวอะแดกมั่งอย่าอวดเก่งให้มากทั้งที่ตัวเองจะตาย” ไม่พูดเปล่ามันยังยื่นชาเย็นปั่นกับข้าวเหนียวหมูปิ้งมาตรงหน้าฉันอีกด้วย “แล้วไม่ต้องนึกถึงมันล่ะกูซื้อให้มึงแดกก่อนที่มันจะมาจีบมึงซะอีก” ใช่ค่ะ ปกติเบียร์จะซื้อให้เช่นกัน

“เออเนอะ” อมยิ้มให้คนตรงหน้าแล้วรับมากินแต่โดยดี รสชาติมันไม่แย่ค่ะแต่สภาพฉันตอนนี้กินอะไรก็ไม่อร่อยสักอย่างแต่เห็นแก่ความหวังดีของเพื่อนเลยต้องจำใจกิน

“ได้งานหรือยัง”

“ยังเลย ยังไม่ได้ไปสมัครด้วยแล้วมึงล่ะ”

“รอมึงเนี่ยไปด้วยกันไหมร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า”

“เอาสิ”

“งั้นพรุ่งนี้ไปนะ”

“อืม”

วันนี้มาเรียนค่ะ แน่นอนว่าต้องเจอเบียร์อยู่แล้ว

“หมั่นส้นตีนฉิบหาย กูกระทืบให้ไหม”

“ช่างมันเหอะต่างคนต่างอยู่จบ ๆ ไป” วันนั้นที่ตามมาฉันไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อพูดอะไรไปบ้างเพราะหลังจากวันนั้นเบียร์ก็ไม่โทรมาอีกเลยแต่เพื่อนเขาโทรนะคะ

“เพียงฝัน”

“อย่ามายุ่งกับกู” ไม่ได้สนใจว่าพิ้งค์จะพูดอะไรฉันก็เดินขึ้นตึกมาก่อน บอกว่าไม่อยากสนใจแล้วก็คือไม่สนใจจริง ๆ

“ใจเย็นนะ หายใจเข้าลึก ๆ เรียนเสร็จก่อนค่อยว่ากัน”

ปกติฉันจะนั่งกับเบียร์แต่ตอนนี้เปลี่ยนมานั่งกับเอ้แล้ว ตลอดชั่วโมงเขาเอาแต่จ้องมองฉัน เป็นอยู่แบบนั้นกระทั่งหมดวันนั่นแหละ

“ให้กูไปส่งที่ไหน” ฉันหันไปถามเอ้เพราะทุกวันมันไม่เคยอยู่กับที่เลยค่ะ

“ไปบ้านมึงครับวันนี้พ่อกูไปดื่มกับพ่อมึง ป่านนี้คงตั้งวงแล้ว”

“งั้นมึงขับ กู...”

“ฝัน” น้ำเสียงคุ้นเคยเอ่ยเรียกก่อนจะหยุดยืนตรงหน้า “ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

“ไม่ให้คุย! ไม่มีอะไรต้องคุยอีก” เอ้ตอบกลับแทบจะทันทีแล้วแทรกกลางระหว่างฉันกับเบียร์

“กูจะคุยกับฝันไม่ได้จะคุยกับมึง”

“กูไม่ให้คุยมีอะไรไหม?”

“อ๋อ... รอเวลานี้มานานแล้วสินะ”

“ปัญญาอ่อน! อย่าคิดว่าคนอื่นจะสันดานเหี้ยเหมือนตัวเองสิ ถ้ากูคิดกับมันเกินเพื่อนจริง ๆ มึงไม่มีทางเข้าไปในชีวิตมันได้หรอก”

“พอแล้วเอ้ไปเหอะ” ไม่รอให้มันได้พูดต่อฉันก็รั้งแขนให้ขึ้นรถทันที คนแบบนี้คุยไปก็เสียเวลาเปล่า

“มึงแม่ง! ไม่น่าห้ามกูเลย”

“อย่ามีเรื่องกันเพราะกูเลยนะมันไร้สาระ”

“ไม่รับปากถ้าพูดจากวนส้นตีนอีกกูไม่ไว้หน้ามันแน่”

ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกกระทั่งถึงบ้านฉัน และเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเพราะเบียร์ตามมาด้วย

“ตามมาทำไม”

“ขอโทษ”

“มีประโยคอื่นดีกว่านี้ไหม”

“เราไม่ได้ตั้งใจ”

“มึงตั้งใจ!! มึงตั้งใจทุกอย่างเบียร์ ความรู้สึกคนเรามันเปลี่ยนกันได้กูพยายามเข้าใจหลายครั้งแล้วแต่มันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมมึงถึงกล้าทำแบบนี้? กูไม่ว่าเลยถ้ามึงบอกว่ารู้สึกดีกับคนอื่นหรือเจอคนที่ใช่กว่าแต่นี่อะไร!! มึงบอกว่ามึงรักกูแล้วตอนมึงจะเอากันมึงเอากูไปไว้ที่ไหน คนรักกันเขาทำกันแบบนี้เหรอวะ”

“รู้ตัวว่าทำผิดเบียร์ยอมทุกอย่างเลยฝัน เราไม่เลิกกันนะ” สองแขนสวมกอดฉันก่อนจะคุกเข่าแล้วซบใบหน้าลงตรงหน้าอก “ขอโทษ สาบานว่าไม่ได้คิดอะไรกับพิ้งค์เลย”

“ขอโทษไปมันก็ไม่เหมือนเดิมแล้วเบียร์”

“ขอโอกาสสักครั้งนะ แค่ครั้งเดียวจริง ๆ”

“...”

นานหลายนาทีที่เบียร์เอาแต่กอดอยู่แบบนั้น เขาคิดว่าแค่ขอโทษแล้วรู้สึกผิดแล้วความรู้สึกฉันจะกลับมาเหมือนเดิมสินะ

“มึงรู้ว่าทำแบบนั้นแล้วเราจะเป็นแบบนี้มึงทำทำไมวะ ฮึก... แล้วอีเหี้ยนั่นก็ไม่ใช่คนอื่นเลยกูให้ทุกอย่างทั้งความเชื่อใจทั้งความรู้สึกแล้วดูสิ่งที่พวกมึงทำ! มึงคิดว่ากูจะเหมือนเดิมได้อีกเหรอ”

“ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ” เขายังคงพร่ำอยู่แบบนั้นจนฉันทนไม่ไหวและเป็นฝ่ายผละออก “ไม่เลิกกันนะฝัน”

“กลับไปเถอะ” จบประโยคฉันก็สะบัดตัวออกจนหลุดพ้นจากเขาแล้วไปหลบข้างหลังพ่อที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ เบียร์ก็ยังคงตามมา เขาคุกเข่าลงตรงหน้าพ่อด้วยท่าทีสำนึกผิด

“ผมผิดทุกอย่าง ผมขอโทษครับ”

“ลุงรับคำขอโทษนะ แต่ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่าก็คงต้องแล้วแต่เพียงฝัน แล้วก็หวังว่านายจะเคารพการตัดสินใจนี้ด้วย”

“ผมรักฝันจริง ๆ”

“แต่ยังรักไม่มากพอ” พ่อไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกแค่หันมองฉันเป็นเชิงตั้งคำถามว่าจะเอายังไง

“กลับไป มึงไม่เลิกแต่กูเลิก”

“ฝัน”

“พอเถอะเบียร์”

“...”

“เลิกอธิบายได้แล้วมันไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว ถามว่ากูรักมึงไหมกูตอบได้เต็มปากว่ารัก แต่การกระทำของมึงมันทำให้กูไปไม่เป็น ให้เวลากูหน่อยสัญญาเลยว่าเจอกันอีกครั้งกูจะไม่เป็นแบบนี้อีก กูจะไม่ร้องไห้และจะยิ้มให้มึงเหมือนที่ผ่านมา กูขอ... กูขอจริง ๆ”

ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกมีเพียงเราสองคนที่มองหน้ากันแล้วร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ รักแต่ไปต่อด้วยกันไม่ได้ความรู้สึกมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

“กลับไปก่อนนะลูก เว้นระยะห่างให้กันสักพักแล้วค่อยคุยกันใหม่” แม่เอ่ยพลางรั้งเบียร์ให้ลุกขึ้นแล้วพาออกไปจากตรงนี้

คล้อยหลังเขาฉันก็เข้าห้องตัวเองแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ดีใจที่เขาง้อแต่อีกใจมันไปต่อไม่ไหวค่ะ จบแบบนี้มันดีที่สุดแล้ว

นานหลายชั่วโมงที่เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่ว่าใครมาเคาะประตูเรียกฉันก็ไม่หือไม่อือกับเขา ไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้นกระทั่งพี่ปั้นไขกุญแจเข้ามา

“มานี่มา” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยพลางอ้าแขนรับกอดฉัน เขาไม่พูดอะไรนอกจากกอดตอบแล้วฟังเสียงร้องไห้ของฉันอยู่แบบนั้น

“เขาบอกว่าเขารักหนู แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ”

“...”

“ทำไมคนนั้นถึงเป็นคนที่หนูไว้ใจ ทำไมเขาถึงกล้าทำ” ฉันยังคงตั้งคำถามโง่ ๆ ออกไปทั้งที่รู้อยู่เต็มอกแต่ก็ยังก้าวผ่านมันไปไม่ได้สักที

“เจ็บสินะ อยากร้องก็ร้องเลย ร้องจนกว่าจะพอใจ”

นานหลายนาทีที่พี่ปั้นกอดปลอบและฟังเสียงสะอึกสะอื้นของฉัน นอกจากจะไม่ห้ามแล้วเขายังอนุญาตให้ฉันร้องได้ตามอำเภอใจจนรู้สึกเหนื่อยไปเอง

“เงียบทำไม เหนื่อยแล้วเหรอ” ผละกอดออกแล้วเช็ดน้ำตาให้จนหมด “จำความรู้สึกวันนี้เอาไว้นะเพียงฝันแล้วอย่าพาตัวเองกลับมาเป็นแบบนี้อีก คนเราถ้าไม่เจอคนที่ตัวเองรักจริง ๆ ไม่เจอคนที่อยากใช้ชีวิตด้วยจริง ๆ มันไม่มีทางหยุดหรอก ต่อให้หนูจะดีแค่ไหนหนูก็เปลี่ยนใครไม่ได้หรอกนะ”

“รู้ค่ะ แค่อยากข้ามผ่านความรู้สึกนี้ไปเร็ว ๆ เท่านั้นเอง” เคยได้ยินมาว่าความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่แพงที่สุดในโลกฉันว่ามันจริงค่ะ

“ไปอาบน้ำนะพี่รอตรงนี้”

“ค่ะ แต่เดี๋ยวก่อนพี่ออกไปทำงานแล้วไม่ใช่เหรอ” จำได้ว่าเขาเข้ากะกลางคืนค่ะ “หรือแอบไปดูเสียงเพลงอีกแล้ว”

“อืม วันนี้หยุด ทำพรุ่งนี้เรารีบไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวพี่รอ”

“ค่ะ”

เข้ามาในห้องน้ำเห็นตัวเองในกระจกแล้วหมดสภาพ ตาบวมช้ำอย่างกับคนโดนต่อยแน่ะ

“ไม่ร้องไห้แล้วนะ เธอมันเก่งอยู่แล้ว” ให้กำลังใจและยิ้มให้คนในกระจก จากนั้นก็รีบทำธุระส่วนตัวแล้วออกไปหาพี่ปั้นที่รออยู่ ไม่รู้ว่าเวลานี้มันกี่โมงรู้แค่ว่าดึกแล้ว

“อยากกินก๋วยเตี๋ยว” ถึงกับละสายตาจากมือถือเมื่อได้ยินฉันพูดแบบนั้น

“ตีหนึ่งเนี่ยนะ แถวบ้านเราปิดหมดแล้วถ้ามีก็คงเป็นตัวเมือง”

“จริงด้วย งั้นเราไปพรุ่งนี้ก็ได้”

“วันนี้สิ เราอยากกินตอนนี้ไม่ได้อยากกินพรุ่งนี้” เขาว่ายิ้ม ๆ พลางโยกศีรษะฉันเล็กน้อย “ไปกันเถอะ”

“ชุดนี้เหรอคะ?” ฉันว่าพลางชี้มือเข้าหาตัวเองที่สวมใส่ชุดนอนลายหมีสุดน่ารัก

“น่ารักจะตายไม่มีใครสนใจหรอกใคร ๆ เขาก็กินตอนกลางคืนกันทั้งนั้นขนาดตู้เย็นยังมีหลอดไฟเลย”

“คิกคิก พูดดีมีเหตุผล” ในที่สุดก็หลุดขำมาจนได้ โชคดีของฉันแหละที่มีคนรอบข้างแสนอบอุ่นและน่ารัก

พี่ปั้นพาฉันมาที่ตลาดสดในตัวเมืองค่ะ บริเวณนี้เขาขายกันทั้งวันทั้งคืนอยู่แล้ว ของกินระรานตาเต็มไปหมด

“มัวแต่วุ่นวายเรื่องของหนูเรื่องของพี่ล่ะคะไปถึงไหนแล้ว”

“พี่กำลังเป็นคนคุยอยู่” อยากจะหัวเราะให้แต่ต้องกลั้นเอาไว้เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าฉันน่ะแอบเจอเสียงเพลงมาตลอด แถมยังคอยรายงานด้วยว่าพี่ชายตัวเองหงอยแค่ไหน

“ปกติไม่เห็นง้อใครแบบนี้สักที”

“ถึงได้บอกไงว่าเราเปลี่ยนใครไม่ได้หรอกนอกจากเขาจะเปลี่ยนเพราะอยากมีเราอยู่ในชีวิต”

“รักไหมคะ”

“รักสิ”

“ถ้ารักแล้วทำไมไม่ปล่อยเขาไปล่ะในเมื่อพี่ไม่ตั้งใจดูแลให้ดีแต่แรก”

“ไม่มีใครปล่อยให้คนที่ตัวเองรักไปเจอคนที่ดีกว่าหรอกนะ มั่นใจว่ารักก็แค่เปลี่ยนตัวเองให้ดีกว่าเดิม”

“อิจฉาเสียงเพลงได้ไหม ผู้ชายอย่างพี่น่าจะมีอีกสักคน”

“พี่ไม่ดีหรอกพี่แค่รักเขาเท่านั้นเอง”

อิจฉาพ่อกับแม่แล้วยังต้องมาอิจฉาความรักของพี่ชายตัวเองอีก เฮ้อ...ฉันนี่มันอาภัพจริง ๆ เลย

“สั่งให้ด้วยนะคะหนูไม่เอาผัก”

“หนูไม่กินผักตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตั้งแต่วันนี้แหละ ลองเปลี่ยนบ้างเผื่อมันจะอร่อยขึ้น” ฉันว่ายิ้ม ๆ แล้วแยกตัวมาร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อของใช้ส่วนตัว

ระหว่างที่เลือกของสังเกตเห็นว่าใครคนหนึ่งชำเรืองมองฉันอยู่ตลอด ฉันเองก็คุ้นหน้าเขานะคะแต่มันนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนจนเขาเอ่ยทักทายขึ้น

“จำไม่ได้เหรอ?”

“เราเคยเจอกันใช่ไหมคะ หนูก็คุ้นแต่นึกไม่ออก” ฉันตอบกลับตามมารยาทแล้วก็มั่นใจว่าเคยเจอแน่นอน

“พี่ไงที่เรามาส่งของอาทิตย์ก่อน”

“อ๋อ! ที่พ่อบอกว่าลูกค้าประจำนี่เอง”

“ฮ่า ๆ พี่ไม่ใช่ คนโน้นต่างหาก” เขาว่าพลางชี้มือไปด้านหลังฉันแต่ยังไม่ทันหันไปมองก็มีเสียงตอบกลับมาก่อนแล้ว

“อะไรเหรอครับ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะหยุดยืนข้างฉัน ปากเขาพูดกับพี่คนนั้นก็จริงแต่กลับเสมอสายตามาที่ฉันแทน คนอะไรสูงชะมัดเลยขนาดฉันสูงร้อยเจ็ดสิบหัวยังแค่ไหล่เขาเองค่ะ

“พี่ชื่อน่านฟ้านะ นี่น้องชายพี่ลูกค้าประจำของพ่อเรานั่นแหละ”

“ค่ะ หนูชื่อเพียงฝันนะคะไว้มีโอกาสจะไปส่งอีก”

“โอกาสน่ะมีแน่นอนไม่ต้องห่วงเพราะเจ้าของรถเปลี่ยนอะไหล่เก่งมาก”

“ไม่เคยได้ยินเหรอครับว่าบางอย่างซื้อใหม่ดีกว่าซ่อม”

“อย่ามาพูดเลยพี่เห็นไม่พังสักอันแค่เป็นรอยหน่อยนายก็ทิ้งแล้ว”

“ก็นั่นแหละ ไม่อยากเห็นไงเลยต้องหาใหม่เหมือนแฟนเก่ากับแฟนใหม่”

“เกี่ยวอะไรกัน”

“ไม่บอกหรอกคิดเอาเอง”

“...”

ออกจากร้านสะดวกซื้อก็กลับมาหาพี่ปั้นตามเดิม

“ซื้ออะไรมา”

“ถุงยาง”

“ทะลึ่ง!”

“ฮ่า ๆ คืนนี้นอนด้วยนะ”

“ถ้าไม่ร้องไห้จะให้นอน”

“ไม่ร้องค่ะสัญญา” ฉันว่าพลางชูสามนิ้วให้ด้วย “หนูเด็กหญิงฉัตรนรินทร์จะไม่ร้องไห้ให้เห็นอีกแล้วแต่ขออนุญาตแอบเศร้านิดหน่อย นิดหน่อยจริง ๆ และจะรีบหายกลับมาดีเหมือนเดิมเลยค่ะ” พี่ปั้นถึงกับส่ายหน้าให้เลยทีเดียว ฉันตั้งใจไว้แล้วแต่ตอนนี้ขอเวลาหน่อย อีกไม่นานจะดีขึ้นเพื่อตัวเองแน่นอน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel