#พี่หลามคนจริง EP.4 ขี้น้อยใจ (2)
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้สองเท้าของฉันก็ยืนอยู่หน้าหอพักของตัวเองแล้ว
ไม่รู้ว่าส้มหวานอยากจับคู่ฉันกับฉลามดุอะไรขนาดนั้น เธอพยายามผลักดันฉันให้ลงไปข้างล่างด้วยตัวเองให้ได้เลย ในขณะที่ตัวเองก็นอนเล่นโน๊ตบุ้คอย่างสบายใจ
ให้ตายสิ นี่ส้มไม่รู้เลยรึไงนะว่าฉันโดนเขาโกรธอยู่น่ะ
เขาอยู่นั่นแล้ว ตรงลานจอดรถข้างหน้าตึกใกล้ป้อมยามนี่เอง
ฉันเม้มริมฝีปาก ตัดสินใจยืนแอบอยู่ข้างๆ เสาข้างหน้าหออย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อทันทีที่ลงไปก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกับรถมอเตอร์ไซค์ที่คุ้นเคย ฉลามดุสูบบุหรี่อีกแล้ว เขานั่งหันเสี้ยวหน้าด้านข้างมาทางที่ฉันยืนอยู่ ร่างสูงเสยผมขึ้น แล้วเริ่มพ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างเงียบเชียบ
ฉันค่อยๆ โผล่หน้าออกไป แล้วก็เป็นจังหวะที่ร่างสูงหันมามองทางนี้พอดี
ทันทีที่เห็นเขาก็กวักมือเรียกฉันให้เดินเข้ามาหา แล้วทิ้งบุหรี่ลงกับพื้นในวินาทีนั้น
ฉันอึกอักนิดหน่อยเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะยังโกรธหรือน้อยใจฉันอยู่รึเปล่า แต่พอเดินเข้าไปใกล้ตัวร่างสูงที่นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์แล้ว ข้อมือของฉันก็ถูกคว้าไปใกล้เขาอีกนิดอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อะ... ปล่อยนะ” ฉันตกใจและดันเขาออกทันที ในขณะที่เงยหน้ามองฉลามดุในความมืด มันมีแค่แสงไฟจากถนนข้างหน้าเท่านั้น ฉันก็เลยเห็นไม่ชัดว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่
จนกระทั่งทั้งตัวของฉันถูกเขาโอบเข้ามาใกล้และถูกกอดเอาไว้แน่นโดยที่คนกระทำไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ
ฉันเบิกตากว้าง พยายามดันเขาออกอีกรอบแต่ก็ไม่เป็นผล เลยได้แต่พูดเสียงสั่นๆ ออกไปแทน “นะ... นี่”
“เราหนาว” แต่คำสั้นๆ ของเขากลับทำให้ฉันชะงักไปอย่างไม่เข้าใจ “แล้วก็น้อยใจนิดหน่อย”
นะ... น้อยใจ?
“...”
“เธอโกรธเรารึเปล่า... ที่วันนี้เราไม่ได้ไปรับ” ฉันนิ่งไปเมื่อได้ยินฉลามดุถาม และสั่นหน้าเบาๆ ในอ้อมแขนของเขา “แต่เราโกรธ”
เขาโกรธฉันเหรอ?
“โกรธเรื่องอะไรเหรอ” ฉันถามกลับไป แล้วร่างสูงก็ซุกใบหน้าลงมาที่ไหล่ของฉันจนสะดุ้งไปทั้งตัว เส้นผมแข็งๆ ของเขาคลอเคลียอยู่ที่ต้นคอจนฉันต้องหลับตาปี๋และหน้าร้อนวูบขึ้นมาด้วยความอาย
“ไม่มีเหตุผล” เขาตอบกลับเบาๆ แล้วกอดฉันแน่นขึ้นอีก “แค่เราชอบเธอมาก... ก็เลยโกรธมั้ง”
“ไม่เห็นเข้าใจเลย”
“หึ อย่าเข้าใจเราเลยว่ะเธอ” เขาคลายอ้อมกอดออก แล้วจับไหล่ของฉันเอาไว้แน่นในขณะที่มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า “จะนอนแล้วไง?”
ฉันทำหน้างุนงงแล้วก้มลงมองชุดของตัวเอง เพิ่งรู้สึกตัวว่าใส่ชุดนอนลงมาหาเขาข้างล่าง มันเป็นชุดนอนแบบเดรสสีครีม แถมบางเบามากด้วย หน้าแดงไปหมดเมื่อรู้สึกตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉลามดุที่เริ่มขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“อย่าใส่ชุดนอนบางๆ แบบนี้ลงมารับผู้ชายคนไหนอีกเลยนะ” เขาพูดแบบนั้น แล้วมันก็ทำให้ฉันต้องก้มหน้างุดลงแทบจะทันที “แต่มารับเราได้”
“...”
“เมื่อกี้ที่กอดเธอ เหม็นบุหรี่มั้ย?” พอเห็นว่าฉันเงียบไป ฉลามดุก็ถามขึ้นมาอีกเหมือนพยายามหาเรื่องคุย ส่วนมือที่จับที่ไหล่ของฉันก็เริ่มเลื่อนลงมากุมมือของฉันเอาไว้อย่างหลวมๆ
“นะ... นิดหน่อย” ฉันตอบโดยไม่สบตากับเขา แล้วฉลามดุก็หัวเราะ
“ไม่บอกก่อน” เขาบีบมือฉันแน่นขึ้นข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างก็เลื่อนขึ้นมาปัดเส้นผมของฉันที่ตกลงมาปรกหน้าเพราะลมตอนกลางคืนมันค่อนข้างแรงให้อย่างลวกๆ “ไม่ชอบคนสูบบุหรี่?”
ฉันมองเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วตอบไปตามความจริง “อื้อ ไม่ชอบ”
“งั้นเดี๋ยวเราเลิกให้” ฉันเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำแบบนี้จากปากผู้ชายคนไหน เขาจะเลิกบุหรี่ให้ฉันเหรอ ทำไม? “ไม่ชอบอะไรอีก”
“...!”
“ถ้าเธอไม่ชอบ จะได้เลิกให้หมดเลย” เลือดบนใบหน้าของฉันสูบฉีดจนชาไปหมดเมื่อเขาพูดแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมทั้งดึงตัวฉันให้ขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าของเขาอีก และเพราะฉลามดุนั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์มันก็เลยดูเหมือนฉันสูงกว่าเล็กน้อย เส้นผมของฉันตกลงมาปรกหน้าของเขา ในขณะที่ร่างสูงจะฉีกยิ้ม “บอกแล้วว่าเพื่อเธอเราทำได้ทุกอย่าง”
“...”
“หนาวมั้ย เธอใส่เสื้อบางมากเลยว่ะ” เขาพูดอีก ย้ำอีกว่าชุดเดรสของฉันมันบางแค่ไหน ในขณะที่จะโอบเอวฉันเข้ามาใกล้เมื่อมีกลุ่มผู้ชายที่พักหอพักเดียวกันกับฉันเดินผ่านและนั่งจับกลุ่มกันตรงโต๊ะม้าหินอ่อนที่ไม่ไกลกันนัก พอฉันมองตามก็เห็นว่าพวกเขากำลังมองฉันด้วยแววตาจาบจ้วง ถึงแม้ว่าฉันจะยืนอยู่กับฉลามดุและถูกเขาโอบเอวอยู่ก็ตาม “... เธอไม่น่าเลือกหอพักนอกมหาลัยเลยนะ”
“หือ... อะไรนะ” ฉันหันไปมองเขาอย่างสงสัยเมื่อรู้สึกว่าร่างสูงพึมพำอะไรสักอย่างข้างๆ หู ก่อนที่ฉลามจะหันกลับมามองและไม่พูดอะไร ในขณะที่เลือกที่จะทำอะไรบางอย่าง
“นิ้ง ใส่นี่ไว้”
เขาถอดเสื้อฮู้ดด้านนอกที่ใส่อยู่แล้วสวมให้ฉัน
“อะ... ไม่หนาวสักหน่อย” ฉันท้วง ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอะไรจนถูกร่างสูงช้อนตัวให้มานั่งตักเขาบนเบาะมอเตอร์ไซค์ หน้าของฉันเห่อร้อนขึ้นมาทันที
“ถ้าไม่ทำแบบนี้พวกมันก็ไม่เลิกมองเธอหรอก” เขาอธิบายทันทีเหมือนกลัวว่าฉันจะหนีเขาเพราะการกระทำที่อุกอาจแบบนี้ ฉันมองตามสายตาของร่างสูง แล้วก็เห็นว่าพวกผู้ชายกลุ่มนั้นหันกลับไป
อ๋อ เขากำลังช่วยฉันอยู่นี่เอง
แต่ดูเหมือนคนที่จะถึงเนื้อถึงตัวไม่ใช่แค่สายตา จะเป็นเขามากกว่านะ
“เอ่อ... ขอบคุณนะ” ฉันไม่รู้ว่าควรพูดคำนี้มั้ยกับสถานการณ์ที่ตัวเองตกเป็นรองแบบนี้ แต่พอพูดออกไป ฉลามดุก็เอื้อมมือข้างหนึ่งมารั้งเอวของฉันไว้ทันที
“ขอโทษนะนิ้ง” เขาพูดสั้นๆ แล้วฉันก็ทำสีหน้างุนงง
“เรื่องอะไรเหรอ”
“ที่ไม่ได้ไปส่งวันนี้” ฉันชะงักไป แล้วก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่กุมเข้าหากันเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี “เราโกรธ แต่พอเรารู้สึกตัว เราก็รีบมาที่นี่เลย ถึงเพื่อนเธอจะบอกว่าเธอโอเคดี เราก็อยากมาเจอหน้าให้แน่ใจกว่านี้”
“...”
“เราชอบเธอ และเราจะไม่ทำแล้ว ครั้งนี้ครั้งเดียว”
“...”
“เธอไม่โกรธนะ?”
“มะ... ไม่จ้ะ”
เพราะอย่างงั้น...
เพราะอย่างงั้นก็เลิกทำให้ฉันเขินจนทำตัวไม่ถูกขนาดนี้สักทีเถอะ
“ดีแล้ว เราก็ไม่คิดว่าเธอจะโกรธหรอก” เขาพูด และถึงจะไม่ได้หันกลับไปมองฉันก็พอจะรับรู้ได้ว่าเขากำลังยิ้มอยู่ “พรุ่งนี้มีเรียนมั้ย?”
“อะ... อื้อ มี” ฉันตอบอย่างตกใจเพราะเขาเอียงหน้าเข้ามาถามจากด้านข้าง มันใกล้มากจนฉันตั้งตัวไม่ทัน แล้วฉลามดุก็พยักหน้ารับรู้ เขาผละใบหน้าออกไปแล้วถามอีก
“กี่โมง”
“เที่ยงค่ะ เหมือนวันนี้” ฉันคิดว่าฉันเริ่มชินกับท่านั่งในตอนนี้แล้วก็เลยพูดออกมาแบบไม่ติดอ่างเหมือนเคย “ทำไมเหรอ?”
“เปล่า” เขาหัวเราะในลำคอ “แต่ถ้าตื่นทันจะโทรหา”
“...”
“จะได้ไปส่ง” ฉันก้มหน้าลงมองมือของตัวเองอีกครั้งเมื่อไปไม่เป็น เขาพูดแล้วก็มองไปทางผู้ชายตรงนั้นด้วย ดูเหมือนฉลามดุจะไม่ชอบพวกเขาเอามากๆ เลย
“แต่... แต่ส้ม”
“เพื่อนเราทำงานที่อู่ พรุ่งนี้เราก็มีเรียน เดี๋ยวจะเอารถเพื่อนไปส่งเธอก่อนไง” เหมือนเขาจะรู้ว่าฉันอยากจะถามอะไร ร่างสูงพูดตัดบทแบบไม่ให้ฉันแทรกขึ้นมาได้เลยอย่างไม่ทุกข์ร้อน แล้วก็ดูเหมือนจะไม่อยากให้ฉันปฏิเสธด้วย “โอเคนะ?”
ถึงไม่โอเคก็ต้องโอเคไม่ใช่เหรอ
“อื้อ”
“...”
“มาเร็วๆ นะ” ฉันรู้สึกว่าผู้ชายที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังชะงักไปหน่อยๆ ฉันก็แค่อยากแกล้งเขานิดหน่อยน่ะ ก็เขาชอบแกล้งฉันก่อนนี่นา อย่างที่ดึงมานั่งบนตักแบบนี้มันก็คือการแกล้งให้ฉันเขินไม่ใช่เหรอ
“เธอพูดว่าไงนะ” แต่พอเขาถามย้ำเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง ฉันก็รู้สึกว่าที่พูดไปน่ะเป็นอะไรที่คิดผิดสุดๆ เลย
“มะ... มาเร็วๆ นะ”
“...”
“หนูจะรอ”
คะนิ้งจ๋า เธอแกล้งเขามากเกินไปแล้ว
