อมิตา
อมิตา เลิศพิทักษ์สินธุ์ หญิงสาวที่พร้อมไปด้วย รูป ทรัพย์ สมบัติ เพราะมีพ่อเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และแม่เป็นเจ้าของบริษัทนำเข้ากระเป๋าแบรนด์ดัง เธอเป็นผู้หญิงที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะปล่อยให้สิ่งที่ต้องการหลุดมือไป ยกเว้นหัวใจของเขา ที่ไม่ว่าเธอจะพยายามเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถเป็นเจ้าของหัวใจดวงนั้นได้
ภิภพ พรดำรงค์ อดีตเลขาคนเก่งของศิวะ ที่ตอนนี้เข้ารับตำแหน่งเป็นประธานบริษัทเต็มตัว แทนศิวะที่ผันตัวไปช่วยธุรกิจของที่บ้าน ผู้ชายที่เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้หัวใจของเขามาตลอดสองปี จนเมื่อสี่เดือนก่อน ความพยายามของเธอก็สิ้นสุดลง เมื่อเขาพบคนที่หัวใจเขาต้องการ
'เฮียคุยกับใครอะ ทำไมต้องยิ้มขนาดนั้นด้วย'
เจ้าของใบหน้าเรียวสวย ผมสีชมพูยาวสวยม้วนลอนนิดๆดูโดดเด่น แต่ก็เด่นไม่เท่าความคมเข้มของคิ้วและดวงตาสีเทาอมฟ้าแบบสาวลูกครึ่ง เดินมาพูดกับผู้ชายที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ปลายเตียง พยายามชโงกหน้าไปมองจอโทรศัพท์ที่ถูกเจ้าของมันคว่ำหน้าลง เพื่อปิดบังทุกอย่างไว้ไม่ให้เธอเห็น
เฮียบ้า! เพิ่งเอากันเสร็จแล้วเมินกันขนาดนี้เลยเหรอ แล้วคุยกับใครทำไมต้องยิ้มอ่อนโยนแบบนั้นด้วย
'ถามไม่ตอบ เอามานี่เลย'
มือเล็กพยามแย่งโทรศัพท์ออกมือคนที่นั่งยิ้มไม่สนใจเธอ แต่ถูกดึงกลับทันทีทั้งยังถูกปัดมือออกอย่างแรง จนรู้สึกแสบนิดๆบริเวณหลังมือ แต่ก็ต้องทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
'อย่าให้ความอดทนฉันหมดนะมิว ฉันยอมเธอมามากพอแล้วนะ'
'เฮียก็ต้องยอมหนูอยู่แล้วป่ะ ก็หนูเป็นเมียเฮีย' คนตัวเล็กกว่าพยายามยิ้มสู้ แม้ในใจจะรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดเย็นชาของเขาก็ตาม เธอเองก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่ก็อยากพยายามให้ถึงที่สุด
'ก็แค่มีเซ็กส์ตามความต้องการของเธอ ฉันไม่อยากเรียกเธอว่าเมียหรอกนะ ผู้หญิงดีๆที่ไหนเขาบังคับให้ผู้ชายมีอะไรกับตัวเองบ้าง’
'แต่เฮียได้มิวแล้วหรือเปล่า มันก็ต้องเรียกแบบนั้นไง แล้วที่มิวทำแบบนั้น เพราะอีกหน่อยเราก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้วอ่ะ' รอยยิ้มหวานถูกเธอนำมาใช้ ไม่ใช่เพื่อให้เขาหายโกรธ แต่เพื่อซ่อนความเสียใจของตัวเอง อย่างทุกทีที่โดนเขาพูดแบบนี้ใส่
'ที่ฉันยอมเธอ เธอก็รู้ดีว่าเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้ยานั่น เธอคิดเหรอ ว่าคนแบบเธอฉันจะเอาลง ถ้าฉันมีสติดี ต่อให้เธอแก้ผ้าต่อ หน้าฉันยังเอาไม่ลงเลย'
ภิภพลงจากเตียงไปหยิบแว่นมาสวม ไม่สนใจว่าคำพูดนั้นจะทำร้ายเธอมากน้อยแค่ไหน เพราะเขาทำแบบนี้มาตลอด พูดแบบนี้กับเธอมาตลอด ย้ำกับเธอทุกครั้งว่าเขาไม่เคยอยากมีอะไรกับเธอ ไม่เคยอยากเป็นผัว และไม่เคยอยากได้ผู้หญิงแบบเธอมาเป็นเมียด้วย เขามีคนที่เขารัก เธอเองก็รู้ แต่ก็ยังวางแผนต่างๆนานารักษาความสัมพันธ์อันน่าสะอิดสะเอียนนี้ไว้ ไม่ยอมให้เขาเป็นอิสระสักที
'แต่ก็เอาไปแล้วนี่ เอามาตลอดสองปี ทำไมพูดหมาๆแบบนี้วะ' มือเล็กตรงเข้าไปทุบอกคนใจร้ายด้วยแรงทั้งหมดที่มี ไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำ จะทำให้มือเธอเจ็บมากกว่าจะทำให้เขาเจ็บ เธอขอแค่ได้ระบายความเสียใจที่มีออกมาให้เขารู้บ้าง ให้เขารู้ว่าเธอเองก็เจ็บเป็น
'หมาเหรอมิว เธอมากกว่ามั้ง ถ้าเธอไม่วางแผนขู่ฉันด้วยเรื่องนี้ รวมทั้งเรื่องของศิวะด้วย ถ้าไม่มีเธอ ป่านนี้ฉันคงได้แต่งงานกับคนที่ฉันรักไปแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเริ่มต้นกันตอนที่ฉันเกือบจะเสียเธอไปแบบนี้'
ภิภพผลักอมิตาที่อยู่ตรงหน้าจนล้มลงกับพื้น ถ้าเขาช้าไปกว่านี้ก้าวเดียว คนที่เขารักคงแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว และเขาก็คงตกอยู่ในขุมนรกที่ยัยปีศาจนี่ขุดไปตลอดชีวิต แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาคว้าคนที่เขารักมาไว้ข้างกายได้แล้ว ที่เหลือก็แค่เขี่ยเธอทิ้งเท่านั้น
'คนที่คุณคุยอยู่ตอนนี้คือกัลยาใช่ไหม?’
น้ำเสียงที่เจือความเสียใจไม่ได้ทำให้เธอได้คำตอบจากคนที่เธอรักเลย ใบหน้าภายใต้แว่นสายตา มองด้วยความเฉยชาและไม่พอใจที่เธอเอ่ยชื่อนั้นออกมาให้ได้ยิน
‘ฉันไม่อยากบอกเธอ และขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย’
ภิภพสวมนาฬิกาปิดทับรอยแดงที่ข้อมือไว้ เมื่อเสื้อที่สวมใส่อยู่ปิดรอยแดงที่เกิดจากเชือกไว้ไม่หมด เดินไปหยิบของๆตัวเองเท่าที่เอาติดตัวมาด้วย ก่อนจะหันกลับไปมองคนที่ทรุดนั่งอยู่บนพื้นพรมราคาแพง ด้วยแรงผลักของเขาเอง
สงสาร! แต่เธอทำตัวเองทั้งหมด
‘อืม ฉันก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน’ อมิตารวมรวมแรงทั้งหมด เดินไปเขียนเช็คมูลค่า10ล้าน ยื่นให้ผู้ชายตรงหน้า
‘ตามที่ตกลงไง ถ้าทนฉันได้ฉันจะจ่ายค่าตอบแทนให้ ในเมื่อสิ่งที่ฉันจะให้คุณไม่เอา ก็เอานี่ไปแทนแล้วกัน ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาที่เอาตัวมาเกลือกกลั้วกับคนแบบฉัน’
พรึ่บ! กระดาษใบเล็กร่วงหล่นลงกับพื้น ไม่มีใครสนใจจะเก็บมันขึ้นมา อมิตามองกระดาษนั่นก่อนจะยกยิ้ม พลางไหวไหล่เบาๆ
‘เลือกเองนะ เฮียเป็นคนบีบให้มิวทำแบบนี้เอง ต่อไปเฮียไม่ต้องมาให้มิวเจอ ไม่สิ! ต่อไปมิวจะไม่ไปให้เฮียเจออีกแล้ว’ อมิตาหันหลังหนีทันทีที่พูดจบ เพราะไม่สามารถกั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป
ไม่นานเสียงเปิด-ปิดประตูก็ดังขึ้น อมิตาได้แต่นั่งคดคู้ตัวเข้ากับเข่าทั้งสองข้าง ใช้มันซับน้ำตาที่ไหลรินไม่ขาดสายเพียงลำพัง ไม่มีแม้แต่หางตาที่จะมองมา ไม่มีความสงสารความเห็นใจให้เธอเลยสักนิด ทั้งๆที่เธอก็ทำเพื่อเขามากมายขนาดนั้น
ปัง!
เสียงทุบโต๊ะแรงๆเรียกสติคนที่นั่งเหม่ออยู่กับเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ได้เป็นอย่างดี ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยสีสันจัดจ้านเงยขึ้นมองคนที่บังอาจทำให้เธอตกใจ เมื่อเจอใบหน้าหล่อเหลาของนายแบบลูกครึ่งคนดังจากต่างประเทศ ริมฝีปากสีแดงสดก็คว่ำลง
“อยากตายรึไงห่ะ” สีหน้าท่าทางที่เหมือนจะฆ่ามดทั้งรังได้ ทำให้นายแบบหนุ่มอารมณ์ดี เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาสุดหรูในห้องทำงานของเธออย่างเคยตัว และไม่เกรงกลัวคำขู่ฆ่าของเธอเลยสักนิด
“ไปดื่มกันเถอะ” คามิลเหลือบมองใบหน้าสวยเฉี่ยวคมที่มีผมสีชมพูดัดลอนคลื่นห้อมล้อมไว้อย่างสนใจ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ร้องไห้ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วมองสำรวจร่างกายเธอต่อว่ามีอะไรเพิ่มเติมจากที่เคยมีหรือเปล่า เมื่อไม่มีอะไรผิดปกติ ก็กลับไปนั่งมองหน้าเธอต่อ
“อย่ามามองด้วยสายตาแบบนั้นนะ ขยะแขยง” อมิตาทำหน้ายี้ใส่นายแบบที่ถูกยกให้เป็นสามีแห่งชาติของใครหลายๆคน แต่ไม่ใช่สำหรับเธอไง ไอ้นี่มีดีแค่หล่อ ที่เหลือเลวล้วนๆ
“มันใช่คำพูดที่ควรพูดกับว่าที่แฟนไหม”
“เป็นให้ได้ก่อนเหอะ” อมิตาลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานเดินไปนั่งลงข้างๆคามิลทั้งยังกับพิงศรีษะเข้ากับไหล่คนที่สูงเกือบ190 เซนติเมตร อยู่กับไอ้นี่เธอสูงแค่ไหล่เอง แต่อยู่กับเฮียเธอดูสูงกว่านี้นิดหน่อย เวลานั่งอยู่แบบนี้จึงซุกหน้าเข้ากับซอกคอแล้วออกแรงดูดเม้มได้สบายๆ
“เปิดใจให้บ้างรึยังละ” คามิลจับผมสีชมพูขึ้นมาหอม เขากับเธอรู้จักกันมานาน จนไม่รู้ว่าเขาหลงรักเธอตั้งแต่ตอนไหน กว่าจะรู้ตัว หัวใจของเธอก็มีใครอยู่ในนั้นแล้ว และเธอก็ปิดประตูแน่นหนา แม้จะดึงเขามาสร้างข่าวเชิงชู้สาวด้วยก็ตาม
เขากำลังจีบเธอ แต่เธอไม่ให้ความหวังเลยสักนิด
“ใจคนนะไม่ใช่ประตู มันเปิดให้ใครง่ายๆไม่ได้หรอก ว่าแต่รับเป็นพรีเซนเตอร์ให้ได้ยัง”
“เธอเอาจริงเหรอมิว โปรโมท Sextoy ออกสื่อโครมๆเนี้ยนะ ถึงจะเป็นลูกรัฐมนตรีก็เพลาๆความบ้าลงหน่อยเถอะ ฉันจะขี้คร้านจะปวดหัวแทนพ่อเธอ” คามิลยกมือกุมขมับ ภาพลักษณ์เขาเสียหมดถ้ารับงานของยัยนี่
“โอ้ย ฉันก็ขี้คร้านจะเถียงกับไอ้ฝรั่งขี้นกนี่เหมือนกัน เลขาอยู่ไหนวะ มาลากมันออกไปดิ” อมิตาลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวชี้หน้าคนที่บังอาจสั่งสอนเธอ ฟังพ่อบ่นก็ปวดหัวพออยู่แล้ว ทำไมต้องมาฟังไอ้นี่บ่นด้วย มาทางไหนกลับไปทางนั้นเถอะพ่อคุณ
“มิวอะ เธอก็กลัวฉันอายคนบ้างดิ ฉันเป็นถึงนายแบบชื่อดังจากอังกฤษเลยนะ” คามิลจับมือเล็กมากุมไว้ ถูหน้าที่มือเล็กอย่างที่เคยทำตอนจะอ้อนเธอ
“ที่นี่ประเทศไทยเหอะ แล้วเป็นแมวรึไงถูอยู่ได้”มือเล็กรีบดึงออกจากการเกาะกุม เมื่อเลขาพรวดพราดเข้ามาในห้องหลังจากที่เธอตะโกนเรียกไปแล้วเกือบห้านาที ช้าแบบนี้ไล่ออกดีไหม
“พาคุณคามิลไปพักที่ห้องอื่นด้วย รบกวนการทำงาน หรือจะเตะออกไปจากบริษัทเลยยิ่งดี”
อมิตายิ้มหวานส่งให้คามิลที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อเธอเรียกเลขามาลากเขาออกไปจริงๆ แต่เธอรู้ดีว่าเขาแค่แสดงท่าทางแบบนั้นให้เลขาสงสารเท่านั้นแหละ และเขาเองรู้ดีว่าเธอไม่ได้ตั้งใจไล่ เพราะถ้าตั้งใจเธอจะเป็นคนเตะเขาออกไปเอง ไม่ต้องให้ถึงมือเลขาคนเก่งของเธอหรอก
