บท
ตั้งค่า

บทที่6 คิดว่าฉันเมาแล้วเลอะเลือนก็ได้

ความทรงจำในคืนอันร้อนแรงไหลบ่ามาราวน้ำป่า

แม้เวลาต่อมาพวกเขาต่างเปิดเผยใบหน้าแท้จริงของตนเอง ท่ามกลางแสงไฟริบหรี่ดวงหน้างดงามไม่แสดงอาการตกใจแม้แต่นิดเดียว คล้ายกับว่าชายหนุ่มที่เธอเพิ่งเล่นรักด้วยเมื่อครู่เป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ใช่พระเอกเบอร์หนึ่งของเมืองไทยอย่าง ‘ธรรม์ อธิป’ เป็นเขาเสียอีกที่ตะลึงลานในความงามสมบูรณ์แบบของเธอจนร้อนรุ่มไปหมด

พอคิดถึงตรงนี้ซูเปอร์สตาร์หนุ่มก็ล้มเลิกความคิดที่จะงีบต่อ

มือหนาคว้าผ้าห่มแล้วกระตุกออกช้า ๆ เขาต้องการมองให้เต็มสองตาว่าคนที่นอนเคียงกันอยู่นี้ความจริงเธอสวยงามขนาดไหน ขณะกำลังลุ้นว่าสาวปริศนาคนนี้หน้าตายามหลับเป็นเช่นไร มือก็ดึงผ้านวมขนห่านสีเทานุ่มหนาออกไปด้วย

ใบหน้านวลเนียน ขนตาหนาเป็นแพเรียงตัวสวย ริมฝีปากรูปกระจับน่าจูบ หลอมรวมให้หญิงสาวตรงหน้าดูสวยเฉี่ยวบาดใจ ผิวเธอใสเนียนละเอียดไปทุกสัดส่วน ไม่ต้องเมคอัพจนหนาเตอะก็ดึงดูดหัวใจคนได้

อธิปเอื้อมมือไปลูบเรือนผมที่แม้จะทำสีแต่กลับนุ่มลื่นเป็นธรรมชาติอย่างหลงใหล ทั้งที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาชอบผู้หญิงที่ดูจัดจ้าน แต่ความจริงแล้วเขานิยมผู้หญิงที่สวยตามธรรมชาติแม้ไม่ปรุงแต่งมากมายอะไร ซึ่งก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย และวันนี้เขาก็เจอช้างเผือกในป่าเข้าให้แล้ว

เมื่อคืนนี้อธิปงัดทุกกลเม็ดขึ้นมาปรนเปรอเธอจนเสร็จสมไปหลายต่อหลายครั้ง พวกเขาเข้ากันได้ดีมากอย่างกับคู่รักที่รู้ใจ ยิ่งได้เห็นสีหน้าแววตาที่เต็มไปด้วยความสุขของเธอ เขายิ่งมั่นใจว่าคนสวยจะต้องยอมตกลงคบหากับเขาต่อไปอย่างแน่นอน

การรบกวนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของอธิปปลุกหญิงสาวที่อ่อนเพลียจากกิจกรรมยามค่ำคืนจากนิทราแสนสุข เธอปรือตาขึ้นมอง ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้หัวใจหวั่นไหวจนยอมตามเขามาถึงที่นี่อยู่ใกล้แค่คืบ

“ธรรม์?” มือเรียวขาวลูบไปบนรูปหน้าคมเข้มแผ่วเบาอย่างเผลอไผล

“ครับผมเอง”

“ขอโทษนะคะที่ตื่นสาย”

“ผมต่างหากที่รบกวนกุ๊กกิ๊กจนตื่น ถ้ายังเพลียอยู่จะนอนต่อก็ได้นะครับ” เขาเสนอด้วยรอยยิ้มที่ทำให้คนมองหัวใจละลาย

ทว่าสำหรับเธอมันคือรอยยิ้มร้ายที่กัดกินความระแวดระวังของผู้หญิง

“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันรบกวนเวลาของคุณมามากแล้ว” หญิงสาวหลุบตาลง ไม่ยอมจ้องหน้าเขาตรง ๆ

“รบกวนอะไรกัน คุณทำให้ผมมีความสุขมากนะรู้ไหม” เขาขยับเข้าไปใกล้เธออีกนิด ความคิดที่อยากจะจับเธอกดลงให้จมฟูกดังก้องอยู่ในหัว

“ค่ะ ฉันก็สนุกมาก” เธอเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยให้ดูเหมือนไม่จงใจ

“สนุกมากงั้นเหรอ?” คิ้วหนาขมวดเขาหากัน รอยยิ้มบนใบหน้าจืดจาง ร่างหนาชะงักงัน

“ค่ะ ยอมรับว่าลีลาของคุณยอดเยี่ยมจริง ๆ ทำฉันเสร็จไปตั้งหลายครั้ง” เธอพูดพลางกระถดกายถอยห่าง แล้วหยัดกายขึ้นมานั่ง สีหน้าแววตาดูห่างเหินหมางเมินจนอธิปใจกระตุกวูบ

“คุณไม่คิดว่าเราเข้ากันได้ดีหรอกเหรอ”

“เข้ากันได้ดี? คุณหมายถึงเรื่องไหนล่ะคะ” น้ำเสียงเจือหัวเราะของเธอบาดหัวใจเขาอย่างแรง

“ไม่เอาน่ากุ๊กกิ๊ก คุณก็รู้แล้วว่าผมเป็นใคร ที่เราต้องเซ็นสัญญาฉบับนั้น เพราะทนายแนะนำให้ผมทำเสมอ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ตอนนี้ สำหรับผมคุณพิเศษมากกว่านั้น”

“คุณอยากจริงจังกับฉันงั้นเหรอคะ” เธอขมวดคิ้วมองมาเหมือนไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

“ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ จริง ๆ นะครับ”

“อยากรู้จักมากกว่านี้? นี่ฉันต้องขอบคุณคุณไหมคะ ที่คิดจะเก็บฉันไว้เป็นคนในความลับกันต่อ”

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ถึงผมจะไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่อยากปล่อยคุณไปเฉย ๆ”

“แล้วจะให้ฉันอยู่ในสถานะไหนคะ เซ็กส์เฟรนด์?” ริมฝีปากยิ้มกระตุกยิ้มเย้ยหยัน “ฉันไม่คิดจะเอาตัวเองมาผูกกับคนที่ไม่พร้อมจะยกย่องฉันหรอกนะคะ”

“ถ้าเป็นอย่างที่ปากว่า คุณคงไม่ตามผู้ชายแปลกหน้ามาง่าย ๆ แบบนี้หรอก” ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ อธิปเริ่มกระวนกระวาย จนเผลอพูดอย่างหัวเสียออกมา

“ค่ะ ฉันมันพวกปากว่าตาขยิบ พยายามเล่นตัวไปอย่างนั้นเอง ทั้งที่ความจริงต้องการผูกมัดดาราดังเอาไว้ เลยปั่นหัวคนเล่น เพื่อที่จะให้คุณเห็นว่าฉันเป็นผู้หญิงมีค่า แล้วรับเป็นคนรักพร้อมกับประกาศให้คนทั้งประเทศรู้ว่า คุณเป็นผู้ชายของฉัน” วาจากระทบกระเทียบแดกดันของเธอเล่นเอาคนปากไวเมื่อครู่นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ “เป็นไงคะ พอใจหรือยัง”

“ผมไม่เข้าใจคุณเลย พับผ่า!” ตอนแรกเป็นเธอไม่ใช่เหรอที่ทำเหมือนอยากคบกันแบบจริงจัง แต่พอเอาเข้าจริง ๆ กลับทำท่าเหมือนอยากจะสลัดเขาทิ้งเหมือนรองเท้าเก่า ๆ เสียอย่างนั้น

“คิดว่าฉันแค่เมาแล้วเลอะเลือนก็ได้ค่ะ” เธอพูดโดยไม่มองหน้าเขา

“ให้ตายเถอะ ผมต้องทำยังไง คุณถึงจะพอใจแล้วยอมคุยกับผมต่อ” อธิปคว้าไหล่แบบบางเอาไว้ จดจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยด้วยแววจริงจัง นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขายอมอ่อนข้อให้ผู้หญิงที่เพียงแค่มีอะไรกันแบบฉาบฉวย “ถือว่าให้โอกาสกันเป็นไงครับ บางทีเราอาจจะไปกันได้ดีก็ได้”

หญิงสาวครุ่นคิดครู่ใหญ่ ก่อนถอนหายใจแผ่วเบา

“...ก็ได้ค่ะ”

“หมายความว่า คุณตกลงแล้ว” ดวงตาสีน้ำหมึกส่งประกายความหวัง เขาไม่ได้รู้สึกยินดีจริง ๆ แบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ

“ฉันจะพิจารณาเรื่องนี้อีกสักครั้งก็ได้ แต่ว่า...” เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายคิดหนัก

“พูดมาได้เลย ผมรอฟังอยู่”

“ฉันจะยอมคุยกับคุณต่อ แต่ในฐานะเพื่อนนะคะ”

“กุ๊กกิ๊ก ไม่เอาน่า” เขาคิดไม่ออกเลยว่าถ้าได้อยู่ใกล้ ๆ เธอ แต่ไม่สามารถกกกอดร่างหอมกรุ่นนั้นได้จะรู้สึกรุ่มร้อนทรมานขนาดไหน

“ถ้าไม่ตกลง เราก็จบกันแค่นี้เถอะค่ะ”

“เพื่อนงั้นเหรอ ทั้ง ๆ ที่คุณเพิ่งจะขึ้นขย่มผมไปเมื่อคืนเนี่ยนะ”

“ใช่ค่ะ” เธอตอบรับอย่างหนักแน่น

“ไหนลองพูดเหตุผลมาหน่อย ว่าทำไมเราเป็นมากกว่านี้ไม่ได้” อธิปไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการเอาเสียเลย

“เพราะว่าฉันไม่พอใจกับการเป็นแค่คู่นอนของใคร และคุณก็ยังไม่พร้อมจะมอบสถานะคนรักอย่างเป็นทางการให้กับผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น”

“แต่ผมอยากกอดคุณ อยาก...มีอะไรกับคุณอีกนี่” คำพูดตรงไปตรงมาของเขาเรียกเสียงหัวเราะจากเธอได้อีกครั้ง แต่อธิปไม่สนว่าอีกฝ่ายจะมองตนเองเป็นพวกหน้าไม่อาย เพราะเขาต้องได้เธอ

“งั้น...คุณคงต้องทำให้ฉันรู้สึกแบบเดียวกับคุณให้ได้แล้วล่ะค่ะ เพราะตอนนี้ฉันยังไม่เห็นข้อดีที่จะพัวพันกับคนดังอย่างคุณต่อไป”

“คุณนี่มัน...” อธิปถอนหายใจแรง แอบคิดไปว่าแบบนี้เขาเรียกว่ากรรมสนองหรือเปล่า สงสัยว่าคำสาปแช่งจากบรรดาหญิงสาวที่เขาเคยเทคงกำลังแสดงอิทธิฤทธิ์อยู่ละมั้ง

‘เชี่ยเอ้ย!’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel