บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ตอนที่ 1

“เป็นไงล่ะแก ยกของหนักจนเป็นเรื่องใหญ่อีกจนได้ โอ๊ย! ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกแทรกรอยแตกแผ่นดินที่ไหนดีแล้วทีนี้”

เพียงแค่ก้าวแรกที่กลับมาเยือนคอนโด ก็มีเสียงบ่นเกรียวกราวจากบรรดาเพื่อนสาวสองถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะไม่เพียงแต่หญิงสาวจะบาดเจ็บ ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลแพงลิ่ว แล้วยังถูกสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กล่นงานจนเละแล้วเละอีก

ข่าวแพร่สะพัดไปหลายทิศทาง ซึ่งล้วนแล้วแต่กล่าวร้ายเสีย ๆ หาย ๆ อย่างไร้จรรยาบรรณ เพียงเพื่อแลกกับยอดแชร์ ยอดไลก์ ยอดคนที่เข้ามาคอมเมนต์

ซึ่งเหล่านั้นจะทำให้เพจมีชื่อเสียง ที่สามารถต่อยอดเป็นธุรกิจสร้างเงินทองได้เป็นกอบเป็นกำ มันคือกลเกมทั่ว ๆ ไปของตลาดออนไลน์

ทุกคนรู้ดี...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“ฉันคิดว่าจะรอให้ข่าวเก่าซา ๆ แล้วค่อยแจ้งความพิสูจน์ความจริง มาเจอแบบนี้...ต่อให้มีคนมายืนยันนอนยันสักร้อยคนว่าฉันไม่เกี่ยวข้องด้วย ก็คงไม่มีใครเชื่อฉันแล้ว” โสรยาใช้มือปาดน้ำตาป้อย ๆ หล่อนนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียงท่ามกลางสมาชิกเพื่อนพร้อมทีม

ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาล ต่างก็รวมตัวกันเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะสังคมได้ตัดสินให้หล่อนเป็นจำเลยแสนเลวทรามไปแล้ว โดยไม่มีมูลความเป็นจริงแม้แต่นิดเดียว

“แกจะไปด่าไปทับถมมันทำไมอีแพทชี่ เท่านี้มันก็แย่จนไม่รู้จะแย่ยังไงแล้ว พวกแกอย่าซ้ำเติมกันอีกเลย” ประภาดาออกโรงปกป้อง พลางกระเถิบเข้าไปนั่งข้าง ๆ โสรยาแล้วลูบหลังปลอบใจ

“ฉันเปล่า...แค่บ่นเฉย ๆ”

“เอางี้นะ...ตอนนี้เราทำอะไรกันไม่ได้เลย จะกระดิกตัว จะโพสต์จะอะไรในโซเชียลก็มีแต่จะโดนรุมด่าแบบไม่สนสี่สนแปด เราต้องอยู่ในความสงบ แล้วแก...อีคุณโส ห้ามออกจากห้องเป็นอันขาด จะกินข้าว จะเอาอะไร ขาดเหลืออะไร ก็บอกพวกเราให้จัดการให้ เข้าใจไหม” การะเกดเสนอ

“แล้วหลังจากนั้นล่ะคะพี่เกด...” ดาหวัน น้องนุชสุดท้องของแก๊งเอ่ยถามด้วยสีหน้าสลด เจ้าหล่อนไม่ได้มีบทบาทอะไรมากในหน้าที่การงานของกลุ่ม แต่ก็เป็นผู้อยู่เบื้องหลังคอยเก็บกวาดเช็ดถูดูแลเรื่องทั่ว ๆ ไป ดังนั้นความเป็นความตายที่เกิดขึ้น แน่นอนว่ามีผลกระทบมาถึงรายได้ของหล่อนเช่นกัน

“คนไทยลืมง่าย เชื่อฉัน...เดี๋ยวก็มีข่าวอื่นมากลบข่าวอีคุณโสมันอีกไม่นานหรอก ตอนนั้นเราค่อยออกมาขอโทษขอโพยสังคม แล้วค่อย ๆ อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น คนเชื่อมันก็ต้องมี คนไม่เชื่อมันก็มีอยู่แล้ว แต่เราจะเริ่มนับหนึ่งทำงานกันได้อีกครั้ง ใจเย็น ๆ นะทุกคน ชีวิตมันก็ต้องมีขึ้นมีลง เราอยู่เรือลำเดียวกันแล้วก็ต้องช่วยเหลือประคับประคองกันไป”

“เกดพูดก็มีเหตุผล ตอนนี้ก็กินเงินเก่ากันไปก่อน ประหยัด ๆ เอา สักสองสามเดือนเรื่องก็คงเงียบแล้วละ” ประภาดาช่วยเสริม

“ฉันขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนมากเลยนะที่อยู่ข้างฉันเสมอ จะดีจะร้ายก็ยังไม่ทิ้งฉันไว้คนเดียว”

“หรือจะให้ทิ้ง!” การะเกดจิกตามองคนพูดเขม็ง

โสรยารีบคว้าตัวไปกอดหอมอย่างเอาอกเอาใจ กลายเป็นการหยอกเย้าเล่นกันอย่างคุ้นเคยเหมือนทุกครั้ง คนนั้นแหย่คนนี้ คนนี้ตีคนนั้น ก็พอจะช่วยทำให้ลืมความทุกข์ใจไปได้บ้าง

เมื่อดวงตก ดวงไม่ดี เราไปบวชชีกันดีกว่า! เพื่อน ๆ ลงความเห็นกันว่าแค่ทำบุญเก้าวัด คงขจัดความซวยครั้งนี้ไม่หมด หล่อนควรไปบวชชีพราหมณ์เอาฤกษ์เอาชัยเสียเลย

ถือโอกาสช่วงว่างงานไปนั่งสมาธิถือศีล จะได้ไม่ฟุ้งซ่านคิดมาก บางทีอานิสงส์จากการบวชเรียนอาจส่งผลให้ปัญหาทุเลาลงบ้าง อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยเรื่องจิตใจ

แต่!

“นี่วัดที่เก้าแล้วนะ ฉันไม่ได้จะมาทำบุญเก้าวัดนะเจ้ จะบวชชีพราหมณ์ มันลำบากขนาดนี้เลยเหรอ” โสรยาบ่นกระปอดกระแปดด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ เดินผ่านประตูวัดแห่งที่เก้าอย่างสิ้นหวัง

ก่อนหน้านี้พวกหล่อนตระเวนไปขอคำปรึกษาเพื่อจะขอบวชชีพราหมณ์ แต่กลับไม่มีวัดไหนรับเลย บ้างก็ว่าเข้าพรรษาทางวัดมีกฎไม่รับบวชชี บ้างก็ว่าเจ้าอาวาสไม่อยู่ บ้างก็หัวหน้าแม่ชีป่วยไม่มีคนเตรียมการให้ สารพัดเหตุผลที่ผ่านมาทั้งแปดวัดทำให้หญิงสาวแทบจะร้องไห้

แม้แต่วัดวาอารามยังไม่ยินดีจะต้อนรับให้พึ่งพิง... “เอาน่าพี่คุณโส...มันต้องมีสักที่แหละที่เขาอยากได้แม่ชีใหม่” ดาหวันยกมือแตะบ่าให้กำลังใจ “เออ...วันนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้ก็ค่อยไปหากันใหม่ หรือไม่...ก็กลับต่างจังหวัดไปบวชที่บ้านพ่อบ้านแม่แกสินังคุณโส” ประภาดาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อนไม่ต่างกัน

“ไม่เอาหรอก...อยู่ไกลขนาดนี้พ่อแม่พี่น้องฉันยังโทร. มาด่าทุกวัน ขืนกลับไปสิได้เข้าวัดสมใจแน่”

“ก็ดีแล้วนี่ ก็กำลังหาวัดจะบวชชีกันอยู่” พรชัยโบกพัดมือกวักลมไกว ๆ ด้วยเพราะเป็นช่วงบ่ายที่อากาศร้อนจัด

“จะได้เข้าวัดไปเผาไงพี่ คิดว่าจะทันได้เกาะผ้าขาวเหรอ” หล่อนย้อน ทุกคนก็ทำหน้าแหย ๆ อย่างเข้าอกเข้าใจ

“ขอวัดนี้เป็นวัดสุดท้ายก็แล้วกัน เดี๋ยวไปถามพระท่านดูว่าบวชชีบวชพราหมณ์ได้ไหม ถ้าไม่ได้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที” พรชัยสรุป

โสรยาจึงเดินนำหน้าทุกคนตรงดิ่งไปยังกุฏิเจ้าอาวาสเพราะมีป้ายเขียนบอกเอาไว้ หล่อนหวังจะได้รู้บทสรุปเร็ว ๆ

หญิงสาวก้าวฉับ ๆ ไม่คิดรอใคร ใจมันร้อนรุ่มไปด้วยปัญหาที่รุมเร้า แม้จะอยู่ในวัดก็ไม่อาจสงบเย็นได้อย่างที่ใคร ๆ พูดกัน ยิ่งมากวัดก็ยิ่งทำให้ร้อนใจ เพราะไม่มีวัดไหนต้อนรับเลย!

“กรี๊ด! อีคุณโสระวัง!”

โสรยาชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนในแก๊งกรีดร้องเสียงหลง ขณะที่หล่อนกำลังหันกลับไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ หล่อนก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรงโดยไม่ได้ตั้งตัว “โอ๊ย!”

“คุณพระช่วย!” เสียงประภาดาอุทานขึ้น

“พระช่วยแล้ว มาช่วยพระบ้างเถอะโยม อาตมาจะไม่ไหวแล้วนะ” “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะหลวงพี่...” ทีมกะเทยยกมือไหว้แล้วรีบปรี่ตรงไปช่วยพระรูปนั้นยกเสาต้นหนึ่งไปวางพิงกำแพงเอาไว้ ด้วยกำลังวังชาชายชาติกุลสตรีไทย เมื่อร่วมมือกันก็สามารถยกเสาปูนต้นใหญ่ได้ไม่ยากไม่เย็นเท่าไหร่เลย “เกิด...อะไรขึ้น” โสรยานั่งพับเพียบอยู่กับพื้นด้วยอาการมึนงง มือลูบไปตามบริเวณก้นเพราะรู้สึกเจ็บร้าวพลางร้องโอดโอยเบาๆ

“เกือบตายแล้วไหมล่ะอีคุณโส เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ เขตเขากำลังก่อสร้างกันอยู่ นี่ถ้าหลวงพี่ไม่ช่วยพยุงเสาไว้ทัน มีหวังทับหัวแกเป็นผีเฝ้าวัดไปแล้ว” พรชัยร่ายยาวในขณะที่คนอื่น ๆ เข้าช่วยประคองให้ลุกขึ้น

ส่วนพรชัยนั้นก็ไปช่วยหลวงพี่ยกเสาร่วมกับคนงานอื่น ๆ ที่กระโดดลงมาจากหลังคาบ้าง วิ่งมาจากด้านหลังบ้าง

“หลวงพี่เป็นอย่างไรบ้างครับ” คนงานคนหนึ่งเอ่ยถามพลางมองสำรวจพระสงฆ์ด้วยความเป็นกังวล

“ยังอยู่ดีโยม...แต่เกือบไปเหมือนกัน อาตมาตกใจหมดเลย สีกาเดินมาสะดุดเชือกเสามันเลยล้ม ดีที่อาตมายืนคุมงานอยู่ตรงนี้” หลวงพี่ถอนหายใจแรง ถอยหลังเดินออกไปจากบริเวณนั้น ในขณะที่เพื่อนของโสรยาก็พยุงพาหล่อนออกมาเช่นกัน

“หนู...ขอโทษนะคะหลวงพี่ หนูไม่เห็นเลยว่ากำลังก่อสร้างกันอยู่” หญิงสาวยกมือไหว้ด้วยความสำนึกผิด มองไปตรงนั้นก็เห็นว่าเป็นเขตก่อสร้างจริง ๆ มีคนงานหลายคนยังทำงานกันอยู่บนอาคารที่คิดว่าน่าจะเป็นศาลาอะไรสักอย่าง มีเครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์ก่อสร้างวางอยู่เต็มไปหมด

แต่...ก่อนหน้านี้หล่อนไม่เห็นเลยจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ดุ่ม ๆ เข้าในเขตอันตรายหรอก

“ไม่เป็นไรหรอกสีกา คราวหลังก็ระวังหน่อยละกัน แล้วนี่มาทำอะไรกันตรงนี้ล่ะ”

“คือจริง ๆ จะมาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องบวชชีพพราหมณ์ค่ะหลวงพี่ ไม่ได้ตั้งใจมาแถวนี้โดยตรงหรอกค่ะ อี...เอ่อ เพื่อนหนูสิคะ มันเดินตัวปลิวไม่ดูไม่ฟังอะไรเลย” ก็เลยมารวมตัวกันราวจะมาสมัครงานก่อสร้างนี่แหละ! “อ๋อ ต้องไปทางนั้นนะโยม กุฏิเจ้าอาวาส ทางนี้มันศาลาสวดศพ หลังที่เห็นนี่ก็กำลังสร้างเพิ่ม ที่มีอยู่มันไม่พอน่ะ เต็มทุกศาลาเลย”

ทุกคนกวาดสายตามองกว้างไกลไปกว่าเดิม ก็พบว่าที่หลวงพี่พูดมานั้นเป็นจริงทุกประการ บรรยากาศเริ่มตึงเครียด เมื่อถัดไปไม่กี่สิบเมตรเป็นศาลาตั้งศพ และญาติผู้เสียชีวิตที่อยู่เฝ้าก็หันมองพวกหล่อนราวกับตัวประหลาด

“ถ้าอย่างนั้นพวกหนูขอตัวก่อนนะคะหลวงพี่ ขอโทษหลวงพี่อีกครั้ง กราบลาแล้วเจ้าค่ะ” ดาหวันรีบตัดบทแล้วสะกิดกะเทยรุ่นพี่ให้รีบพากันไปจากบริเวณนั้น ทุกคนก็เห็นด้วยและล่ำลาพระเจ้าโดยไม่ร่ำไร

“อีคุณโส...เป็นบ้าอะไรฮึ! เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเกือบได้ตั้งสวดพร้อมกันแล้วไหมล่ะ” ประภาดาบ่นกระปอดกระแปด ทุกคนต่างใจคอไม่ใคร่สู้ดีนัก เพราะพบเจอแต่เรื่องร้าย ๆ มาเยอะ ขนาดเข้าวัดเข้าวาก็ยังมีอุปสรรคไม่หยุดหย่อน

“เลิกกัดกันก่อนได้ไหม ทำธุระให้เสร็จแล้วค่อยว่ากัน” พรชัยกล่าวปราม ทั้งหมดเดินตรงไปยังกุฏิของเจ้าอาวาสตามคำบอกเล่าของพระหลวงพี่ที่คุมการก่อสร้าง เมื่อไปถึงก็เห็นว่ามีคนพูดคุยอยู่กับท่านด้านใน และด้านนอกก็มีรอคิวกันอยู่อีกจำนวนหนึ่ง จึงได้แต่ทำใจและนั่งรอ

โชคดีว่าท่านมีธุระกับคนเหล่านั้นไม่นานนัก...

“มีอะไรกันหรือโยม ดูหน้าตาเคร่งเครียด” พระท่านยิ้มทักขณะที่พวกหล่อนคลานเข่าเข้าไปนั่งกราบพร้อมเพรียง

“คือ...ช่วงนี้เพื่อนมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจค่ะหลวงพ่อ ก็เลยจะมาขอบวชชีพราหมณ์สักระยะ ไม่ทราบว่าที่วัดนี้บวชได้ไหมคะ” ประภาดาเกริ่นนำ “เอ่อ...”

“ไม่รับเหรอคะหลวงพ่อ โถ...นี่ไปมาตั้งแปดเก้าวัดแล้วนะคะ” ดาหวันยกมือไหว้ด้วยสีหน้าและท่าทางขอร้องสุดชีวิต

“เอ่อ...”

“รับหน่อยเถอะค่ะ เพื่อนหนูดวงไม่ดีจริง ๆ ทำอะไรก็มีแต่ปัญหา ขนาดไปขอบวชมาตั้งหลายวัดก็ยังไม่มีวัดไหนรับเลยค่ะหลวงพ่อ” การะเกดช่วยเสริม

“คือ...”

“ถ้าหลวงพ่อไม่รับ เพื่อนหนูมันต้องตายแน่ ๆ ค่ะ เมื่อกี้ก็ผ่านความตายมาหมาด ๆ” ดาหวันถึงกับน้ำตาซึม

“หลวงพ่อคะ...” โสรยาทำท่าจะเอ่ยขึ้นบ้าง แต่พระท่านก็แทรกขึ้นเสียก่อน

“หยุดก่อนโยม ให้อาตมาได้มีโอกาสพูดบ้างเถอะนะ”

“ขอโทษเจ้าค่ะหลวงพ่อ” ทุกคนเอ่ยพร้อมกันพลางก้มงุดด้วยความละอายใจ

“คืออย่างนี้ จะบวชก็บวชได้นะ แต่สีกาแน่ใจเหรอว่ามันใช่วิธีแก้ปัญหาจริง ๆ อย่างที่ต้องการ”

“ก็...อย่างน้อย ๆ อาจทำให้สบายใจขึ้นค่ะหลวงพ่อ”

“หลวงพ่อดูดวงให้เพื่อนหนูหน่อยได้ไหมคะ ว่ากำลังดวงตก โชคอับ หรือชะตาจะถึงฆาตอะไรแบบนี้ไหมคะ พักนี้มันมีแต่เรื่องแต่ปัญหาค่ะหลวงพ่อ” ประภาดารีบกล่าว เมื่อสังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสมองมายังโสรยาด้วยท่าทีหนักใจ

“ก็เอาสิ...ตรวจชะตาหน่อยก็ดี จะบวชหรือไม่บวชเดี๋ยวค่อยว่ากัน เขียนวันเดือนปีเกิด เวลาตกฟากมานะสีกา” ว่าพลางท่านก็โยนสมุดเล่มใหญ่พร้อมปากกา เปิดไปยังหน้าที่ต้องการให้หญิงสาวเขียนตามที่บอก

โสรยารับมาแบบงง ๆ เพราะหล่อนตั้งใจมาขอบวชชีพราหมณ์ ไม่ได้คิดถึงการดูดวงตรวจชะตาแต่อย่างใด แต่ก็เริ่มอยากรู้ความเป็นไปของตัวเองอยู่เหมือนกันว่า พระศุกร์จะเข้าพระเสาร์จะแทรกอะไรนักหนา ทุกความโชคร้ายจึงประเดประดังเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกันอย่างนี้

หญิงสาวจดรายละเอียดต่าง ๆ แล้วส่งสมุดให้เพื่อนกะเทยส่งให้พระท่านอีกที เพราะตัวเองเป็นผู้หญิงจึงไม่เป็นการสมควร

ท่านเจ้าอาวาสหยิบแว่นตามาสวม แล้วเขียนอะไรขยุกขยิกในแบบที่พวกหล่อนไม่เข้าใจ ก่อนจะถอนหายใจราวกับหนักอกนักหนา

“ช่วงนี้ขึ้น ๆ ลง ๆ แต่ก็ไม่ร้ายแรงถึงชีวิตหรอกไม่ต้องห่วง ให้ระวังคนใกล้ตัวไว้นะ ยิ่งใกล้ยิ่งอันตราย” ท่านว่า

“ยังไงคะหลวงพ่อ อันตรายยังไงคะ”

“เขาจะนำภัยมาให้ อาตมาบอกได้แค่นี้ ดวงลงก็มี ดวงขึ้นก็มี จะปรากฏคนอุปถัมภ์ค้ำจุนช่วยเหลือ เดี๋ยวเขาก็มา ไม่ต้องบวชหรอก สีกายังไม่มีดวงจะได้บวชเรียนทางศาสนา ต่อให้บวชก็ต้องมีเหตุให้ต้องสึกก่อนเวลาอยู่ดี แต่อีกหน่อยจะได้ที่พึ่งเป็นหลักเป็นฐานเชียวละ คนจะอุปถัมภ์เขาเป็นคนดีอยู่นะ”

“จะมีคนอุปถัมภ์...แบบผู้พวกเสี่ย ๆ ป๋า ๆ งี้เหรอคะหลวงพ่อ” พรชัยถามอย่างใคร่รู้ ก่อนจะหันมากระซิบกระซาบกับเจ้าของดวงชะตา “เฮงแล้วอีคุณโส...ไม่ต้องกลัวไม่มีงานไม่มีเงินเพราะจะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาอุปถัมภ์เลี้ยงดูแล้ว”

“บ้าสิ ไม่เอา...แบบนั้นไม่ชอบ” ใช่...ถ้าชอบ ป่านนี้ไม่ต้องลำบากลำบนมารับงานรีวิวให้เมื่อยกรามไปนานแล้ว เพราะผู้ชายมากหน้าหลายตาเสนอตัวจะเลี้ยงดูหล่อนมานักต่อนัก หล่อนก็ปฏิเสธไปทุกราย ด้วยรู้สึกว่าตัวเองยังมีความสามารถ ไม่จำเป็นต้องหาเงินด้วยวิธีที่ตัวเองไม่ถนัด

แม้สเปกหนุ่มในฝันจะเป็นรุ่นพี่รุ่นป๋ารุ่นเสี่ยก็เถอะ แต่คนเหล่านั้นก็เข้ามาด้วยความไม่บริสุทธิ์ใจ มันไม่ใช่ความรักความผูกพัน เป็นเพียงความกระหายชั่วครู่ชั่วยาม หล่อนจึงไม่เคยคิดต้องการ

“อืม...แต่ตามดวงบอกว่า จะได้เด็กอุปถัมภ์นะโยม”

“เด็ก...” เด็กที่ไหน? ทุกคนอุทานเบิกตาโพลงด้วยความฉงน มีที่ไหนล่ะเด็กอุปถัมภ์ เคยได้ยินแต่ผู้ใหญ่อุปถัมภ์กันทั้งนั้น ดวงชะตาโสรยานี่ดูจะพิกลพิการประหลาดแท้

“เด็กทางศาสตร์นี้ไม่ได้หมายถึงเด็กที่อายุน้อยกว่าเราเพียงอย่างเดียวหรอกนะพวกโยมทั้งหลาย อาจจะดูเด็กกว่าเราแต่อายุมากกว่าก็ได้ หรือความคิดความอ่านเราโตกว่าเขาก็ได้ การวางตัวการใช้ชีวิตดูเด็กกว่าเราก็ได้เช่นกัน” ท่านว่าต่อ

“อ๋อค่ะ...แล้วอย่างนี้หนูก็ไม่ได้ดวงตกถึงกับอันตรายต่อชีวิตจริง ๆ ใช่ไหมคะหลวงพ่อ” หล่อนถามย้ำอย่างต้องการความแน่ใจ เรื่องจะมีเด็กหรือผู้ใหญ่มาเลี้ยงดูนั้นไม่ได้สนใจอะไรนัก

“ไม่หรอก มันเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลง มีอะไรหลายอย่างจะเปลี่ยนไป ทั้งหน้าที่การงานและครอบครัว แต่ไม่ตายหรอก”

“แล้วเด็กที่ว่าเนี่ย ใช่เนื้อคู่หรือเปล่าคะหลวงพ่อ” ดาหวันอยากรู้ขึ้นมาทันที ทุกคนมองเจ้าหล่อนเป็นตาเดียวกัน

“อาจจะใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้ แต่จะได้เจอกัน จะได้อยู่ด้วยกัน”

“ว้าย! อีคุณโสจะมีผัว” การะเกดหวีดเบา ๆ ทุกคนยกเว้น โสรยาป้องปากหัวเราะคิกคักอย่างอดไม่ได้ จนท่านเจ้าอาวาสต้องกระแอมเตือน ทุกนางจึงยกมือที่พนมอยู่ขึ้นสูงจรดหน้าผากเพื่อเป็นการขอโทษท่าน ที่แสดงกิริยาเสียมารยาท

“ถ้าหลวงพ่อเห็นว่าหนูยังไม่ควรบวชชีตอนนี้ ถ้าอย่างนั้นหนูขอทำบุญถวายปัจจัยให้กับทางวัด ช่วยสนับสนุนการก่อสร้างศาลาสวดพระอภิธรรมหลังนั้น จะได้หรือเปล่าคะ”

“ได้สิสีกา... เป็นกุศลใหญ่เชียว เอาตามกำลังที่มีนะ เพราะบุญกุศลที่ได้มันอยู่ที่แรงใจและแรงศรัทธา ไม่ใช่แรงเงิน” ท่านเจ้าอาวาสยิ้มให้ทุกคนด้วยความเอ็นดู ทั้งสอนคติธรรมในการใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทอีกหลายอย่าง

โสรยาและเพื่อน ๆ ร่วมถวายปัจจัยจำนวนหนึ่ง เพื่อสมทบทุนสร้างอาคารหลังที่หล่อนเดินผ่าน และเกือบโดนเสาล้มลงมาทับตาย!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel