บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 อย่าหาว่าไม่เตือน (1)

บทที่ 2

อย่าหาว่าไม่เตือน (1)

MD NIGHT

ภายในคลับหรูใจกลางเมืองที่มีเสียงเพลงบีทหนักและแสงไฟสลัวสาดส่องคอยขับกล่อมให้ทุกคนลุกขึ้นเต้นกันอย่างสนุกสนานรวมถึงหญิงสาวและเพื่อนอีกหนึ่งคนที่ตอนนี้กำลังอยู่ที่โต๊ะชั้นล่างซึ่งเป็นที่สนใจกับหนุ่ม ๆ รอบข้างเป็นอย่างมาก

“โต๊ะนั้นเขามองฉันด้วยแหละ”

“จ้ะ คุณน้ำคนสวย สวยที่สุด!” มีนากลอกตาไปมาเมื่อตั้งแต่มาถึงก็ได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทที่พูดไม่หยุดปากจนทำให้นึกหมั่นไส้เสียไม่ได้

“ดีใจอะที่วันนี้แกมาด้วย ปกติชวนทีไรก็ขี้เกียจตลอด”

“วันนี้เบื่อ ๆ อะแถมยังเจอรุ่นพี่ขี้เก๊กอีก” ว่าแล้วก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในช่วงบ่าย

“เออดีอยากให้เจอบ่อย ๆ แกจะได้ออกมาตี้กับฉัน”

“แล้ววันนี้แกไม่มีฝึกเหรอถึงชวนออกมาตี้ได้เนี่ย” มีนาถามถึงเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังเรียนพยาบาลปีสองถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีเวลาว่างแต่ก็ชอบออกมาเที่ยวอยู่บ่อย ๆ

มีนาอายุยี่สิบปีเดิมทีเรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ก่อนจะซิ่วมาเรียนบริหารธุรกิจเนื่องจากถูกกดดันกับทางครอบครัวที่อยากให้เรียนสายนี้มากกว่าเพราะมีธุรกิจร้านเครื่องเพชรที่ต้องกลับไปบริหารหลังเรียนจบในเมื่อทนกับความกดดันไม่ได้เธอจึงต้องเลือกทำตามที่ครอบครัวบอกก็คือการซิ่วมาเรียนปีหนึ่งใหม่ในคณะบริหารธุรกิจ

“ให้ฉันได้พักบ้างเถอะเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” หญิงสาวพยักหน้ารับเพราะรู้ดีว่าการฝึกพยาบาลช่วงนี้หนักหนามากแค่ไหน

“เออก็จริงเรียนหนักเวอร์”

“แล้วที่สำคัญนะยัยมีน คืนวันเสาร์เราจะนอนเหงาได้ไง”

“อะจ้า” หญิงสาวลากเสียงยาวและมองเพื่อนสนิท สายตาหวานหันมองไปยังรอบ ๆ ภายในร้านที่ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากเนื่องจากเป็นคืนวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดที่ใครหลาย ๆ คนเฝ้ารอมากที่สุด

ทั้งสองคนสั่งเครื่องดื่มและสังสรรค์กันไปอย่างสนุกสนานและลุกขึ้นเต้นไปตามเสียงเพลงถึงแม้ว่าจะมากันเพียงสองคนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกลดน้อยลงไปเลยเพราะทั้งคู่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวแซบที่ชื่นชอบการเที่ยวเป็นที่สุด

เรียกได้ว่าเป็นคนเทา ๆ วัดก็เข้า เหล้าก็กิน!

“ปวดฉี่ว่ะ” หลังจากที่ดื่มและออกสเต็ปจนเริ่มเหนื่อยทั้งสองก็นั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเองพลางหยิบแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่ม

“เออฉันก็ปวด”

สองสาวเดินลุกจากโต๊ะตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของที่นั่งตัวเอง ระหว่างทางมีผู้คนมากมายเต็มไปหมดทำให้กว่าจะเดินมาถึงก็เล่นหอบเพราะกว่าจะฝ่าฝูงคนที่กำลังสนุกสนานกับเสียงเพลงมาได้

แต่ทว่า...

มีนาหยุดชะงักฝีเท้าเมื่อมีร่างสูงของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางเธอและน้ำเอาไว้ ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจเพราะเธอเองก็ไม่รู้จักอีกฝ่ายเช่นกัน

“ขอโทษนะครับ”

ทั้งมีนาและน้ำต่างมองหน้ากันด้วยความแปลกใจเพราะเธอมั่นใจว่าไม่รู้จักผู้ชายตรงหน้าแน่นอน

“ผมอยากจะขอเบอร์คุณได้ไหมครับ”

“คะ?”

“ผมเห็นว่าคุณน่ารักดีก็เลย...”

“ฉันมีแฟนแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” มีนารีบตัดบทสนทนาอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะจูงมือเพื่อนสนิทเดินผ่านชายตรงหน้าไปทันทีโดยไม่คิดจะหันมองกลับไปเลยแม้แต่น้อย

“นี่ยัยมีน แกใจร้ายกับเขาเกินไปหรือเปล่า” เมื่อเดินมาถึงห้องน้ำเพื่อนสนิทอย่างน้ำก็โพล่งขึ้น ชายคนนั้นหน้าตาก็ไม่ได้แย่ค่อนข้างไปทางหล่อเลยด้วยซ้ำแล้วอีกอย่างเพื่อนของเธอก็ไม่ได้มีแฟนอย่างที่อ้างไปไม่รู้ทำไมถึงไม่คิดจะเปิดใจคบใครสักที

“ใจร้ายตรงไหน”

“ก็แกปฏิเสธเขาแบบไม่ใยดี แฟนก็ไม่มียังโกหกเขาอีก”

“ก็ฉันไม่ชอบ” มีนาตอบออกไปตามตรง ถึงเธอจะเป็นสาวโสดแต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเหงาหรือลำบากอะไรหนำซ้ำยังรู้สึกดีมากกว่ามีแฟนเสียอีก

“แกนี่จริง ๆ เลยนะยัยมีน”

“โอ๊ยพอเลย รีบไปเข้าห้องน้ำเลย” มีนาเดินเลี่ยงเข้าไปด้านในห้องน้ำขืนอยู่ต่อมีหวังโดนเพื่อนตัวแสบเป่าหูให้มีแฟนไม่หยุดแน่

เมื่อจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยทั้งสองคนก็เดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเองเนื่องจากช่วงนี้ก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้วเพลงภายในร้านรวมถึงแสงไฟก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจังหวะอีดีเอ็มซึ่งนับว่าเป็นที่โปรดปราณสำหรับสาวนักเที่ยวอย่างทั้งสองคนเป็นที่สุด

“อ้าวเฮ้ยนั่นน้องปากแจ๋วนี่หว่า” แต่ทว่าไม่ทันที่เธอจะเดินกลับไปถึงที่โต๊ะของตัวเองกลับถูกเสียงเรียกของคนกลุ่มหนึ่งเรียกไว้เสียก่อน

มีนาและน้ำหันไปมองยังต้นเสียงก็พบว่าชายกลุ่มนั้นคือรุ่นพี่ที่เธอเจอในงานรับน้องเมื่อวานและที่สำคัญมีไอ้รุ่นพี่ขี้เก๊กที่เธอมีปัญหาอยู่ในโต๊ะนั้นด้วย!

“อะไรเนี่ยน้องอายุถึงแล้วเหรอถึงได้มาเที่ยวที่นี่ได้”

“ใครเหรอมีน” น้ำกระซิบข้างหูเพื่อนสนิทเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพูดคุยกับมีนาราวกับว่ารู้จักกัน

“รุ่นพี่ที่คณะอะ” หญิงสาวตอบอย่างไม่ใส่ใจนักพลางกลอกตาไปมา เพียงแค่เห็นหน้าของรุ่นพี่คนนั้นก็ทำให้เธอนึกหงุดหงิดขึ้นมาพลันจนนึกถึงเหตุการณ์ช่วงบ่ายที่เธอต่อฝีปากกับอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ

“เป็นเด็กไม่ควรมาเที่ยวที่แบบนี้นะน้อง”

“โอ๊ยพี่ มีนอายุยี่สิบแล้ว”

“ปีหนึ่งทำไมอายุยี่สิบ”

“มีนซิ่วมา ถ้าเทียบแล้วตอนนี้มีนอยู่ปีสอง”

“อ๋อ...ที่แท้ก็ซิ่วมานี่เอง”

“แล้วนี่มากันสองคนเหรอ นั่งโต๊ะไหนกันล่ะ” รุ่นพี่อีกคนถามขึ้นเมื่อเห็นว่ามีเพียงผู้หญิงสองคนเท่านั้น

“สองคนนี่แหละพี่ นั่งโต๊ะโน้นใกล้ ๆ กับเวที”

“เหอะ”

เสียงเข้มเค้นหัวเราะในลำคอก่อนจะกอดอกมองไปทางอื่นทำให้หญิงสาวมองตาแข็งใส่ตัวเจ้าอย่างไม่พอใจ เธออุตส่าห์ไม่สนใจแล้วยังจะส่งเสียงให้เธอหงุดหงิดขึ้นมาอีก

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามและมองไปยังคนตัวโตอย่างไม่พอใจ หากมีอะไรก็ควรพูดออกมาตรง ๆ ดีกว่ามาทำตัวให้เธอรำคาญใจเช่นนี้

“ไอ้พีทมึงอยู่เฉย ๆ” เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างกายเป็นต้องกระทุ้งแขนเตือนชายหนุ่มเพราะยังจดจำเหตุการณ์ที่ทั้งสองคนมีปากเสียงกันที่มหาวิทยาลัยได้เป็นอย่างดี

“กูยังไม่ได้ทำไรเลย” ชายหนุ่มยักไหล่มองเพื่อนสนิทด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel