บท
ตั้งค่า

บทที่6

“ตามฉันมานี่สิ” ระหว่างที่ฉันคิดเรื่อยเปื่อยเขาก็เข้ามากระซิบที่ข้างหู เสียงลมที่ออกจากปากกระทบไรหู คือมันจักกะจี้จนต้องห่อไหล่ขึ้น

ม่านหมอกดันไหล่ฉันให้เดินไปข้างหน้า โดยที่ฉันยังไม่ได้ให้คำตอบเลยว่าอยากไปมั้ย?! แต่ยังไงดีล่ะเขาเป็นเทรนเนอร์นี่นา จะขัดใจอะไรได้

“พวกแกนั่งรอฉันแถวนี้แล้วกัน เดี๋ยวฉันกลับมา โอเคนะ บายย” ฉันบอกพร้อมกับโบกมือให้อย่างเก๋ ๆ สองตุ๊ดมั่นหันมามองฉันจนตาแทบถลนออกจากเบ้า

ฉันเบือนสายตากลับมาที่เบื้องหน้าอีกครั้ง ม่านหมอกกำลังเดินนำขึ้นไปยังชั้นสอง ฉันสังเกตไปรอบ ๆ เห็นว่าคนเริ่มน้อยลง อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้เริ่มดึกแล้ว ข้างบนนี้มีห้องทำกิจกรรมแบ่งย่อย 3-4 ห้อง มันมีป้ายแปะอะไรไว้สักอย่างแต่ฉันเห็นไม่ชัดเพราะเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

สุดท้ายม่านหมอกก็มาหยุดตรงเครื่องออกกำลังกายชนิดนึง ที่ฉันรู้สึกว่ามันโคตรจะซับซ้อนเลย ตรงกลางมีเบาะนั่งด้านบนมีสายอะไรสักอย่างห้อยอยู่ ด้านล่างก็เหมือนจะมีอะไรโง่ ๆ ยื่นออกมาด้วย เห็นแล้วอยากกลับจัง

“ไหนลองมานั่งตรงนี้สิ” เขาสั่งพร้อมกับตบเบาะสองที

ฉันเดินไปนั่งอย่างไม่ค่อยไว้ใจไอ้เครื่องนี่เท่าไหร่นัก มันค่อนข้างเป็นอุปกรณ์แปลกประหลาดเหมือนมาจากนอกโลก ระหว่างที่ฉันมองสำรวจเครื่องเล่นอยู่ก็ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ดี ๆ เขาก็จับมือฉันขึ้นมาดื้อ ๆ

“จับตรงนี้ไว้ทั้งสองข้าง” เขาดึงมือฉันข้างหนึ่งขึ้นไปจับที่ห่วง จากนั้นก็อ้อมตัวไปที่ด้านหลังฉันแล้วคว้าข้อมือเล็กอีกข้างฉันขึ้นมาจับห่วงไว้อีกด้าน

ฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่กำลังเป่ารดอยู่บริเวณซอกคอ คือเขานั่งซ้อนอยู่แล้วมือฉันก็ถูกตรึงไว้กับห่วงบ้า ๆ นี่ ยิ่งม่านหมอกขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก ฉันก็แทบจะหยุดหายใจไปในทันที

“กลั้นหายใจทำไม? ผ่อนคลายสิ” ปรึ้ยยย ขนฉันลุกซู่ไปทั้งตัวเพราะเขาเล่นกระซิบซะชิดริมหูขนาดนี้

มันปกติรึเปล่า…?? เทรนเนอร์เขาใกล้ชิดกับลูกค้าขนาดนี้เลยหรอเนี่ย?! แล้วแบบตอนนี้มันก็ดึกแล้วบนนี้ไม่มีใครเลย มีเพียงเราสองคนเท่านั้น!

“หายใจแล้ว แล้วดึง….” ฉันไม่รู้ว่ากำลังหายใจเข้าหรือออกอยู่หรอก รู้แต่ว่าเขาดึงข้อมือฉันเบา ๆ เพื่อให้ฉันออกแรงดึงห่วงลงมาตามทิศทางที่เขาบังคับอยู่ ”หายใจออกแล้ว ปล่อยเบา ๆ ผ่อนคลาย”

“….” ฉันทำตามที่เขาบอกทุกอย่างยกเว้นผ่อนคลาย!

“กล้ามเนื้อตรงนี้….ถึงตรงนี้”

โอ้ยแม่ขาช่วยด้วย! ฉันทำตัวไม่ถูกแล้วเมื่อเขาใช้ข้อนิ้วมือแข็งลากไล้ตั้งแต่ข้อมือมาจนถึงบริเวณหัวไหล่ สัมผัสของเขาแผ่วเบาจนขนอ่อนลุกชันไปหมด

“นะ นาย เอาท่าอื่นได้มั้ย?”

“แค่ท่าเบสิกยังเกร็งขนาดนี้ ท่าอื่นจะไหวหรอ” ก็เล่นใกล้ซะขนาดนี้ สนิทกันหรือก็เปล่าเป็นใครจะไม่เกร็งล่ะ

“งั้นนายถอยไปได้แล้ว ฉันจะลองทำเอง”

“ยังอธิบายไม่จบเลย ใจร้อนจังนะ”

เฮือก!

ฉันสะดุ้งเกร็งหน้าท้องไว้แน่นเมื่อม่านหมอกใช้สองมือหยาบหนามาจับบริเวณชายโครงเหนือหน้าท้อง แบบนี้มันเหมือนเขากำลังกอดฉันอยู่เลย

กรี๊ดดดดดด โดนเกย์กอด!

“นะ…นะนาย จะ จะทำอะไรน่ะ” ฉันพูดตะกุกตะกักโดยอัตโนมัติ แบบว่าเกิดมาไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายที่ไม่ใช่คนในครอบครัวมากขนาดนี้ แล้วแบบว่าถ้าเป็นสัมผัสจากผู้ชายแท้ ๆ ฉันคงจะรู้สึกดีกว่านี้ด้วยมั้ง แต่นี่ม่านหมอกเป็นเกย์ไงฉันเลยรู้สึกแปลก ๆ จะดีก็ไม่ใช่ จะรังเกียจก็ไม่เชิง

“อะไรกัน รู้สึกอะไรงั้นหรอ?”

“หะเห้ย บ้าเปล่าฮ่า ๆฉันจะรู้สึกกับเกย์ได้ไง ฮ่าๆๆ“ แกล้งขำกลบเกลื่อนไปงั้นแหละ คือเอาจริง ๆ มันก็รู้สึกไง แต่ไม่รู้ว่าแบบไหนกันแน่

“อืมม ก็ดี ที่ฉันจับตรงนี้เพราะว่าการหายใจมีส่วนกับการเล่น เอาล่ะทีนี้ลองใหม่อีกครั้ง”

เขาปล่อยมือทั้งสองออกจากชายโครงแล้วกลับมาจับที่ข้อมูลฉันอีกที ระหว่างที่เขาเคลื่อนไหวก็อธิบายไปด้วย แต่มันไม่เข้าหูเอาซะเลย ไม่รู้ว่าพูดอะไรเพราะสติฉันมันไปจดจ่ออยู่กับอะไรก็ไม่รู้ที่ฉันอธิบายไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน…..

มหาวิทยาลัย L

ฉันกำลังเรียนอยู่ปี 2 คณะบริหารระหว่างประเทศ ที่เลือกเรียนคณะนี้ก็เพราะไม่รู้จะเรียนอะไรดี ไม่รู้แม้กระทั่งความฝันตัวเอง ตลกดีมั้ยล่ะ เอาจริง ๆ ฉันก็ไม่เคยฝันว่าอนาคตอยากจะทำงานแบบไหนอะไรยังไง เพราะที่บ้านมีพร้อมหมดทุกอย่าง แต่ก็ตัดสินใจไม่ผิดนะ เพราะฉันได้เจอพี่วายุก็เพราะที่นี่แหละ….เราเรียนอยู่คณะเดียวกันแต่พี่เขาอยู่ปี 4 แล้ว

“วันนี้ไปเที่ยวกันนะครับ น้องพริบพราว” แฟนสุดที่รักออกปากชวนแบบนี้มีหรือจะปฏิเสธ

“พามันไปเลยค่ะพี่ขา ไปนาน ๆ ไม่ต้องพากลับก็ได้นะคะ” อีเบลล่าเสร่ออีกตามเคย มันเสร่อตอบอย่างสาระแน ได้ข่าวว่าพี่เขาถามฉันนะไม่ได้ถามมัน

“พี่จะพาฉันไปไหนหรอ?” ดินเนอริมน้ำ…นั่งชิวริมทะเล…ชมวิวยามเย็นบนตึกใบหยก…

“เดินห้างกันครับ“ ไม่ใช่ที่คิดสักอย่างแต่ก็โอเค ได้เที่ยวกับพี่วายุที่ไหนก็ดีหมดแหละ ฉันมองซ้ายแลขวาเพื่อดูว่าปลอดภัยรึเปล่า…

ไม่ใช่อะไรหรอก เฮียพลกับอัลเรียนที่นี่ด้วยแล้วพี่ชายฉันเนี่ยหวงยิ่งกว่าอะไร ดีนะที่เป็นเฮียพลถ้าเฮียพันเรียนที่นี่ด้วย ฉันคงไม่มีหน้ามายืนคุยกับพี่วายุแบบนี้หรอก แต่ถึงจะเป็นเฮียพลก็ประมาทไม่ได้เห็นนิ่ง ๆ ไม่พูดเนี่ย ตัวฟ้องเลย!

“พี่วายุไปรอที่รถก่อนนะ เดี๋ยวฉันตามไป” ขืนเดินไปพร้อมกันเจออัลหรือเฮียขึ้นมาได้งานเข้าแน่

เขายิ้มบาง ๆ แล้วขยี้ผมฉันเบา ๆ ก่อนจะเดินไปออกไป ฉันมองแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูงแล้วอยากเข้าไปกอดสักทีสองที พี่วายุเป็นคนที่มีรูปร่างดีสูงโปร่งทุกจังหวะการก้าวเดินถูกจับจ้องด้วยสายตาของพวกชะนีที่มันกันตาเป็นมัน แต่ขอโทษเถอะ เขาเป็นแฟนฉันย่ะ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel