CRUSH ON YOU พี่สาวครับ

133.0K · จบแล้ว
ACHICHI
46
บท
8.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ถ้าไทบอกว่าชอบ…” “…” “นาจะให้ไทจีบมั้ย?” “…” “ถ้าไทบอกว่าไม่อยากเป็นแค่น้อง...” “…” “นาจะตอบรับความรู้สึกของไทรึเปล่า?” “…” ฉันยกมือสั่นๆ ของตัวเองขึ้นมาดันหน้าอกไทเอาไว้ไม่ใช่เพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะทำอะไร… แต่กลัวใจตัวเองต่างหาก… ใบหน้าคุ้นเคยไม่ได้มีทีท่าว่าจะล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย ไทดูจริงจังแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มือสองข้างของฉันถูกรวบต่ำลง พร้อมกันระยะห่างระหว่างเราก็แคบลงไปอีกเพราะลมหายใจร้อนๆ ของคนตัวสูงกว่ากำลังโน้มต่ำลงมา

นิยายรักโรแมนติกผู้ชายอบอุ่นโตมาด้วยพระเอกเก่งจีบเมียเก่าฟินๆรักหวานๆโรแมนติก

พี่สาวครับ 1

CRUSH ON YOU : STORY 1

23.30 น.

“พรุ่งนี้ผมไปรับเจ๊ที่ออฟฟิศนะ”

“อือ”

“แล้วเรา… ไปต่อกันดีมั้ย?”

“…”

ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องตอนที่โดนสายตาคาดหวังมองกันมาเหมือนทุกๆ ครั้งที่พูดเรื่องทำนองนี้ ใบหน้าหล่อเหลาคมชัดไปทุกส่วนมองกันอยู่อึดใจก็หันกลับไปแล้วถอนหายใจเบาๆ เครื่องปรับอากาศบนรถเย็นฉ่ำแต่ฉันกลับมีเหงื่อผุดซึมที่กรอบหน้าเพราะความประหม่า แต่เพราะไม่อยากให้บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดมากไปกว่านี้ฉันเลยจำใจต้องพูดอะไรบางอย่างออกไป

“เจ๊ว่าเราไปดูหนังต่อก็ได้…”

“อืม… โอเค…”

คนข้างๆ หันมาฝืนยิ้มให้กันอีกครั้ง ยกมือขึ้นมาลูบผมฉันเบาๆ ก่อนจะพยักพเยิดไปทางรั้วบ้านที่ปิดสนิทอยู่ ถึงแม้ว่าบทสนทนาในวันนี้จะจบลงด้วยบรรยากาศอึมครึมเหมือนเคยแต่ก็ช่วยไม่ได้ที่สุดท้ายแล้วฉันก็เลือกที่จะไม่พูดต่อถึงเรื่องที่อีกคนคาดหวัง และเจ้าตัวเองก็คงจะไม่อยากพูดเหมือนกัน

“เข้าบ้านเถอะเจ๊”

“อือ กลับบ้านดีๆ นะ”

“ครับผม”

คนเป็นแฟนคลี่ยิ้มกว้างแล้วขยับตัวเข้ามาหอมแก้มกันฟอดใหญ่ราวกับว่าเมื่อนาทีก่อนระหว่างเราไม่ได้มีบรรยากาศผิดปกติใดๆ

ฉันลงจากรถพร้อมทั้งยืนมองรถคันหรูเคลื่อนตัวห่างออกไป สวนกันก็มีรถอีกคันวิ่งเข้ามาจอดเทียบฟุตบาตหน้าบ้านแฝดหลังที่อยู่ติดกัน Mercedes AMG C43 coupe สีดำเงาวับที่ช่วงหลังมานี้ฉันได้เห็นบ่อยๆ ดับเครื่องลง ก่อนที่เจ้าของมันจะเปิดประตูลงมา

ดวงหน้าหล่อเหลาจ้องมองมาด้วยสายตานิ่งสนิทก่อนที่ริมฝีปากหยักลึกสวยจะบิดยิ้มเล็กน้อยเมื่อเราสบตากัน ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าวันนึงก็คงต้องเจอหน้ากันเพราะพักหลังมาฉันได้เห็นรถของเจ้าตัวบ่อยๆ แต่ก็อดตกใจไม่ได้เมื่อ ‘น้องชายข้างบ้าน’ ที่หายหน้าหายตาไม่กลับบ้านเลยมาตลอดสามปีตอนนี้ดูหล่อเท่ แถมยังออร่าพุ่งแค่ไหน

คนตรงหน้าเมื่อเห็นอาการตกใจของฉันก็หัวเราะออกมาเบาๆ แขนสองข้างวางพาดอยู่บนประตูรถ นัยน์ตาสดใสยังคงจ้องมองมาอยู่อย่างนั้นก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยทักขึ้นก่อน

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

“ไท…”

“นา…”

ประตูรถถูกปิดลงพร้อมกันขายาวๆ ก็เดินเข้ามาหา เพราะคนตรงหน้าสูงมากทำให้ฉันที่สูงเพียงแค่ 155 เซนติเมตรต้องเงยหน้าขึ้นมอง กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายแบบที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วลอยมาแตะจมูกทำให้ฉันพึงตระหนักได้ว่าตอนนี้น้องชายข้างบ้านคนนั้นได้เป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว ทั้งยังหล่อจัดชนิดที่ว่าคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเราจะเคยสนิทสนมกัน

“นายังตัวเล็กเหมือนเดิมเลย”

“…”

ทันทีที่ถูกทักฉันถึงกับต้องก้มลงมองตัวเองที่อยู่ในชุดกระโปรงแขนตุ๊กตาสีฟ้าอ่อน ในขณะที่คนตรงหน้าดูโตขึ้นมาก แต่ฉันกลับยังเหมือนเดิม ขนาดว่าอายุ 26ปี เข้าไปแล้วแต่ก็ยังดูเหมือนเด็กๆ

“ไทจะกลับมาอยู่บ้านเหรอ?”

ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน แต่ฉันก็ไม่อาจจะทำเป็นไม่รู้จักเขา หรือเมินใส่ได้ เลยจำต้องเอ่ยปากทักทาย เพราะยังไง ‘ไท’ ก็เป็นลูกชายคนเดียวของคุณป้าสมรกับคุณลุงรัตน์ เพื่อนสนิทของแม่ฉันเอง และใช่… เราเป็นเพื่อนบ้านกัน…

“กลับมาอยู่บ้านได้หลายวันแล้ว… แต่ยังขนของไม่เสร็จเลยยังไม่ได้นอนก็ว่าจะนอนคืนนี้คืนแรก…” คนตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ สายตายังคงลากผ่านร่างกายฉันเหมือนจะสำรวจกันอีกครั้งแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

“อะไร…”

“นาทำงานแล้วก็ยัง… ดูเหมือนเด็กปีหนึ่งอยู่เลย”

“เจ๊แค่… ตัวเล็ก” ฉันมองค้อนตัวตัวโตเล็กน้อยเพราะความเคยชิน ก่อนจะต้องหลุบตาลงต่ำเมื่อระลึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ เราไม่ได้สนิทกันอีกแล้ว

“แล้ว… ไอ้ไนน์ไม่อยู่?”

“อือ น่าจะไม่กลับ”

“แล้วมันปล่อยให้นาอยู่คนเดียว?”

“ก็… อยู่ได้”

“อือฮึ…”

และเราก็เงียบเสียงลงอีกครั้ง อาจจะเพราะระหว่างเรามีระยะห่างกันไปหลายปีทำให้ตัวฉันอดที่จะประหม่าในการคุยกับเขาอย่างเสียไม่ได้ ถึงไทจะทำเหมือนไม่มีอะไรแต่ก็ดูรู้นั่นแหละว่าอาการเดียวกัน

“เจ๊เข้าบ้านก่อนนะ”

“โอเค”

ฉันตัดบทสนทนาลงแค่นั้น และก็โชคดีที่ไทเองก็ไม่ได้คิดจะชวนคุยต่อ ร่างสูงเดินห่างออกไปหน้าบ้านตัวเองแล้วหันกลับมามองกันเล็กน้อย ฉันพยายามไม่ตื่นเต้นให้มันมากเกินไปนักรีบไขกุญแจเข้ารั้วบ้านตัวเอง

บ้านแฝดแปลนเดียวกันแต่บรรยากาศระหว่างบ้านสองหลังค่อนข้างแตกต่างกัน ในขณะที่บ้านของไทเปิดไฟสว่างทั้งชั้นบนชั้นล่างมองเห็นได้ชัดจากข้างนอก แต่บ้านฉันกลับเงียบเชียบไร้ซึ่งสัญญาณชีพว่ามีคนอยู่ แสงไฟในบ้านไม่มีเล็ดลอดออกมาเลยสักดวง

‘ไนน์’ ที่ไทเอ่ยถึงคือน้องชายของฉันเอง ตอนนี้มันอายุ 22 เท่าๆ กันกับไท กำลังเป็นหนุ่มเต็มตัว และแน่นอนว่าเหตุผลที่ทำให้น้องชายตัวดีของฉันไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องก็เป็นเพราะมันติดเที่ยว ติดสาว ฉันก็เลยต้องอยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่ เพราะพ่อกับแม่ย้ายไปบำบัดสุขภาพที่เชียงใหม่ได้สองปีแล้ว

ระหว่างที่ฉันอยู่คนเดียว ก็ได้คุณป้าสมรกับคุณลุงรัตน์คอยดูแลช่วยเป็นหูเป็นตาให้เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงอยู่บ้านตัวคนเดียว แม้ว่าไนน์จะมีแวะมาบ้างแต่นั่นก็แค่มาเอาเสื้อผ้าแล้วก็กลับออกไปอีก

เราสองคนพี่น้องไม่ใช่ว่าไม่สนิทกัน แต่มันแค่กำลังอยู่ในวัยติดเที่ยวติดสาว และนั่นก็ทำให้คนเป็นพี่สาวซึ่งตามใจน้องชายมาตลอดแบบฉันไม่สามารถเอ่ยปากอะไรได้ ถึงแม้ว่าบางครั้งการอยู่บ้านตัวคนเดียวจะมีความหวาดระแวง หรือปัญหาอื่นๆ ไม่น้อยก็ตาม

ก็อย่างว่า… ฉันโตแล้ว ทำงานแล้วด้วย… ถึงจะตัวเล็กเหมือนเด็กซ้ำหน้ายังดูไม่เป็นสาวเหมือนคนอื่นๆ แต่ฉันก็อายุ 26 ปีเมื่อราวครึ่งปีก่อนนี้เอง

เสียงปิดประตูรั้วบ้านข้างๆ ดังขึ้นพร้อมกันกับที่ฉันปิดบานประตูตัวบ้านลง ในบ้านเงียบเชียบเหมือนทุกวัน เพราะไม่มีคนอยู่ ฉันชินกับการอยู่แบบนี้มานานมากตอนที่เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของตัวบ้านเลยไม่ได้คิดจะเปิดไฟ แค่ใช้ลำแสงไฟฉายจากโทรศัพท์นำทางขึ้นไปเท่านั้น

และทันทีที่เดินเข้าห้องนอนก็ได้เห็นว่าตอนนี้คนที่เพิ่งเจอกันเมื่อครู่… กลับมาอยู่บ้านตัวเองแล้วจริงๆ หลังจากหายหน้าไปสามปีเต็ม เพราะแสงไฟจากห้องนอนหนึ่งของบ้านแฝดหลังข้างกันถูกเปิดให้สว่างขึ้นมาหลังจากไม่ได้เห็นมานาน

มันเป็นห้องนอนของลูกชายคนเดียวของคุณลุงคุณป้านั่นแหละ ห้องของฉันกับไทอยู่ตรงข้ามกัน แต่ละหลังจะมีระเบียงยื่นออกมาเล็กน้อย เพราะตัวฉันเองยังไม่ได้เปิดไฟทำให้ตอนนี้ยังสามารถแอบมองคนบ้านข้างๆ ได้โดยที่เจ้าตัวก็คงจะไม่รู้ตัว

ร่างสูงของไทถอดเสื้อออกโยนไปไว้ตรงไหนสักที่ เรือนร่างกำยำแบบคนเป็นหนุ่มเต็มตัวทำให้ฉันถึงกับต้องกลืนน้ำลาย ไทไม่ใช่คนตัวใหญ่แต่เป็นคนร่างสูงโปร่ง กล้ามเนื้อหนัดแน่นก็ดูดีแบบที่สาวๆ ชอบ ไม่ได้ล่ำบึกอะไรนัก ดวงหน้าหล่อเฉี่ยวดูคมชัดมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ผิวขาวออร่ายิ่งทำให้น้องชายข้างบ้านดูดีขึ้นจนคนแก่แบบฉันรู้สึกหูอื้อตาลายแล้วต้องรีบเบนสายตาหนี

รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เดินไปรูดผ้าม่านปิดนั่นแหละ ก่อนจะเดินกลับมาเปิดไฟในห้องตัวเอง อาจจะเป็นเพราะห้องฝั่งตรงกันข้ามไม่มีคนอยู่มานานแล้วก็เลยไม่ค่อยชินเท่าไหร่

จริงๆ เพราะสนิทกับคุณลุงคุณป้าฉันก็รู้มาตลอดว่าไทแทบจะไม่กลับบ้านเลย เดาได้ไม่ยากว่าคงจะอาการเดียวกันกับน้องชายฉัน แค่ได้เจอวันนี้หลังจากที่ไม่ได้เจอมานานก็บ่งชัดว่าเขาโตเป็นหนุ่มแล้ว แถมยังคาริสมาสุดๆ อีกต่างหาก

เราเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก ทั้งตัวฉันเอง ไนน์ รวมถึงไท แต่ระยะหลังมาเราห่างกันก็เพราะน้องชายทั้งสองคนดันมีปัญหากันเองซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าทั้งคู่ไม่ได้คุยกันอีกเลยหลังจากเรียนจบมัธยม รู้ตัวอีกทีไทก็หนีหายไปเรียนมหา’ลัยโดยใช้วิธีการอยู่คอนโด ถึงไนน์จะยังอยู่ที่นี่แต่ก็แทบจะอยู่ไม่ติดบ้านเหมือนกัน

มันก็… ผ่านมาสามปีได้แล้ว…

และฉันก็ไม่คิดเลยว่าการได้มาเจอหน้ากันอีกครั้งระหว่างฉันกับไทมันจะกระอักกระอ่วนขนาดนี้ คงเป็นเพราะเราไม่ได้เจอกันเลยตลอดสามปีทั้งๆ ที่บ้านก็อยู่ติดกันแท้ๆ ไม่ใช่ว่าไทไม่กลับมาเลยหรอก แต่คงเป็นเพราะตัวฉันเองก็เริ่มเข้าสู่วัยทำงานกว่าจะเลิกงานก็ดึกๆ ดื่นๆ ไม่เจอกันก็ไม่แปลก

แต่หลังจากนี้… อาจจะต้องเจอกันบ่อยๆ เพราะคุณลุงรัตน์ท่าทางจะเอาจริงเรื่องที่ว่าจะให้ลูกชายคนเดียวย้ายกลับมาอยู่บ้านในช่วงปีสุดท้ายของการเรียนมหา’ลัย ฉันก็พอรู้อยู่หรอกว่าไทเองก็ทำตัวเกเรไม่ต่างจากไนน์ ก็คงโดนพ่อแม่คาดโทษนั่นแหละ…

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนจากแชตไลน์ดังขึ้นทำให้ฉันต้องตื่นจากภวังค์ หน้าจอโชว์ว่าเป็น ‘บาส’ แฟนของฉันเองเป็นคนส่งเข้ามา ก็แค่ส่งมาว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนอีกแล้วเหมือนทุกวันนั่นแหละ

BAS : เจ๊นาวันนี้ผมไปกินเหล้ากับเพื่อนนะ

NANA : อือ กลับดีๆ นะ

BAS : ครับผม ฝันดีนะ

NANA : พรุ่งนี้เจ๊เลิกงานไวนะ บาสจะมากี่โมง

BAS :

ฉันจ้องมองหน้าจอที่ยังคงค้างแชตอยู่อึดใจก่อนจะโยนโทรศัพท์ไปไว้บนที่นอนพร้อมทั้งถอนหายใจเบาๆ เมื่อไม่ได้รับการตอบกลับจากคนที่เพิ่งจะทักมายังคุยกันไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ พักนี้เขาก็เป็นแบบนี้ตลอด… หลังจากที่ระหว่างเรามันไปกันได้ไม่ถึงไหน และฉันเองก็ขี้กลัวเกินกว่าจะยอมมีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย

ฉันเป็นคนขี้กลัว… ขี้ตกใจ… และบาสก็เป็นพวกชอบรุกรุนแรง ก็ถ้าเกิดว่าเขาค่อยเป็นค่อยไปมากกว่านี้ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ก็นั่นแหละ… คบกันมาจวนจะครบหนึ่งปีแล้วฉันก็ให้ได้อย่างมากแค่จูบ ถึงจะอายุมากกว่าเขาตั้งสี่ปีแต่ฉันเอง… ยังเวอร์จิ้นอยู่เลย…

ระหว่างที่ฉันกำลังถอดเสื้อผ้าออกเพื่อที่จะได้ไปอาบน้ำเข้านอนก็ต้องสะดุ้งตกใจจนเกือบจะร้องกรี๊ดออกมา เมื่อได้ยินเสียงเหมือนใครมาเคาะกระจกระเบียง ตอนแรกก็คิดว่าหูแว่ว แต่ตะแคงคอฟังอีกครั้งมันก็ชัดเจนว่าเป็นเสียงเคาะกระจกประตูระเบียง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“นา…”

“ไทเหรอ?”

“เปิดหน่อย”

“แป๊บนึงนะ”

ถึงแม้ว่าจะตกใจ แต่พอนึกถึงเมื่อก่อนที่ไทชอบทำแบบนี้ก็อดจะคิดถึงขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ เวลาเขามีอะไรก็จะใช้วิธีปีนข้ามระเบียงกระโดดมาง่ายๆ โดยให้เหตุผลว่าขี้เกียจเดินไปเข้าทางหน้าบ้าน เพราะยังไงระเบียงห้องเราก็ห่างกันไม่มาก คนตัวสูงแบบไทกระโดดแค่นิดเดียวก็ถึง

ฉันรีบหาชุดมาใส่ลวกๆ แล้วรีบเดินไปเปิดม่านออกดู พบว่าตอนนี้เจ้าของเรือนร่างฮอตๆ กำลังนั่งอยู่บนขอบระเบียงมือคีบบุหรี่เอาไว้ ถึงจะรู้ว่าน้องมันโตแล้วแต่มันก็ไม่ค่อยชิน

“ไทมีอะไร?” ฉันเปิดประตูเลื่อนออก เลิกคิ้วถามร่างสูงที่ผุดตัวลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาหา

“ไทขอเบอร์นาหน่อย ไลน์ด้วย” เจ้าตัวไม่พูดเปล่า แต่รีบส่งโทรศัพท์ของตัวเองมาให้ฉัน

“…”

“ยังไงไทก็จะกลับมาอยู่บ้านแล้ว เผื่อไว้ฉุกเฉินอะไรนาก็โทรเรียกไทได้ตลอด”

“เจ๊เกรงใจ…”

ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่กำลังทอดสายตามองมาอยู่ก่อนแล้ว ไทพ่นควันบุหรี่ไปอีกทางแล้วยกยิ้มมุมปาก สายตาที่มองมามันต่างออกไปจากเมื่อก่อนจนฉันสัมผัสได้ ตอนนี้ไทไม่ใช่น้องชาย แต่เป็นชายหนุ่มคนนึง

“นาจะเกรงใจอะไร… ก็เราสนิทกัน…”

“…”

เป็นอีกครั้งที่ฉันพูดไม่ออกกับคำพูดราวกับจะมัดมือชกของเด็กบ้านี่ ริมฝีปากสวยกำลังคลี่ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าฉันอยู่ในสถานะที่คงจะปฏิเสธอะไรไม่ได้

สุดท้ายก็เลยจำใจต้องให้ช่องทางการติดต่อไป… ถึงยังไงไทก็คงไม่ได้ทักหรือโทรมาหรอก… อาจจะแค่อยากเข้ามาทำความคุ้นเคยกันใหม่อีกรอบ เพราะยังไงเราก็เป็นเพื่อนบ้านกัน

“แล้วนา…”

“...”

“มีแฟนรึยัง?”

ฉันเงยหน้าขึ้นมองไทอีกครั้ง เราห่างกันไปนานจนเขาคงจะไม่รู้เลยว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่บ้าน ตัวฉันเองมีแฟนที่คบกันมาได้จวนจะครบปีแล้ว ในสายตาไทก็คงยังมองเหมือนว่าฉันเป็นเด็กตัวเล็กๆ ทั้งที่ฉันอายุมากกว่าเขาตั้งสี่ปี คงเป็นเพราะรูปร่างหน้าตา รวมทั้งนิสัยขี้กลัวขี้ตกใจของฉันทำให้น้องมันไม่ค่อยจะเคารพกันเท่าไหร่นักหรอก

ยกตัวอย่างเช่น… ไทไม่เคยเรียกฉันว่าเจ๊ หรือ พี่ แต่จะเรียกสั้นๆ แค่ ‘นา’

“เจ๊มีแฟนแล้ว” ฉันบอกไปตรงๆ พร้อมทั้งยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ

“ตัวเล็กแบบนา…” ไทเลื่อนคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยลากสายตาสำรวจกันอย่างเปิดเผยจนฉันเผลอขยับตัวอย่างอึดอัดเจ้าตัวถึงได้เลื่อนสายตากลับมามองหน้ากัน

“เจ๊จะเข้านอนแล้ว”

“อือฮึ…”

“ไทกลับห้องไปได้แล้ว”

“อือฮึ…”

ฉันถึงกับเม้มริมฝีปากเมื่อเห็นว่าไอ้น้องชายข้างบ้านที่เมื่อก่อนไม่ได้กวนประสาทกันเท่าไหร่ ตอนนี้ดูเหมือนจะกวนตีนขึ้นนิดๆ ทั้งยังรอยยิ้มแบบนั้นก็อีก…

และเพราะทำตัวไม่ถูกฉันเลยตั้งท่าจะเลื่อนประตูปิดลง แต่มือของไทกลับคว้าขอบประตูเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาคมชัดตัดกับผิวขาวๆ โน้มลงมาจนสายตาเราอยู่ในระดับเดียวกัน ไททำท่าชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยบอก

“ไทว่านาต้องเปลี่ยนผ้าม่านนะ”

“…” ฉันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองสบตานัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังกวาดสายตามองหน้ากันในระยะประชิด เสียงกระซิบแผ่วเบาทว่าทำให้ฉันร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งตัว...

“ผ้าม่านห้องนามันโปร่งแสง… ไทเห็นหมดเลย”

“!!!”

พระเจ้า! บอกทีว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้แก้ผ้าในห้องนอน!