บทที่ 7 ออกไปซื้อของ (ตอนต้น)
รุ่งอรุณใหม่มาเยือนแล้ว แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านม่านในห้องเข้ามานั้นทำให้เด็กหนุ่มหยีตาแล้วเบือนหน้าหนีแสงอย่างคนที่ยังไม่อยากจะลืมตาขึ้นมาพบกับวันใหม่เท่าไร แขนขวาคว้าบางสิ่งนุ่ม ๆ เข้ามากอดไว้ก่อนจะซุกไซ้ใบหน้ากับสิ่งนั้นแล้วหลับต่อไป... แต่เจ้าบางสิ่งนุ่ม ๆ นี่สิ รู้สึกว่านอนต่อไม่ได้แล้ว
เจ้าของสิ่งนุ่ม ๆ ปุย ๆ ที่หน้าตาดีอย่างไม่ใช่มนุษย์กำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องมาเด็กหนุ่มผู้ถือวิสาสะกอดรัดหางสีเงินเป็นพวงของเขาเอาไว้อย่างเหนียวแน่นหลังจากที่เขามานั่งที่ขอบเตียงได้ไม่นาน... ถ้าแค่กอดรัดเคไนน์ยังพอทำใจได้ แต่นี่! เด็กหนุ่มตัวแสบดันนอนน้ำลายยืดใส่หางของเขาเต็ม ๆ
บ้าจริง ! เด็กมนุษย์นี่หลับไม่ได้สนใจเสียงสาปแช่งในใจเขาเลย
หลังจากทารุณกรรมสัตว์แล้วยังหนีไปนอนอย่างหน้าตาเฉย ทิ้งให้จิ้งจอกอสูรนอนแผ่หลาอยู่บนโต๊ะอย่างไม่ใยดี ไม่คิดจะหอบหิ้วไปนอนเตียงด้วยกันอีกต่างหาก ลำบากจิ้งจอกอสูรลากสังขารอันอ่อนเปลี้ยกลับไปยังที่นอนของตนในห้องนอนของเทพิน มันเหนื่อยมากและต้องการเวลาปรับพลังจึงหลับลึกไปในเวลาอันรวดเร็ว
ตื่นเช้ามาก็พบว่าตัวเองอยู่ในร่างมนุษย์แล้ว เพราะพลังที่ฟื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว แถมตื่นมาก็มานั่งสาปส่งอีกฝ่ายในระยะประชิดด้วย แต่ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มขี้เซาคนนี้จะคว้าหางเขาไปนอนกอดอย่างนั้น
“ตื่นได้แล้วเทน” เคไนน์สะกิดร่างของเด็กหนุ่มที่หลบสนิทอย่างเอือม ๆ ก่อนจะพยายามใช้มือแงะแขนของเด็กหนุ่มออกแต่เขาดันไม่ขยับ
อะไรจะกอดแน่นขนาดนั้น
“อื้อ... ยังง่วงอยู่เลย” เด็กหนุ่มไม่ได้หันหน้ามองคนสะกิดเลยสักนิดเดียว นอกจากจะเบียดตัวเข้าไปกับหางนุ่มฟูนั่นแล้วยังดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงด้วยอีกต่างหาก
“ถ้ายังนอนต่ออยู่อีกจะหาว่าข้าใจร้ายไม่ได้หรอกนะ” จิ้งจอกอสูรกระตุกยิ้มนิด ๆ ให้กับคนขี้เซา ร่างสูงกลอกตาสีทองไปมาอย่างครุ่นคิดหาวิธีที่จะเอาเด็กน้อยคนนี้ออกไปจากหางของเขาก่อนที่มันจะชุ่มไปด้วยน้ำลาย และไม่นานก็เกิดความคิดดี ๆ ขึ้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาดร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามของจิ้งจอกอสูรในร่างมนุษย์ก่อนร่างสูงจะมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มด้วยอีกคน และ...
หงับ !
“จ๊าก !!!” เสียงร้องดังขึ้นจากร่างที่นอนกอดหางอย่างมีความสุข ดวงตาสีม่วงอ่อนที่เบิกโพลงขึ้นมานั้นไม่ได้หันไปมองที่ตัวต้นเหตุแต่กลับมองแขนของตัวเองที่ตอนนี้มีรอยเขี้ยวเป็นจ้ำเขียว ๆ ก่อนเขาจะถอนหายใจหลังจากที่เห็นว่าไม่มีเลือดไหล
“ทำบ้าอะไรของนาย !!” เทพินพุ่งเข้าไปตะปบคอเสื้อแล้วเขย่าคออย่างหงุดหงิด แต่พอเห็นเคไนน์เต็ม ๆ ตาก็ชะงักค้างอ้าปากกว้าง “เดี๋ยว นายเป็นใคร ?”
“ข้าเอง ๆ”
“เคไนน์ ?”
“ใช่แล้ว นี่เป็นร่างมนุษย์ของข้า” จิ้งจอกอสูรกล่าวอย่างภูมิใจ
“นายเป็นตัวผู้จริง ๆ ด้วยสินะ” เห็นร่างชายหนุ่มแล้วไม่รู้ทำไมในใจของเทพินจึงเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและอิจฉา
จิ้งจอกอสูรตรงหน้ามีใบหน้าเรียวงดงามราวรูปสลักชั้นดีที่หาได้ยากยิ่ง ดวงตาสีทองสว่างแวววาว จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากหนาสีชมพูเข้ม ผิวสีขาวละเอียดได้อย่างที่ผู้หญิงยังอาย ผมสีเงินสั้นสลวยราวกับเส้นไหม มีหูจิ้งจอกบนหัวที่กระดิกได้ราวกับของจริง และหางสีเงินฟูฟ่องโบกสะบัดไปมา ชุดที่สวมใส่เป็นชุดสีน้ำเงินลายเมฆาสีเงินสวยหรู เสริมสร้างภาพลักษณ์คุณชายผู้ดีงามทุกมุมมองได้อย่างดีเยี่ยม
หล่อเกินหน้าเกินตาเจ้านายมากเลย
เคไนน์เลิกคิ้วมองหน้าเด็กหนุ่ม “ข้าเป็นจิ้งจอกมายา ไม่ได้มีเพศที่แท้จริงหรอก เป็นได้ทั้งชายและหญิง แต่สำหรับข้าร่างมนุษย์บุรุษดีกว่าเลยชอบอยู่ในร่างนี้”
“แสดงว่าแปลงร่างเป็นผู้หญิงก็ได้สินะ”
“ได้อยู่แล้วสิ”
“มีสองเพศในร่างเดียวแบบนี้ นายเป็นจิ้งจอกหรือไส้เดือน ?”
“เจ้าจะไม่แขวะข้าสักหน่อยจะตายไหมเทน !!” เคไนน์กัดฟันกรอด เขาอุตส่าห์ตั้งใจอธิบาย กลับต้องมาสูญเปล่าเพราะเด็กหนุ่มปากเสียนี่ล่ะ หมดอารมณ์จะพูดแล้ว
“แล้วทำไมมานั่งที่เตียงผมล่ะ จะอวดเหรอ” เทพินเข้าใจว่าจิ้งจอกอสูรอยากอวดร่างมนุษย์ หลังจากฟื้นฟูแกนพลังแล้วร่างกายของเขาก็ไม่แคระอีกต่อไป ความหมั่นไส้เลยฉายชัดในแววตา
“ใครอวด ข้าแค่จะมาปลุกเจ้าเท่านั้น เช้าแล้วและข้าหิว”
“...”
“ทำหน้าบู้ทู่อยู่นั่นล่ะ ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว !”
“ครับ ๆ ไปเดี๋ยวนี้...”
“แล้วก็... น้ำลายเจ้าน่ะ...”
“ฮะ ?” เทพินเลิกคิ้วขึ้นมอง เมื่อเห็นนิ้วจิ้งจอกอสูรชี้ไปที่หางซึ่งเต็มไปด้วยคราบน้ำลาย เขาก็ยกมือขึ้นปิดปากตามสัญชาตญาณ
“ขอโทษที” เห็นคราบน้ำลายวงกว้างแล้วอยากเอาหน้าแทรกตามลอยแตกกำแพงบ้าน
“ครั้งนี้ข้าจะไม่ถือ แต่อย่าให้มีคราวหน้า ไม่งั้นจะไม่จบแค่ขบแน่นอน” เคไนน์พูดก่อนจะแยกเขี้ยวแหลม ๆ ใส่ เป็นเชิงขู่ว่าถ้าคราวหลังมีอีกเขากัดจมเขี้ยวแน่ ๆ
เทพินขมวดคิ้วยุ่งพยักหน้ารับด้วยสีหน้าซีดเซียว ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมไปอาบน้ำ จิ้งจอกอสูรร่างมนุษย์ที่ถูกทิ้งไว้ในห้องพร้อมกับน้ำลายที่หางมองตามหลังเด็กหนุ่มไปแล้วหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู
เด็กนั่นอายุเพียงสิบเจ็ดจะมีท่าทางแบบนี้บ้างเขาก็ไม่ถือสา เพียงอยากแกล้งเท่านั้นเอง
“เฮ้อ... ค่อยดีขึ้นหน่อย” เคไนน์ถอนหายใจออกมาก่อนจะทิ้งตัวลงที่เตียงนุ่ม ๆ ของเด็กหนุ่มแล้วเปลือกตาของจิ้งจอกอสูรปิดลงอยู่นานก่อนจะพลิกตัวตะแคงข้าง แล้วก็ต้องพบกับใบหน้ากลมมนและดวงตาสีม่วงอ่อนในระยะประชิด ระยะห่างของดวงตานั้นห่างกันไม่ถึงฟุตทำเอาคนเพิ่งตะแคงมาสะดุ้งแล้วลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไรของเจ้า !?!”
“ก็เห็นนอนนิ่ง ๆ นึกว่าหลับก็เลยมาส่องดู” เขาตอบก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “ถ้าหากว่าหลับก็ว่าจะลองกัดปลุกดูเหมือนกัน เสียดายที่นายไม่หลับนะ”
“ไม่ต้องมากัดเลยเฟ้ย !” เขาไม่ปลื้มให้มนุษย์มากัดหรอกนะ
“หึ ๆ”
“ชิ ! หัวเราะอะไร ไม่ตลกนะ” เคไนน์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจ ท่าทางหัวเราะของเทพินตอนนี้กวนประสาทอย่างมาก จนมันคันเขี้ยวอีกแล้ว กัดอีกสักทีได้ไหม
“เดี๋ยวจะทำอะไรให้กิน ส่วนนายก็นั่งดูโทรทัศน์รอไปก่อนแล้วกัน” เทพินหันไปบอกจิ้งจอกอสูรที่ตอนนี้เปลี่ยนร่างกลับไปเป็นจิ้งจอกแคระอีกครั้งแล้ว
“ได้” แล้วจิ้งจอกแคระก็ไปนั่งเปิดโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นดู กดรีโมตในมือเปลี่ยนช่องหาละครน้ำเน่าดู จิ้งจอกอสูรตนนี้ติดละครยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
เทพินเดินไปที่ห้องครัวเพื่อที่จะทำอาหารเช้าให้อีกฝ่าย ตอนนี้ก็เป็นเวลาแปดโมงกว่าแล้ว ไม่ถือว่ากินอาหารไม่ตรงเวลาล่ะนะ
หลังจากทำอาหารเสร็จและกินไปก่อนจิ้งจอกอสูรเรียบร้อย เขาก็ใส่ผ้ากันเปื้อนให้เรียบร้อยและมัดผมอย่างลวก ๆ จากนั้นก็เริ่มจับไม้กวาดและที่โกยขยะเพื่อทำความสะอาดบ้านที่รกจากการรื้อค้นของพวกโจรตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งรอยเท้าทั้งข้าวของที่โดนรื้อจนเสียหาย รกไปหมดเมื่อมีเวลาว่างทั้งวันเทพินก็เลยตั้งใจจะทำความสะอาดใหม่หมดเลย
ถือเป็นการล้างซวยไปในตัว
เทพินเก็บกวาดไปได้สักพักก็เจอเข้ากับหีบใบเล็กที่เขาได้เป็นของขวัญเมื่อวาน เพราะเห็นเคไนน์บอกว่ามันเสียหายเขาก็เลยไม่คิดจะใส่ใจ เพียงแต่หีบนี้มันสร้างจากทองคำประดับเพชร ราคาน่ากลัวและเรียกโจรได้มหาศาล เขาควรเก็บไว้อย่างดี... แต่ไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ที่เขาดีหรือจะเก็บไว้ที่จิ้งจอกอสูรดี
คิดไปคิดมา เขาก็โยนภาระที่เรียกว่าหีบทวิลักษณ์ไปให้จิ้งจอกอสูร ไหน ๆ เคไนน์ก็เป็นคนออกตามหาอยู่แล้ว เก็บไว้ที่เขาเลยก็น่าจะปลอดภัยในระดับหนึ่ง
หลังจากเก็บกวาดอยู่พักใหญ่โดยปล่อยให้จิ้งจอกอสูรดูละครไปเงียบ ๆ เทพินที่อาบน้ำแต่งตัวใหม่อีกครั้งก็เดินมานั่งที่โซฟาพลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผม ดวงตาสีม่วงอ่อนมองไปที่โทรทัศน์อย่างสนใจนิดหน่อย เพราะรอบนี้จิ้งจอกอสูรของเขาเปิดดูหนังผี
ครืด~ ครืด~
เสียงสั่นของโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกความสนใจของเทพินให้หันมอง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกดรับสายที่โทรเข้ามา
“ฮัลโหล ว่าไงคินโทรมามีธุระอะไรเหรอครับ ?”
[ไม่มีธุระโทรไม่ได้เหรอเพื่อน]
ปลายสายที่ตอบกลับมาทำเอาคนรับสายคิ้วกระตุกไปนิดหน่อย
“ก็เปล่า แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่มีธุระอะไรก็ไม่ค่อยมีคนโทรหาผมอยู่แล้วนี่นา มันก็เลยถามตามความเคยชินเท่านั้นเอง” เทพินอธิบายพลางถอนหายใจออกมายาว ๆ “แล้วนายมีอะไรล่ะครับ ถ้าบอกว่าคิดถึงเฉย ๆ นี่เป็นมุกที่ฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่นะ เพราะเราเพิ่งเจอกันเมื่อวาน”
และผู้ชายมาพูดคิดถึงกันนี่มันก็รู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไรด้วย
[อะ... เอ่อ... ก็...]
“รีบ ๆ พูดหน่อยครับคิน ผมไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งฟังนายพูดติดอ่างนะ” เขาพูดเร่ง เพราะตอนนี้จิ้งจอกอสูรข้างตัวเริ่มมาสะกิดพลางชี้ไปที่ห้องครัวแล้ว
รู้ว่าหิวเจ้าจิ้งจอกตะกละ แต่ไม่ว่างเฟ้ย !
[ก็... โทรมาเพราะเป็นห่วงน่ะ เมื่อวานได้ยินว่าบ้านนายมีโจรปล้นอยากจะโทรมาถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า] มุคินตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นห่วงเป็นใยจริง ๆ นั่นทำให้เทพินยิ้มน้อย ๆ อย่างเข้าใจ
“ไม่เป็นไรครับ ยังปกติดี...”
[เหรอ... ถ้าอย่างนั้นฉันกับฟรีนไปหาที่บ้านได้ไหม อยากจะดูให้แน่ใจน่ะว่าสบายดี]
“ไม่ต้อง ๆ ผมโอเค แค่ต้องเก็บของนิดหน่อยเพราะพวกโจรมันรื้อของเท่านั้นเอง”
[งั้นเหรอ ? เอ่อ ถ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แต่ถ้ามีอะไรก็โทรมานะ]
“อื้ม ขอบคุณครับ” เทพินหัวเราะเบา ๆ ตอบรับเพื่อนที่พูดออกมาอย่างจริงใจ พวกเขาพูดคุยถามไถ่กันอีกเล็กน้อยก่อนจะวางสาย เด็กหนุ่มตาสีม่วงอ่อนถอนหายใจเฮือกแล้วหันไปมองจิ้งจอกอสูรที่ตอนนี้หันไปสนใจละครต่อแล้ว
“ข้าหิวแล้ว” แม้ไม่หันมามองเคไนน์ก็รู้ว่าอีกฝ่ายมองอยู่
“ลุกไปทำเองเลยไป ตอนนี้นายก็มีร่างมนุษย์แล้วนี่” เทพินปฏิเสธเสียงแข็ง ด้วยความหมั่นไส้คนกวนเลยไม่คิดจะทำอาหารให้
“ไม่ล่ะ ข้าจะดูละคร”
“พลาดไปสักหน่อยมันไม่ทำให้นายหางด้วนหรอกนะเคไนน์”
“ไม่ ! ละครเรื่องนี้กำลังถึงตอนสนุกเลยนะ”
“ฮึ่ย ! เจ้าอสูรติดละคร !!”
เขาอยากจะปาผ้าเช็ดผมใส่เจ้าจิ้งจอกสีขาวร่างแคระ ๆ นั่น เจ้าอสูรตนนี้ดูมาครึ่งค่อนวันแล้วยังไม่ขยับไปไหนเสียที มันดูมากจนเขาจะติดละครตามไปด้วยแล้วนะ
สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นเทพินไปทำอาหาร เพราะเขาเองก็หิวเหมือนกัน
