บท
ตั้งค่า

BAD WEDDING - วิวาห์พารัก | 3

“เรามายกเลิกงานแต่งกันไหม” ฉันพูดขึ้นพร้อมมองคนตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา

คุณแม่เล่าให้ฟังว่าเขาชื่อพี่ติณณ์และฉันต้องแต่งงานกับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันจึงเป็นเหตุให้ฉันต้องกลุ้มใจอยู่แบบนี้เพราะฉันอายุแค่สิบแปดปีและกำลังจะถูกจับแต่งงาน

“ฉันขัดแม่ไม่ได้ แล้วเธอล่ะขัดแม่ได้หรือเปล่า” เขาตอบกลับมาทันที

“หนูก็ขัดไม่ได้เหมือนกัน” ฉันตอบกลับไปนั่นทำให้เราสองคนต้องถอนหายใจออกมาพร้อมกันเลยทีเดียว

“ถ้าทั้งเธอและฉันก็ต่างขัดแม่ไม่ได้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่งานแต่งจะถูกยกเลิก” เขาพูดขึ้นโดยไม่หันมองหน้าของฉัน มือหนาก้มกดโทรศัพท์อย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

“พูดเหมือนอยากแต่ง” ฉันพูดขึ้นทันทีเพราะประโยคที่เขาพูดว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่งานแต่งจะถูกยกเลิก มันกลับทำให้ฉันเข้าใจว่าเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการแต่งงานในครั้งนี้

“เธอไม่ใช่สเปคของฉันด้วยซ้ำ ฉันชอบผู้หญิงแซ่บๆ ไม่ใช่โก๊ะๆแบบเธอ” คำพูดของเขาทำฉันโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยฉันก็ไม่ใช่สเปคของเขา ต่อให้แต่งกันไปเขาก็คงไม่พิศวาสในตัวฉัน

“ก็ดีแล้วค่ะแต่ไม่มีอะไรที่จะทำให้งานแต่งต้องยกเลิกได้เลยหรอ” ฉันถามกลับอีกครั้งเพราะฉันไม่อยากแต่ง ฉันกลับมาจากเมืองนอกเพราะอยากมาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่นี่ ไม่อยากใช้ชีวิตคนเดียวห่างพ่อห่างแม่แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าฉันกลับมาเพื่อแต่งงาน

“ไม่มี” เขาตอบกลับอีกครั้ง

“งั้นเรามาทำข้อตกลงกันดีไหมพี่ติณณ์” ฉันพูดขึ้นทันที

ในเมื่อมันยกเลิกไม่ได้ ฉันกับเขาก็ควรจะคุยกันให้รู้เรื่องในข้อตกลงระหว่างเราสองคน

“ข้อตกลงอะไร” คนตรงหน้ากดปิดหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับหันหน้ามองฉัน

“อีกหน่อยเราก็ต้องแต่งงานกัน หนูว่าเราควรมีข้อตกลงกัน” ฉันตอบกลับไปเพราะยังไงตอนนี้ฉันและเขาก็ถูกจับให้อยู่ด้วยกัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องนั่งเงียบใส่กัน

“ฉันคิดว่าเธออยากแต่งเสียอีก” เขาพูดขึ้นอีกครั้งทำฉันต้องรีบหันหน้าไปมองเขาซึ่งเขาก็มองฉันอยู่แล้ว จังหวะนี้มันทำให้เราสองคนสบตากันโดยบังเอิญ

“เพราะอะไรถึงคิดแบบนี้คะ”

“ก็เธอดูมีความพยายามเข้าหาฉัน อยากทำนู่นทำนี่”

“พี่ไม่รู้หรอว่าถ้าแต่งงานกันไปแล้ว หนูต้องย้ายไปอยู่กับพี่ การที่หนูต้องเอาตัวเองไปอยู่กับพี่อย่างเลือกไม่ได้ มันก็ควรมีข้อตกลงร่วมกัน” ฉันพูดขึ้นอย่างยาวเหยียดและอธิบายในสิ่งต่างๆให้เขาเข้าใจ ก่อนที่เขาจะคิดว่าฉันอยากแต่งงานกับเขา ไม่สิ ! เขาคิดไปแล้วด้วยซ้ำ

“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่พิศวาสอะไรเธอหรอก ไม่ใช่สเปคยังไงก็ไม่ใช่สเปค” เขาพูดขึ้นอีกครั้งซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่มีแม่บ้านออกมาตามเราทั้งคู่เข้าไปทานข้าว

“วันนี้ไหนๆก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วเรามาคุยเรื่องงานแต่งดีกว่า” คุณป้ามณีแม่ของพี่ติณณ์พูดขึ้นหลังจากที่พวกเราทานอาหารเย็นเสร็จ

“ทางน้องก็ได้ฤกษ์แล้วค่ะคุณพี่” ตามต่อด้วยคุณแม่ของฉันที่พูดขึ้นพร้อมหยิบกระดาษใบเล็กๆขึ้นมา

“น้องไปให้หลวงพ่อวัดดังดูฤกษ์ให้เลยนะคะ” คุณแม่ของฉันพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมส่งกระดาษใบเล็กให้คุณป้ามณี

“อีกสามเดือนเป็นช่วงที่พี่ติณณ์เรียนจบพอดีเลย ส่วนหนูไอรินก็สามารถทำเรื่องเข้ามหาลัยได้แล้ว ฤกษ์ดีมากเลยนะ” คุณป้ามณีที่ดูฤกษ์ในกระดาษก็พูดขึ้นทันที

“แสดงว่าอีกสามเดือนงานแต่งจะถูกจัดขึ้นใช่ไหมครับ” พี่ติณณ์ที่นั่งอยู่ข้างฉันถามขึ้น

“ใช่แล้วพี่ติณณ์ อีกสามเดือนลูก” คุณป้ามณีตอบกลับลูกชาย

“งั้นในระหว่างนี้ก่อนถึงงานแต่ง แม่ว่าพี่ติณณ์เอาหนูไอรินไปอยู่ด้วยที่คอนโดน่าจะดีนะ เดี๋ยวแต่งไปก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว” คุณป้ามณีพูดขึ้นอีกครั้ง นั่นทำให้ฉันเกิดความไม่สบายใจขึ้นเพราะฉันไม่ได้เตรียมใจที่จะไปอยู่กับเขาในตอนนี้

“แม่อย่าพึ่งตัดสินใจเองแบบนี้ ถามคุณป้าจันทร์เพ็ญก่อนดีไหม ลูกสาวเขาจะให้เอาไปง่ายๆแบบนี้ไม่ดีนะ” ฉันรู้ดีว่าที่เขาพูดไม่ใช่การแสดงออกถึงความเป็นสุภาพบุรุษหรืออะไรแต่เขาแค่ไม่อยากให้ฉันไปอยู่ด้วยเพียงเท่านั้น

“คุณน้องว่ายังไงคะ ให้อยู่ด้วยกันก่อนหรืออยู่หลังแต่ง” คุณป้ามณีหันหน้ามาถามคุณแม่ของฉัน ฉันเองรู้คำตอบดีว่าคุณแม่ก็อยากให้ลูกสาวคนเดียวอย่างฉันอยู่บ้านกับท่านอยู่แล้ว เรื่องอะไรจะให้ไปอยู่กับคนอื่นล่ะ ยิ่งฉันพึ่งกลับมาด้วยความคิดถึงก็ต้องมีมาก

“อยู่ก่อนแต่งก็ดีนะคะ มีอะไรจะได้ปรับกันไป” ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ฉันหน้าถอดสีทันทีเมื่อคุณแม่เริ่มเห็นด้วยกับคุณป้ามณี

“แล้วพี่ติณณ์ว่ายังไงบ้างลูก ถ้าให้หนูไอรินไปอยู่ด้วย” คุณป้ามณีถามขึ้นอีกครั้งเหมือนต้องการความคิดเห็น

“ผมก็ขัดแม่ไม่ได้อยู่แล้วไหมล่ะ” คนข้างๆฉันตอบกลับไปทันที

“แล้วไอรินล่ะลูก โอเคใช่ไหม” คราวนี้เป็นคุณแม่ที่หันมาถามฉันแทน

เหอะ คิดว่าจะไม่ถามกันเสียแล้ว คิดว่าจะคิดเองเออเองกันไปหมด

“ไม่ค่ะ หนูไม่อยากไปอยู่กับพี่ติณณ์” ฉันตอบตามความต้องการของฉันทันที

ฉันมีเวลาอีกสามเดือน ฉันควรได้ใช้ชีวิตอิสระ ไม่ใช่ถูกมัดมือชกให้ไปอยู่กับเขา

“ผู้ใหญ่เขาเห็นพร้อมตรงกัน พี่ติณณ์เขาก็ไม่ขัดข้อง ไอรินจะขัดทำไมลูก” คุณแม่พูดขึ้นต่อ นั่นทำให้ฉันต้องหันหน้าไปมองคนเป็นพ่อเพื่อขอความช่วยเหลือ

“ลูกคงอยากใช้ชีวิตอิสระก่อนแหละคุณ” คราวนี้คุณพ่อของฉันพูดขึ้นซึ่งคุณพ่อรู้ใจฉันที่สุด

“อยู่กับพี่ติณณ์ หนูไอรินก็มีอิสระเต็มที่นะลูก ป้าว่าอยู่ด้วยกันไปเลยน่าจะดี หนูไอรินเองก็พึ่งกลับมาไทยได้ไม่นาน ไม่รู้ทางไปไหนมาไหน อยู่กับพี่ติณณ์ก็คงจะดีนะ” คุณป้ามณีพูดขึ้นอย่างยาวเหยียดทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เพราะไม่รู้จะตอบกลับไปยังไงดี

“แบบนั้นหนูยิ่งเกรงใจเลยค่ะคุณป้า” ฉันตอบกลับอีกครั้งเมื่อคิดคำพูดดีๆได้

“เกรงใจอะไรกัน ไม่ต้องเกรงใจจริงไหมพี่ติณณ์” คุณป้ามณีหันไปพูดกับลูกชายอย่างไพเราะแต่สายตากลับเป็นการบังคับชัดๆ

“อือ ไม่ต้องเกรงใจ” ฉันเชื่อแล้วจริงๆว่าพี่ติณณ์ขัดแม่ไม่ได้

“คราวนี้สบายใจแล้วนะหนูไอริน” เป็นคุณลุงกำพลพ่อของพี่ติณณ์พูดขึ้น

“สบายใจแล้วค่ะ” ฉันจึงตอบกลับอย่างเลี่ยงไม่ได้

“แล้วหนูต้องย้ายไปอยู่กับพี่ติณณ์วันไหนคะ”

“วันนี้เลยไหมหนูไอริน / วันนี้เลยลูก”

“วะ…วันนี้หรอคะ !”

❤️

ทีมผู้ใหญ่ทำงานดีมาก เจอกันวันเดียว

ลูกสาวฉันต้องย้ายไปอยู่กับอิพี่แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel