พ่อเลี้ยง 100 แรงม้า
“ฮัลโหลสวัสดีค่ะแม่”
“เป็นยังไงบ้างสบายดีไหมยายดาวแม่ว่าช่วงหยุดปีใหม่นี้แม่กับพ่อเลี้ยงแกจะกลับไปเที่ยวที่บ้านซักสองสามวันนะ”
“งั้นก็ดีเลยค่ะดาวจะได้บอกคุณยายไว้เห็นคุณยายบ่นอยู่เหมือนกันว่าบ้านอื่นเค้าลูกเต้ากลับมาเยี่ยมเยียนพ่อแม่แต่บ้านเราเงียบเหงามาก”
“งั้นก็บอกยายแกเอาไว้เลยเดี๋ยวยังไงถ้าแม่เคลียร์เรื่องที่ทำงานตรงนี้เสร็จเดี๋ยวแม่ก็กลับเลยก็แล้วกัน”
“โอเคค่ะเดินทางปลอดภัยนะคะแม่”
พูดจบหญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่ก็วางสายจากลูกสาวที่เธอฝากไว้ให้ยายเลี้ยงได้ปีกว่าจนตอนนี้เธออายุ สิบเก้าย่างเข้ายี่สิบปีเต็มแล้ว พิมพ์ดาวเป็นหญิงสาวสวยพ่อของเธอหน้าตาคมคายแต่ว่าเสียชีวิตไปด้วยโรคร้ายก่อนวัยอันควร ทิ้งให้เธอและแม่อยู่กันตามลำพัง
แต่หลังจากที่เขาด่วนลาจากโลกนี้ไปได้ไม่นานกานดาผู้เป็นภรรยาหรือแม่ของพิมพ์ดาวก็ได้พบรักกับชายวัยกลางคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ทางภาคใต้ซึ่งทั้งสองได้พบกันโดยบังเอิญจากการที่กานดาได้ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหลังจากที่เสียอกเสียใจกับการจากไปของสามีเธอทำให้ได้พบรักกับ สาธิต
เขาเป็นคนที่ใครๆ ก็เรียกว่าพ่อเลี้ยง ..จัดว่ามีฐานะพอสมควรทั้งสองเคยเจอกันก่อนแล้วและการพบกันครั้งแรกนั้นก็ทำเอาพิมพ์ดาวไม่อาจลืมภาพความจำติดตาเหล่านั้นไปได้เลย
“แม่มึงจะกลับมาเหรออีดาว”
“เออเห็นว่าปีใหม่จะกลับ”
“แล้วพ่อเลี้ยงมึงมาด้วยหรือเปล่าถ้าพ่อเลี้ยงมึงมาบอกกูด้วยนะกูอยากเห็นพ่อเลี้ยงมึง กูละอยากเป็นมึงจริงๆ มีพ่อเลี้ยงแซ่บขนาดนี้กูจะอ้อนแดดดี้ขาๆ ทั้งวันเลย”
“เพ้อเจ้ออะไรของมึงอีแจง มโนเก่งงง”
“แหมหวง..เดี๋ยวนี้มึงหวงกับเพื่อนเหรอ หรือว่ามึงจะเก็บไว้ดูคนเดียว”
“ดูบ้าบออะไรล่ะนั่นมันพ่อเลี้ยงกูนะ”
“ไม่จริงอ่ะกูว่ามึงต้องคิดบ้างแหละ”
เมื่อจุ๊บแจงเพื่อนสนิทของตนเองพูดอย่างนั้นก็ทำให้พิมพ์ดาวนึกถึงภาพในอดีตขึ้นมา
ความคิด
“ดาวเอาถุง ในรถขึ้นไปให้พ่อเลี้ยงมึงสิคงลืมถือไปไม่หมดนั่นน่ะ “
“แล้วแม่ล่ะ ทำไมไม่ให้แม่เอาขึ้นไป”
“แม่มึงยังไม่กลับเลยมันบอกว่าลืมซื้อของอะไรก็ไม่รู้ออกไปอีกรอบก่อนฝนจะตกแล้ว”
คนเป็นยายเรียกพิมพ์ดาวให้ไปหยิบของในรถที่สาธิตหยิบขึ้นไปไม่หมด แล้วเดินหายขึ้นชั้นสองของบ้านไป
ยายเฟื่อง อายุมากแล้วไม่ชอบที่จะขึ้นบันไดไปชั้นสองเพราะด้วยความ แก่ชราและสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้กว่าจะก้าวขาเดินขึ้นบันไดได้แต่ละขั้นนั้นยากลำบากเอาเสียเหลือเกินไม่ว่าจะยังไงคนแก่กับบันไดก็ไม่เคยถูกกันอยู่แล้ว
ส่วนพิมพ์ดาวเองที่กำลังนอนเล่นเกมในโทรศัพท์มือถืออยู่ก็เอ่ยถามสวนขึ้นมาทันทีเพราะเธอก็กำลังสนุกอยู่กับเกมของเธอเช่นกันแต่เมื่อได้ฟังคำตอบของผู้เป็นยายอย่างนั้นก็ต้องจำใจลุกขึ้นทำตามอย่างที่ผู้เป็นยายเอ่ยปากสั่งด้วยท่าทางกระด้างกระเดื่องไม่ค่อยจะเต็มอกเต็มใจสักเท่าไหร่นัก
“เอาขึ้นไปให้เขาเร็วๆ เผื่อเป็นของสำคัญกว่าแม่มึงจะมา ฝนตกอย่างนี้คงจะอีกนานแหละกว่าจะกลับ”
“รู้แล้วน่ายายกำลังไปอยู่นี่ไง”
กล่องกระดาษสีทึบที่มีขนาดใหญ่อยู่ในถุงใบใหญ่อีกชั้นหนึ่งซึ่งทุกอย่างดูปกติไม่ได้สะดุดตาอะไรมากนัก
มือเล็กๆ คว้าหยิบแล้วรีบเดินขึ้นชั้นสองไปปากบางก็เอ่ยเรียกชื่อของพ่อเลี้ยงไปพร้อมๆ กัน
“พ่อ ..พ่อ.. พ่อลืมของ ดาวเอาขึ้นมาให้ .. พ่ออยู่ห้องไหนได้ยินดาวหรือเปล่า”
ไร้เสียงตอบรับหรือไม่แน่ใจว่าเพราะเสียงฝนที่เทกระหน่ำลงมานั้นดังเกินไปกันแน่ ทำให้หญิงสาวไม่ได้ยินเสียงใดๆ ขานรับตอบมาเลย
สองเท้าก็ยังคงเดินขึ้นไปเรื่อยๆ สายตาก็มองสอดส่องแต่ก็ไม่เห็นใครจึงตัดสินใจเดินเข้าไปที่ห้องนอนของ พ่อเลี้ยงและแม่ของเธอ
มือเล็กๆ เคาะประตูสองสามครั้งพร้อมกับ เปิดประตูเข้าไปในทันที
“พะ… อึก!!”
“ดาว..”
สองขาของหญิงสาวหยุดชะงักพร้อมกับใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มที่หันมาสบตาเธอเข้าอย่างจังพร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อเธอด้วยความตกใจก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาเรียบนิ่งเป็นปกติอย่างเดิม
“ดะ ดาว เอาของขึ้นมาให้ค่ะ ดาวไม่ได้ตั้งใจดาวไปก่อนนะคะ”
หญิงสาวมือไม้สั่นสายตาของเธอไม่อาจจะละไปจากภาพที่เห็นตรงหน้าได้เลยราวกับว่าเธอถูกตรึงสะกดเอาไว้
ภาพอะไรน่ะเหรอ…
ภาพตรงหน้าเธอนั่นคือ....
ภาพตรงหน้าเธอนั่นคือภาพของพ่อเลี้ยงที่เปลือยเปล่า ล่อนจ้อนไร้เสื้อผ้าบดบัง นอนรูดชักแท่งเอ็นใหญ่โตของตัวเองอยู่ด้วยอุปกรณ์บางอย่างในมือที่เธอนั้นไม่เคยเห็น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัดมันความหื่นกระหาย อย่างที่เธอไม่เคยเห็นเค้าในมุมนี้ มาก่อน
“เดี๋ยวสิ..”
“คะ… คะ “
ยิ่งเห็นท่าทางสั่นเทาของหญิงสาวและ สายตาของเธอที่เอาแต่จ้องมองมาอย่างชัดเจนนั้นมันทำให้เขาผุดความคิดบางอย่างขึ้นมาได้ในทันที
“มาก็ดีแล้ว พ่อกำลังอยากได้อยู่พอดีเลยแกะกล่องให้พ่อหน่อยสิ”
“ตะ แต่ว่าดาว…”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า พ่อไม่ทำอะไรหนูหรอก”
สาธิตพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำเป็นปกติอย่างที่เคยพูดกับพิมพ์ดาวและยังคงยิ้มอ่อนโยนให้เธอราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กลับเป็นพิมพ์ดาวเอง ที่อึกอักจะพูดก็พูดไม่ออกจะเดินไปข้างหน้าหรือจะไปข้างหลังอะไรก็ทำตัวไม่ถูก นี่มันใช่ที่ที่เธอควรอยู่แน่หรือ
แล้วเชื่อได้ไงว่าเค้าจะไม่ทำอะไร แต่ที่นี่ก็คือบ้านของเธอเค้าจะกล้าทำอย่างนั้นหรือ
หลากหลายความคิดตีกันยุ่งเหยิงอยู่ในหัวของหญิงสาวซึ่งไม่รู้อะไรดลใจให้เธอปิดประตูแล้วเดินตรงไปหาพ่อเลี้ยงของเธอพร้อมกับทำตามที่เค้าเอ่ยปากสั่งอย่างว่าง่าย
“อืม…ซี้ดด”
เสียงของพ่อเลี้ยงหนุ่ม ครางกระเส่าออกมาเบาๆ สองมือของเขาก็จับอุปกรณ์บางอย่างที่สวมกับแท่งเอ็นของตัวเองเอาไว้แล้วรูดชักขึ้นลง ช้าๆ อยู่อย่างนั้นราวกับว่าทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ
มีเพียงพิมพ์ดาวที่ค่อยๆ แกะกล่องในมือนั้นด้วยหัวใจที่เต้นรัวจนไม่อาจจะควบคุมจังหวะลมหายใจให้เป็นปกติได้ ให้ตายเถอะความรู้สึกนี้มันอะไรกันเขาทำแบบนี้ได้โดยไม่รู้สึกอายเลยหรือ ..
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นอวัยวะเพศชายครั้งแรกตั้งแต่เกิดมา แถมยังเป็นอวัยวะเพศชายของพ่อเลี้ยงเธออีกต่างหาก
มันดูแข็งและนุ่มนิ่มในเวลาเดียวกันแถมมันใหญ่พอๆ กับแขนของเธอเลยทีเดียวหรืออาจจะเป็นเพราะว่าพ่อเลี้ยงของเธอตัวสูงใหญ่กันแน่นะเจ้าสิ่งนี้ก็เลยมีขนาดใหญ่และยาวถึงขนาดนี้แถมสีของมันก็ยังเข้มมากเสียด้วยยามที่เขา รูดขึ้นลงก็เห็นเส้นเลือดที่นูนขึ้นมาให้เห็นจนเธอต้องเผลอไปมองอยู่หลายครั้งให้ตายเถอะ…
ตายแน่อีดาวถ้าแม่รู้มีหวังโดนตีตายแน่ๆ เลย
มือเล็กๆ ของพิมพ์ดาวแกะกล่องบางอย่างตามที่พ่อเลี้ยงของเธอสั่งด้วยสองมือที่สั่นและเงอะงะจนเขาเองที่ชำเลืองมองมาที่เธอแล้วก็อดที่จะอมยิ้มกับภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ได้ สายตาที่อยากรู้อยากเห็นของเธอนั้นคอยรอบมองมาที่แท่งเอ็นแข็งขืนของตัวเองเป็นครั้งคราวแต่ก็ยังพยายามประคองสติแกะกล่องของเล่นในมือตนเองไปพร้อมๆ กันช่างดูไร้เดียงสาเสียจนทำให้ชายหนุ่มยิ่งเกิดอารมณ์ความต้องการพุ่งกระฉูดเข้าไปใหญ่..
อันที่จริงเขาไม่เคยคิดที่จะทำแบบนี้กับเธอเลยตลอดเวลาที่ผ่านมาระหว่างเขาและพิมพ์ดาวมีเพียงความเอ็นดูต่อกันเพียงเท่านั้น
แต่ในวันนี้เมื่อความบังเอิญทำให้เขาและเธอได้ใกล้ชิดกันและก่อเกิดเป็นความรู้สึกที่นอกเหนือไปจากความเอ็นดูอย่างที่ควรจะเป็น….เขาเองก็คงจะปล่อยผ่านไปไม่ได้
ถ้าเดาไม่ผิดจากท่าทางของพิมพ์ดาวในตอนนี้เขาคิดว่าเธอนั้นน่าจะยังบริสุทธิ์อยู่แน่ๆ แล้วมีหรือที่เขาจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
สายตาอยากรู้อยากเห็นของพิมพ์ดาวเองก็เป็นคำตอบได้อย่างดี…
“อันนี้มันคืออะไรเหรอคะพ่อ”
พิมพ์ดาวหยิบไข่สั่นสีชมพูออกมาจากกล่องกระดาษด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ดาวอยากรู้จริงๆ เหรอลูกว่าสิ่งนี้คืออะไร”
.....
