Move On ใจหมดรัก

91.0K · จบแล้ว
นังหมูปีศาจ
51
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาเห็นเธอเป็นเพียงของตายไม่ว่าเขาจะไปทำอะไรที่ไหน กลับมาทีไรก็ยังคงเจอเธอเสมอ เมื่อแรกรักอะไรก็ดี แต่ทำไมตอนนี้ทุกอย่างถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ มันเพราะเขาหมดรักเธอแล้วหรือเพราะเธอเป็นเพียงของที่เขาจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ เธอเจ็บซ้ำๆ มากขนาดนี้ เธอโง่และไม่เห็นคุณค่าของตัวเองมากขนาดนี้ ควรจะพอได้แล้วใช่ไหม เธอเจ็บพอหรือยัง? เธอยังควรให้โอกาสเขาอยู่ไหม? นิยายเรื่องนี้ Move On ใจหมดรัก เป็นนิยายดราม่า ไม่มีพระเอก ไม่มีนางเอก มีเพียงตัวละครนำเท่านั้น จบไม่แฮปปี้ (ตัวละครนำไม่ได้คู่กันตอนจบ) สำหรับบางท่านนะคะ / วาคีน (ตัวละครนำชาย) พูดมึง กู กับใบเฟิร์น (ตัวละครนำหญิง) / ตัวละครนำชาย พูดคำหยาบคาย / พฤติกรรมไม่เหมาะสม / เจ้าชู้ / เลวทราม ต่ำช้า ฯลฯ / ตัวละครนำหญิง มีนิสัยฉลาดแต่โง่ / อาจจะขัดใจผู้อ่านบางท่าน #เราเตือนคุณแล้วนะ หากไม่ชอบ ไม่ถูกใจ ไม่ถูกจริต กรุณากดออกเงียบๆ อย่าทิ้งคอมเมนต์ทำร้ายความรู้สึกของนักเขียนเลยนะคะ นักเขียนก็คนเจ็บได้ร้องไห้เป็นค่ะ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนักศึกษานอกใจรักวัยรุ่นโตมาด้วยโรงแรม/มหาลัยดราม่า18+

บทนำ

มหาลัย A [11.28 น.]

"ใครมีคำถามอะไรไหม"

"ไม่มีนะ โอเค รายงานส่งวันศุกร์หน้าก่อนเข้าคาบเรียน วันนี้เลิกเรียนได้ค่ะ"

เสียงอาจารย์สาววัยกลางคนพูดขึ้นปล่อยคาบเรียน ฉันรีบหันไปหาลลินกับโรสลินเพื่อนรักของฉันที่นั่งอยู่ด้วยกันเราทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง หลังจากที่เราทั้งสามคนเก็บของเรียบร้อยก็เดินออกมาหน้าห้องเรียนเพื่อจะออกไปกินข้าวแล้วกลับมาเข้าเรียนอีกหนึ่งวิชาที่เหลือ ฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาแฟนของฉัน

[วาคีน]

ตืด~ ตืด~ ตืด~

รอสายอยู่นานวาคีนก็ไม่รับ ฉันก็กดต่อสายไปใหม่เขาก็ยังไม่รับสายฉันเหมือนเดิม ฉันกับวาคีนเราคบกันมาหลายปีแล้วเราเรียนที่เดียวกันตั้งแต่อยู่ มอ.ปลาย ฉันกับเขาคบกันตั้งแต่อยู่ มอ.ห้า จนตอนนี้เราทั้งคู่ก็มาเรียนที่มหาลัยเดียวกัน เพียงแต่เรียนคนละคณะเท่านั้น

"โทรหาวาคีนเหรอ"

ลลินถามขึ้นเพราะว่านี่เป็นสิ่งที่ฉันทำทุกวันแม้ฉันกับวาคีนเราจะอยู่ด้วยกันแล้วโดยที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝั่งรับรู้ เวลาที่มาเรียนฉันกับวาคีนมาด้วยกันหากวันไหนพักเที่ยงตรงกันฉันก็อยากจะกินข้าวกับเขาเหมือนอย่างสมัยก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายวิ่งมารับฉันไปกินข้าวเอง

"ไม่เบื่อบ้างเหรอ ที่ต้องคอยตามอยู่ฝ่ายเดียวน่ะ"

โรสลินก็อีกคนฉันรู้นะว่าทั้งสองคนเป็นห่วงฉันมาก เพราะฉันกับวาคีนเราทะเลาะกันค่อนข้างบ่อย เขาไม่ใส่ใจฉันเหมือนเดิมเขาจะดีกับฉันแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เฮ้อ... ก็ฉันรักวาคีนนี่คะฉันจะทำอะไรได้ละ

"ฉันว่าแกไม่ต้องโทรแล้วละเฟิร์น"

ฉันหันไปหาเพื่อนทั้งสองคนที่พูดขึ้น พลางมองไปตามสายตาของเพื่อนทั้งสอง ในร้านข้าวขาหมูร้านหนึ่งหน้ามหาลัยฉันเห็นคนที่ฉันโทรหานั่งกินข้าวอยู่กับผู้หญิงหุ่นสวย หัวใจฉันสั่น แขนฉันสั่น ขาฉันสั่น มือยังกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น จ้องมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่ปวดร้าว วาคีนของฉันกับผู้หญิงคนนั้นนั่งด้วยกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนมราวกับจะสิงกันอยู่แล้ว

ฉันหายใจไม่ค่อยออก เหมือนหัวใจฉันเต้นแรงเกินกว่าจะควบคุมได้ กดโทรศัพท์หาวาคีนอีกครั้งมองดูว่าเขาจะรับสายของฉันไหม ขณะที่รอสายน้ำตาของฉันเริ่มคลอเบ้าตาสวยอย่างห้ามไม่ได้ และ...

(ฮัลโหล) เขารับสายฉัน แถมยังจ้องหน้ากับผู้หญิงคนนั้นอมยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ด้วยทั้งๆ ที่ฉันอยู่ในสาย

"อยู่ไหนวาคีน"

(กินข้าวอยู่ มีไร) เขาตอบฉันน้ำเสียงห้วน

"เฟิร์นถามว่าอยู่ไหน"

(กูบอกว่ากินข้าวอยู่ไง มึงพูดไม่รู้เรื่องเหรอ)

ฉันเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป มันจุกอยู่ที่อกจนพูดแทบไม่ออก ฉันกดตัดสายยังจ้องมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่ร้าวราน ด้วยความที่ฉันกับเขาเรารุ่นเดียวกัน อาจจะเพราะเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนตั้งหนึ่งเทอมมันเลยทำให้เขาชินที่จะพูดกับฉันแบบนี้ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ

"ไปเถอะเฟิร์น"

ลลินเรียกสติฉันให้กลับมา ในขณะที่ฉันกำลังจะเดินไปสายตาของฉันกับวาคีนก็ประสานกันอย่างไม่ตั้งใจ เขามองฉันมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ส่วนฉันก็น้ำตาร่วงแหมะลงมาที่พื้นถนน ฉันเดินออกมาจากจุดนั้น ไม่นานนักก็ได้ยินเสียง

ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ

เท้าหนักของใครบางคนวิ่งเข้ามาใกล้ คว้าแขนเรียวของฉันเอาไว้ด้วยน้ำหนักมือที่คุ้นเคย กลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้ฉันรู้ทันทีว่าใครเป็นคนวิ่งมาคว้าแขนของฉัน

"มึงจะไปไหน"

"กินข้าวอร่อยไหมวาคีน"

ฉันถามวาคีนทั้งน้ำตา เขาก็จ้องฉันอยู่อย่างนั้นด้วยอาการเหนื่อยหอบเพราะวิ่งมา ไม่นานนักผู้หญิงคนนั้นก็เดินมายกมือขึ้นไหว้ฉัน แต่รอยยิ้มนั่นมันแปลกๆ

"สวัสดีค่ะพี่ใบเฟิร์น หนูชื่อต้นอ้อนะคะเป็น..."

"เพื่อนพี่ไม่ได้อยากรู้หรอกค่ะ ว่าน้องเป็นอะไร" โรสลินพูดแทรก

"เพราะไม่บอกก็รู้ว่าคงเป็นผู้หญิงหน้าด้าน ที่จ้องแต่จะแย่งผัวชาวบ้าน" ลลินพูดต่อ ทั้งสามคนจ้องหน้ากันนิ่งโดยที่วาคีนไม่ได้ทำอะไรเลย เขาลากฉันออกมาจากตรงนั้น พาฉันไปที่ซอยเล็กๆ ข้างมหาลัยแล้วพูดขึ้น

"เป็นอะไร"

"ทำไมวาคีนไม่รับสายเฟิร์น" ฉันถามออกไปทั้งน้ำตา เขาก็ตอบฉันกลับมาน้ำเสียงเรียบๆ

"ก็ไม่ว่าง กินข้าวอยู่"

"กับใครเหรอ"

"น้อง" น้องไหนล่ะ ตอนนี้เป็นน้อง แล้วอนาคตจะเป็นอะไรละ

"น้องงั้นเหรอ น้องไหนละ เรียนคณะไหน คณะเดียวกันรึไง"

วาคีนไม่ตอบฉัน เอาแต่ยืนนิ่งจับแขนฉันอยู่อย่างนั้น เขาชักสีหน้าเล็กน้อยราวกับรำคาญที่ฉันถามเขามากมายขนาดนี้ ก่อนจะกุมมือฉันแล้วดึงฉันเข้าไปกอด พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเหมือนเดิม

"มันไม่มีอะไร น้องมันอาสาช่วยกูทำรายงาน"

เพียงแค่ใบหน้าของฉันสัมผัสเข้าที่อกอุ่นของเขาที่ฉันคุ้นเคย ฉันก็ปล่อยหยาดน้ำตาออกมามากมายจนเปียกเสื้อเชิ้ตสีขาวของวาคีน ร่างกายของฉันราวกับไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย ยืนร้องไห้ที่อกอุ่นของวาคีนอยู่นานสองนานจนรู้สึกดีขึ้น

"ทำไมต้องให้เขาช่วยด้วยละ"

"ก็มันอาสา มึงอย่าคิดมากเลยมันไม่มีอะไร"

"วาคีน เฟิร์นรักวาคีนมากนะไม่รู้เหรอ" ฉันบอกวาคีนตอนที่เขาจับมือของฉันเอาไว้ แล้วเรากำลังจะเดินออกไปจากซอยเล็กๆ ตรงนี้

"กูก็รักมึง มึงไม่รู้เหรอ"

ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันก็รู้ แต่ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจฉันมองตามแผ่นหลังกว้างของวาคีนแม้ว่ามือของเราจะจับประสานกันอยู่แน่น แต่ฉันกลับรู้สึกหนาวขึ้นมาที่หัวใจ เราใกล้กันถึงขนาดนี้ แต่ฉันเหมือนกับคนที่อยู่ห่างไกลกับเขานับพันไมล์

"หิวไหม กูพาไปกินข้าว"

"หิว แต่กินไม่ลง"

วาคีนยิ้มกว้างให้ฉัน หันมาลูบหัวฉันนิดหน่อยแล้วก้มลงหอมแก้มของฉัน เขาพาฉันเดินออกไปจากซอยเล็กๆ นี้ เลี้ยวไปทางซ้ายเดินตรงไปอีกสองซอยก็ถึงร้านข้าวต้มโต้รุ่งที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

"กินอะไร สั่งสิ"

"ไม่อยากกิน" ฉันพูดออกไป วาคีนก็ไม่ได้ว่าอะไรหยิบเอาเมนูออกมาแล้วสั่งเองทุกอย่าง รอไม่นานอาหารที่วาคีนสั่งก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ

"ยังไม่หายคิดมากอีกเหรอ กูรักมึงคนเดียวเข้าใจบ้างดิ"

"รักเฟิร์นแล้วไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นทำไม"

"กูไม่ได้คิดอะไรกับมัน กูแค่เลี้ยงข้าวที่มันช่วยกูทำรายงาน" ฉันพยักหน้าตอบรับ แต่ใจของฉันเหมือนกับมีรอยร้าวฉันไม่ได้โง่ถึงกับขนาดไม่รู้ว่าคำพูดพวกนั้นเป็นเรื่องโกหก แต่เพราะฉันรักวาคีนมากจนเกินไปฉันเลยยอมเงียบและเชื่อฟัง

"รีบกิน เดี๋ยวหมดเวลาพักกูไม่ไปส่งที่ห้องเรียนนะ"