บทที่ 3 เปลี่ยนความคิด
บทที่ 3
เปลี่ยนความคิด
“พะ...พี่ พี่พีทคะ” มีนาตะโกนเรียกพร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินตามร่างสูงออกไปด้วยความร้อนรน หลังจากที่พีทเข้ามาช่วยเธอจากเหตุการณ์เมื่อครู่เจ้าตัวก็รีบเดินออกไปโดยที่เธอยังไม่เอ่ยคำใดเลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าหล่อเหลาหันมองคนตัวเล็กด้วยแววตาเรียบนิ่งซึ่งสายตาคู่นั้นทำให้หญิงสาวหยุดชะงักราวกับถูกสาป
“มีอะไร” เสียงเข้มเอ่ยพลางมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้เอาแต่เดินตามเขาไม่เลิก
“เอ่อ...เอ่อคือ...คือมีน” หญิงสาวกำมือตัวเองแน่นและนึกหงุดหงิดตัวเองในใจ อุตส่าห์เตรียมคำพูดไว้มากมายแต่พอเจอสายตากลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น
พีทมองคนตัวเล็กชั่วครู่ก่อนจะหมุนตัวและเดินต่อไป
แต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงักตามเสียงเรียกของเธออีกครั้ง ในครั้งนี้มีนารวบรวมความกล้าทั้งหมดก่อนที่เธอจะก้มศีรษะลงและยกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“มีนขอบคุณพี่มากเลยนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะที่ช่วยมีนไว้” มีนากล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จากเหตุการณ์เมื่อครู่มันทำให้เธอกลัวเป็นอย่างมากแต่เธอก็ต้องสกัดกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น
“นมเธอ” ประโยคนั้นทำให้มีนารีบเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจก่อนจะรีบยกมือปิดที่หน้าอกตัวเอง เสื้อที่สวมใส่เป็นเสื้อเอวลอยโชว์เอวคอเว้าสีดำทำให้เวลาก้มเวลาเงยจะทำให้เห็นผิวกายได้ง่าย ๆ
หญิงสาวมองคนตรงหน้าตาแข็งเธอรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะมองแต่อย่างไรแล้วก็รู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
“เธอก้มเอง มันเป็นความผิดเธอ” พีทอธิบายต่อเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังทำท่าไม่พอใจ
“ร้อนตัวเหรอคะ”
“ปากเก่งดีนะ รู้งี้ฉันไม่เข้ามาช่วยเธอหรอก” ชายหนุ่มกลอกตาไปมาอย่างนึกรำคาญคนตัวเล็กที่ต่อฝีปากกับเขา คิดแล้วก็อยากจะเฉ่งให้รู้แล้วรู้รอดว่าเป็นรุ่นน้องประสาอะไรทำไม่มีความเกรงใจรุ่นพี่อย่างเขาบ้าง
พีทผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะจัดการถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกและส่งให้กับคนตรงหน้าไป หญิงสาวรับมันมาด้วยความแปลกใจพลางมองคนตัวโตเป็นเชิงคำถาม เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอะไรถึงได้ให้เสื้อคลุมมาแบบนี้
“คะ?”
“เอาไปคลุม” เสียงเข้มเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป ทิ้งให้มีนายืนงงและมองตามแผ่นหลังเขาอยู่อย่างนั้นหลายนาที
รอยยิ้มหวานคลี่ออกมาเมื่อรับรู้การกระทำของคนตัวโต วงแขนเล็กกอดเสื้อคลุมตัวโคร่งของเขาเอาไว้แน่นอยู่ ๆ หัวใจดวงน้อยกลับรู้สึกพองโตขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“เป็นคนดีเหมือนกันนะเนี่ย เสื้อก็หอมชะมัดเลย”
พลันเมื่อได้เวลากลับเสียงไฟภายในร้านดับลงก่อนที่ผู้คนจะเริ่มทยอยออกจากร้าน หญิงสาวที่ตอนนี้สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่กว่าขนาดตัวเองกำลังนั่งมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนสนิทอย่างไม่รู้ตัว
“มีน กลับกันเถอะ”
ประโยคที่ไม่ได้รับคำตอบรับทำให้น้ำหันมามองเธออีกครั้งด้วยความแปลกใจก่อนที่จะเอ่ยมันอีกครั้ง
“กลับกันเถอะยัยมีน ฉันอยากกลับแล้ว”
เป็นเช่นตอนแรกมีนายังคงจ้องมองรุ่นพี่หนุ่มราวกับต้องมนต์คาถา มือเล็กเท้าคางพลางคลี่ยิ้มอ่อน ๆ จนทำให้เพื่อนสนิทมองไปตามระดับสายตาของเพื่อน
“ยัยมีน! ยัยเพื่อนโรคจิต!” น้ำตะโกนเสียงดังทำให้มีนาหลุดจากภวังค์รวมถึงพีทและกลุ่มเพื่อนที่หันมามองตามเสียงตะโกน
“ไอ้น้ำ! แกจะตะโกนทำไมเนี่ย!” มีนาถลึงตาใส่เพื่อนสนิทและรีบลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ หากไม่ถูกเรียกไว้คงได้มีเวลาเพ้อฝันคำนึงหาไปหลายฉากหลายตอนเป็นแน่
“ฉันเรียกแกหลายรอบแล้วยัยมีน ฉันเห็นนะว่าแกกำลังมองพี่...อุ้บ!”
มีนาเบิกตากว้างและรีบตรงเข้าไปปิดปากเพื่อนสนิทเอาไว้อย่างรวดเร็วซึ่งการกระทำนั้นทำเอาอีกฝ่ายมองด้วยความแปลกใจและหัวเราะออกมา
“พวกน้องแม่งตลกดีว่ะ ไว้คราวหน้ามาตี้ด้วยกันอีกนะ”
“จัดไปอย่าให้เสียเลยพี่!” หญิงสาวตอบรับคำหนักแน่นโดยไม่มีท่าทีปฏิเสธ หากเป็นเรื่องเที่ยวแบบนี้เธอพร้อมแสตนบายทุกเมื่ออยู่แล้ว
“อื้อ! ไอ้อีน ไอ้เอื้อนอ้า! (ไอ้มีน ไอ้เพื่อนบ้า!)” มีนาปล่อยมือออกโดยไม่ลืมส่งสายตาคาดโทษใส่เพื่อนสนิท
“พวกน้องพักอยู่ไหนกัน แล้วกลับยังไงให้พี่ไปส่งไหม”
“เฮ้ย ๆ ไอ้เสือนั้นน้องครับห้ามเจ้าชู้ใส่”
“ไอ้เพื่อนเวร! กูไม่ได้จะจีบน้องเขา!” ชายหนุ่มส่ายหน้าพัลวันกับคำแซวหากคิดจะจีบจริง ๆ เขาคงเดินหน้าจีบไปตั้งแต่แรกที่เจอแล้ว
“มีนกับน้ำพักอยู่ในซอยมิราเคิลสิบเก้าค่ะส่วนเรื่องกลับก็คงเรียกแท็กซี่เอา”
“อยู่ซอยเดียวกับไอ้พีทเลย ให้เพื่อนพี่ไปส่งไหมจะได้ไม่เปลืองค่ารถ”
“น้องเขาไม่ได้กลัวเปลืองเงินแต่เขากลัวไอ้พีทมากกว่า”
“เงียบปากไป” พีทเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับส่งสายตาดุให้กับเพื่อนสนิทที่คุยกันแซวกันสนุกปาก
“โอ้โห นึกว่าไม่ได้เอาปากมาจากบ้านกูคิดว่ามึงเป็นใบ้ไปแล้วนะเนี่ย”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่น้ำกับมีนกลับเองดีกว่าทางใกล้ ๆ แค่นี้เอง”
“ทางแค่นี้ยิ่งต้องกลับด้วยกันนะน้อง ไม่เปลืองน้ำมันแถมยังช่วยลดโลกร้อนด้วยนะ” รุ่นพี่หนุ่มเอ่ยแทรกขึ้นเสริมทัพซึ่งทำให้มีนาและน้ำต่างมองหน้าเพื่อตัดสินใจ
“กูก็บอกอยู่ว่าน้องเขากลัวไอ้พีท พูดง่าย ๆ ก็คือรังเกียจนั่นแหละ”
“ไม่ใช่! ไม่ใช่นะคะ” เสียงเล็กสองคนประสานกัน เธอไม่ได้รังเกียจหรือกลัวอีกฝ่ายแต่อย่างใดเพียงแค่เกรงใจต่างหาก หนทางก็ไม่กี่กิโลเมตรนั่งรถแท็กซี่ไม่นานก็ถึงแล้วยิ่งเจอความเย็นชายิ่งทำให้ไม่กล้าย่างกรายเข้าไปใกล้กว่าสองเมตรด้วยซ้ำ
“ถ้างั้นก็กลับด้วยกัน” พีทเอ่ยก่อนจะเดินนำไปที่รถยนต์คันหรูของตัวเองที่จอดไว้อยู่ด้านหลังร้าน
“รีบตามไปเร็วน้อง ไม่ต้องกลัวมันหรอกถึงเพื่อนพี่มันจะหน้าโหดแต่นิสัยมันก็โคตรโหด”
“ไอ้เวรทำให้น้องขวัญเสียหมด ไปเร็วน้องเพื่อนพี่ไม่กัดมันฉีดยาแล้ว”
“เอ่อ...ค่ะ มีนกับน้ำขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” หญิงสาวทั้งสองคนโค้งศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะรีบวิ่งตามชายหนุ่มไปในที่สุด
ขาเล็กก้าวฉับ ๆ ไปยังรถยนต์คันหรูที่ตอนนี้สตาร์ทเครื่องไว้รอแล้ว มีนาดันเพื่อนสนิทให้เดินไปยังฝั่งข้างคนขับและตัวเองก็ขึ้นไปประจำที่เบาะด้านหลังแทน
จากเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเองก็ไม่ได้เลวร้ายแถมยังเป็นคนดีอีกต่างหากจนทำให้เธอเผลอมองหน้าเขาแล้วคิดไปเพ้อฝันโดยไม่รู้ตัว
‘หยุดเลยนะยัยมีน ถึงเขาจะหล่อแต่ยังไงแกก็ห้ามหวั่นไหว!’ มีนาบ่นกับตัวเองที่ตอนนี้กำลังเผลอไผลในความรู้สึก
“เธอพักแถวไหน” พีทเอ่ยถามขณะที่รถยนต์กำลังขับเคลื่อนไปตามทาง
“น้ำพักอยู่หอเอสเจค่ะเลี้ยวเข้าซอยนิดเดียวก็ถึงแล้ว ส่วนยัยมีนพักอยู่คอนโดพีเอ็มเลยเข้าไปอีกหน่อยค่ะ”
“งั้นฉันต้องส่งเธอก่อน” คนตัวโตบอกทั้งที่สายตายังคงจดจ้องกับทางตรงหน้าด้วยความเรียบนิ่ง
“ไม่เป็นค่ะเดี๋ยวมีนลงพร้อมน้ำเลย เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว” หญิงสาวออกปากทันทีเพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้ ความจริงที่พักของเธอและน้ำอยู่ห่างกันไม่ไกลเดินไปเพียงไม่กี่นาทีก็ถึง
พีทไม่ได้เอ่ยอะไรเขายังคงขับไปตามทางจนกระทั่งมาถึงจุดหมาย หญิงสาวทั้งสองคนเอ่ยขอบคุณอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณพี่พีทมากนะคะที่มาส่ง” น้ำเอ่ยและปลดเข็มขัดตัวเองก่อนจะเดินลงจากรถซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับมีนาที่คืนเสื้อคลุมให้กับคนตัวโตและหันกลับไปเปิดประตูรถ
แต่ทว่า...
คนตัวโตกระชากเกียร์ทำให้ร่างบางชิดติดกับเบาะหนังราคาแพง รถยนต์คันขับแล่นไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจคนที่อยู่เบาะหลังเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้ย! พี่! มีนยังไม่ได้ลงเลย!” หญิงสาวตะโกนเสียงดังพร้อมทำหน้าตื่นตระหนกแต่เจ้าตัวกลับไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใดยังคงจดจ้องกับทางตรงหน้าอยู่อย่างนั้น
“พี่พีท! พี่ได้ยินมีนไหม พี่จะขับไปไหน!” มีนาเอ่ยอีกครั้งพลางมองไปยังทางรอบ ๆ ก็พบว่าเป็นทางเข้าคอนโดฯ ของเธอเอง คนตัวเล็กขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจและตกใจไปพร้อม ๆ กัน ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะเล่นอะไรถึงได้ทำให้เธอขวัญกระเจิงแบบนี้
“ก็อยู่คอนโดฯ นี้ไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยขณะที่กำลังจอดรถยนต์ยังพื้นที่ส่วนตัว
ใบหน้าหวานหันมองคนตัวโตที่ยังทำหน้าที่ไม่สนใจเรื่องราว ตอนแรกก็กลัวเป็นไก่ตื่นถึงจะเป็นรุ่นพี่แต่ก็กลัวว่าจะพาไปฆ่าหมกป่าเหมือนในข่าว
“พี่เล่นอะไรเนี่ย มีนตกใจนะ!”
“ไม่ได้เล่น”
“ก็มีนบอกแล้วไงว่าจะลงพร้อมน้ำแล้วจะเดินเข้ามาเองไม่ให้ต้องมาส่งถึงในนี้เลย พี่คิดจะแกล้งมีนใช่ไหม” มีนาตอบกลับไปทันควันอย่างนึกหงุดหงิด คิดเป็นอื่นไม่ได้เลยว่าเขาคงอยากกลั่นแกล้งเธอให้กลัวเช่นนี้
“อย่าหลงตัวเอง ฉันก็อยู่คอนโดฯนี้” พีทหันมองคนตัวเล็กก่อนจะถอนหายใจออกมาหนัก ๆ แต่ไม่อยากพูดให้มากความแต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะฟูมฟายแบบนี้
“ฮะ!?”
“ลง” ชายหนุ่มย้ำคำก่อนจะเดินลงจากรถส่วนหญิงสาวที่ตอนนี้สติกำลังเตลิดหายก็สะดุ้งตื่นตัวและรีบลงไปตาม ๆ กัน
“พี่อยู่ที่นี่เหรอคะ” คนตัวเล็กรีบวิ่งมาจับแขนแกร่งก่อนจะก่อนจะเอ่ยถามและมองอย่างเอาคำตอบ
“หูตึง?”
“บังเอิญชะมัดเลย” มีนาบ่นพึมพำกับตัวเองไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะอยู่คอนโดฯ เดียวกันกับเธอด้วย
“ปล่อย” เสียงเข้มและสายตาดุของเขาทำให้มือเล็กต้องรีบปล่อยทันควัน ขืนเผลอทำอะไรพลาดไปมีหวังคงโดนฆ่าหมกป่าอย่างที่มโนไว้ตอนแรกแน่
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ แล้วก็ขอบคุณที่ให้ยืมเสื้อคลุมด้วยค่ะ” มีนาตะโกนไล่หลังไปเสียงดังเมื่อคนตัวโตเดินออกไป
เสียงหัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำจนมือเล็กต้องทาบไว้ที่อก จากที่คิดว่าเขานิสัยแย่เป็นรุ่นพี่ที่ไม่น่าคบหาแต่ในวันนี้กลับทำให้ความรู้สึกเธอเปลี่ยนไป
“พี่เองใจดีเหมือนกันนะเนี่ย แต่ขี้เก๊กไปหน่อย”
