
บทย่อ
เขาคือ ภาส วิชญ์ภาส กิเลนารินทร์ มาเฟียหนุ่มลูกติด วัย 32 ปี ผู้ที่เย็นชาไร้ความรู้สึก จนใครๆ ก็บอกว่าเขาเป็นคนไร้ซึ่งความรัก "ที่เธอยอมนอนกับฉัน ก็เพราะเงินสินะ" เธอคือ ณิชา ณิชานันท์ พลอยแก้ว สาวน้อยนักศึกษาปีสาม วัย 21 ปี ผู้ที่มีนิสัยก้าวร้าว ไม่เกรงกลัวผู้ใด (มั้ง) แต่ข้างในกลับเป็นคนที่อ่อนแอมาก "ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะเงินคุณคิดว่าฉันจะยอมนอนกับคุณหรอ ถุ้ย! ไม่มีทางหรอกไอ้เวรเอ้ย"
เหยื่อของคนมีอำนาจ
“ณิชา ข้าวสารหมดว่ะ”
คำคำนี้ เป็นคำที่ทุกคนในบ้านอันแสนอบอุ่นไม่อยากได้ยินมากที่สุดในยุคที่ข้าวยากหมากแพง คนปกติก็แทบจะเอาตัวไม่รอดกันอยู่แล้ว แต่ ณิชา และ นาวิน แฝดชายหญิงคู่นี้ทั้งเรียนและทำงานไปด้วย กลางวันจะเป็นเวลาที่จะต้องออกไปศึกษาหาความรู้เพื่อเดินทางไปตามหาอนาคตอันแสนยาวไกล พอตกช่วงดึกทั้งสองจำต้องถอดเครื่องแบบออกไปทำงานเป็นเด็กเสริฟร้านเหล้าเล็กๆแถวบ้าน ที่เต็มไปด้วยแขกที่มีรูปร่างกำยำนิสัยไม่น่าไว้ใจ แต่สิ่งที่ทั้งสองได้เผชิญไม่ใช่แค่ความอดอยาก และลำบากเพียงเท่านั้น เพราะตอนนี้ มณี แม่แท้ๆของพวกเขานั้นได้ล้มป่วยกระทันหันเนื่องจากเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย จึงทำให้ณิชาดรอปเรียนไว้เพื่อดูแลแม่ในตอนกลางวัน
“ถ้าอย่างนั้น กูจะไปเอาที่ร้านเจ๊แบมก่อน เดี๋ยวตอนเย็นกูจะไปช่วยเจ๊เสริฟอาหารล้างหนี้”
เธอคือ ณิชา ณิชานันท์ พลอยแก้ว สาวน้อยวัย 21 ปี ที่มีนิสัยก้าวร้าว ดื้อด้าน แต่ข้างในกลับเป็นคนอ่อนแอ เธอมีจมูกที่เล็กแต่โด่งพุ่งปลาย ปากบางจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโต ผิวพรรณดี ด้วยความที่เธอนั้นเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยดูแลตัวเองสักเท่าไหร่ ผมเผ้าก็รุงรัง ใบหน้าก็ไม่ได้ผ่านแป้งและเครื่องสำอางอื่นๆเลยสักชนิด
“ไม่ เดี๋ยวกูไปเอง”
“ไม่ต้อง มึงอะเอาเวลาไปอ่านหนังสือแล้วก็ดูแลแม่ไปด้วยดีกว่า มึงเรียนหมอนะเว้ย มึงดูแลแม่ได้ดีที่สุดแล้ว”
“แต่กูเป็นผู้ชายนะเว้ยณิชา กูต้องเป็นคนเหนื่อยสุดสิวะ และที่สำคัญกูเป็นพี่มึงด้วย”
“โอ๊ย! อย่าเรื่องมากได้ป้ะ กูบอกมึงกี่ครั้งแล้ว ว่ามึงเรียนเก่งมึงต้องเรียนให้ได้เกรดดีที่สุด ส่วนกูเรียนมาขนาดนี้ยังติดเอฟทุกเทอมมึงคิดว่ากูควรให้มึงลำบากหรอ เพราะฉะนั้นกูจะเป็นฝ่ายเหนื่อยเองและมึงก็ต้องตั้งใจเรียน ถ้ามึงเป็นหมอวันไหนวันนั้นแหละมึงจะได้รับภาระทุกอย่างที่มึงอยากจะรับ โอเค๊? ”
“แต่ว่า...” นาวินสงสารและก็ประทับใจในตัวณิชามากที่วันนี้เธอโตขึ้นมากจนรู้จักเสียสละ เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าณิชานั้นเสียดายแค่ไหนที่ไม่ได้เรียนต่อ แต่เรื่องเหตุจำเป็นที่เธอจะต้องเลือกระหว่างเรียนและชีวิตของแม่ เธอก็ย่อมเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว เพราะการเรียนเธอยังมีโอกาสตราบใดที่ยังมีลมหายใจเธอก็ยังสามารถเรียนได้ แต่ลมหายใจของแม่เธอนั้นกลับลดน้อยลงทุกวันเธอจึงอยากทำอะไรเพื่อแม่บ้าง
“ไปเรียนได้แล้ว”
“เออ เดี๋ยวตอนเย็นกูจะรีบกลับมารับออเดอร์และดูแลแม่นะ”
“อืม” จากนั้นนาวินก็ยอมไปเรียนตามที่ตกลงกันไว้แต่โดยดีเพราะไม่อยากขัดความหวังดีของน้องสาวฝาแฝด เพราะสิ่งที่เธอพูดและกระทำออกมาล้วนแต่เป็นสิ่งที่เธอนั้นคิดดีแล้ว ในเมื่อนาวินนั้นเรียนเก่งและดูมีอนาคตมากกว่าเธอ ณิชาจึงหวังเพิ่งเขาในทางนี้ ส่วนเธอที่วันๆเอาแต่เกเรโดดเรียนเกือบทุกวันก็สมแล้วที่จะต้องมาดูแลแม่ แต่ก็ใช่ว่าเธอนั้นจะนั่งๆนอนๆอย่างเดียว เพราะนอกจากจะดูแลแม่แล้ว ทุกๆวันเธอจะต้องทำขนมบราวนี่ส่งร้านค้าใกล้บ้านและคาเฟ่ในช่วงบ่าย พอตกเย็นนาวินกลับมาเขาก็จะเป็นคนรับออเดอร์และดูแลแม่ไปด้วย ส่วนตัวของณิชาก็ไปเป็นเด็กเสริฟที่ร้านเหล้า และพวกเขาก็วนหลูบอยู่อย่างนี้ทุกวัน และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงจุดประสบความสำเร็จสักที...
@ร้านเจ๊แบม
ร้านเจ๊แบม เป็นร้านเหล้าเล็กๆที่อยู่ในระแวกนี้ซึ่งก็ถือว่าเป็นร้านดังมากๆสำหรับทรงเอทั้งหลาย ถึงแม้ว่ากลางคืนจะเป็นร้านเหล้าที่คึกครื้น ทว่ากลางวันร้านแห่งนี้กลับเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่งเหมือนร้านปกติทั่วไป เหมือนกับว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่รื่นเริงมาก่อน
“อะ! เอาไป” คนที่ถูกเรียกว่าเจ๊แบมยกถุงข้าวสารจำนวนห้ากิโลกรัมให้กับหญิงสาวที่กำลังนั่งหน้ามุ่ยอยู่
“ห้าร้อยใช่ป้ะ ค่าแรงคืนนี้เจ๊หักค่าข้าวเลยละกันนะ”
“เดือนนี้เงินเดือนมึงแทบจะไม่เหลือแล้วนะไอ้ณิชา”
“รู้แล้วน่า ก็ช่วงนี้ลูกน้องเสี่ยโจมันทวงบ่อยนี่หว่า ทำไงได้ ถ้าไม่เอาเงินให้มัน มันก็ทำร้ายร่างกายฉันกับไอ้นาวิน พวกฉันสองคนพี่น้องก็กลัวตายเหมือนกันนะ”
“กูล่ะสงสารพวกมึงสองแฝดจริงๆเลย เมื่อไหร่กูจะถูกหวยรางวัลที่หนึ่งวะจะได้ปลดนี้ให้เลย จากหนี้แค่แสนเดียวเพิ่มเป็นสี่แสน พวกเสี่ยนี่มันก็ทำนาบนหลังคนจริงๆ” ทุกคนที่อยู่รอบข้างเธอและพี่ชายต่างก็สงสารเธอและอยากให้เธอหลุดออกจากบ่วงกรรมกันทั้งนั้น แต่เมื่อเธอยิ่งพยายามหาเงินมาคืนเจ้าหนี้เท่าไหร่ มันก็ยิ่งเพิ่มหนี้ขึ้นให้เธอจากหนึ่งแสนกลายเป็นหนึ่งแสน ซึ่งเธอและนาวินก็ไม่เคยได้ใช้เงินก้อนนั้นด้วยซ้ำ
“คนจนอย่างเราๆ ก็คงจะตกเป็นเหยื่อของคนมีอำนาจแบบนี้ไปตลอดชีวิตนั่นแหละเจ๊” หญิงสาวตัดพ้อด้วยความท้อแท้ใจเพราะมองหนทางที่จะหนีออกไปจากความมืดมิดนี้ไม่เจอสักที นับวันพวกที่มีอำนาจมันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น คนที่ไม่มีแม้แต่ข้าวสารไว้กรอกหม้อก็คงจะถูกกดขี่แบบนี้ไปตลอดชีวิต
“แต่กูเชื่อนะว่าอีกไม่นานมึงจะหลุดพ้นจากอำนาจของพวกมันแน่นอน”
“หนูก็หวังไว้อย่างนั้นนะ”
“อื้ม...” เจ๊แบมตบไปที่ไหล่หญิงสาวเบาๆเพื่อให้กำลังใจให้เธอฮึดสู้ต่อไปเพราะเธอนั้นเชื่ออยู่เสมอว่า สักวันณิชาจะต้องได้พบแสงสว่างของชีวิตอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวหนูกลับบ้านก่อนนะเจ๊ แม่อยู่บ้านคนเดียวอะ”
“เออ ตอนเย็นเจอกันนะ”
“จ้า”
