บทที่6
บทที่ 6
“ท่านพ่อ ข้าเข้าป่าไปเก็บสมุนไพรก่อนนะ”
“อย่าเพลินจนกลับค่ำนักล่ะ พอเริ่มโพล้เพล้ก็เก็บของกลับบ้านได้แล้ว หุบเขาแห่งนี้จะมีแค่พวกเรา แต่พอตะวันตกดินสัตว์ป่าก็ออกหากิน แม้เจ้าจะคุ้นชินป่าบริเวณนี้ แต่อย่างไรก็ยังอันตรายอยู่ดี”
“เจ้าค่ะ”
เหยาเหยาส่งเสียงตอบรับหนักแน่น สองมือคว้ามีดอันเล็กพร้อมด้วยตะกร้าเพื่อใส่สมุนไพรกลับ หวังว่าวันนี้คงเจอสมุนไพรดี ๆ เอาไว้ให้ท่านพ่อเอาไปขายที่หมู่บ้านด้านนอกหุบเขา แม้จะได้ราคาไม่สูงเท่าไปขายในเมืองหลวง แต่เหยาเหยาคิดว่าทำเช่นนี้ปลอดภัยสำหรับตัวนางและครอบครัวสกุลจางในยามนี้มากที่สุด
“เย็นนี้มีไก่ตุ๋น กลับช้าข้าจะเหลือแต่กระดูกไก่ไว้ให้เจ้า”
เสียงใส ๆ ตะโกนออกมากจากในครัว
“รู้แล้วน่า ข้าไม่กลับช้าแน่นอนวันนี้”
ที่ถูกกำชับถึงสองครา เหยาเหยากลับไม่ได้โกรธเคืองแม้แต่น้อย นางกลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ที่ยังมีคนที่ห่วงหาอาทรตน ถูกบิดาและพี่สาวกำชับขนาดนี้เพราะเมื่อวานระหว่างเดินกลับนางพบเข้ากับเห็ดกองใหญ่ จึงนั่งเก็บเพลิน หากทิ้งไว้พรุ่งนี้คงบานจนเอามาทำอะไรกินก็ไม่อร่อยเท่าตอนที่ดอกยังหุบอยู่
ข้ามีครอบครัวแล้วนะท่านแม่ ท่านพ่อจางหลงและเมาเมาดูแลข้าคนนี้เป็นอย่างดี ท่านไม่ต้องห่วงข้า และไม่ต้องห่วงว่าข้าจะหลงลืมความแค้นของพวกท่าน
เมาเมาเดินออกมาชะเง้อคอดูคุณหนูของตน แค่เห็นมุมปากเล็ก ๆ นั้นยกยิ้มเพียงครู่ นางก็มีความสุขแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านคิดว่าคุณหนูยังคงคิดที่จะแก้แค้นคนพวกนั้นอยู่หรือไม่”
ชายชราส่ายหน้า
เขาเองก็ตอบแทนนางไม่ได้ รุ่งสางเมื่อปีก่อน บุตรสาวที่ไปขายตัวเป็นบ่าวรับใช้ให้สกุลหมิ่งในเมืองหลวง กลับมาในสภาพดูไม่ได้ ข้างกายมีร่างสตรีผู้หนึ่งยืนโอนเอนจนแทบจะล้มกับพื้น
ปกติเมาเมาจะกลับมาเยี่ยมเขาทุกปีอยู่แล้ว จางหลงดีใจที่บุตรสาวได้เจ้านายดี แม้จะขายตัวเป็นบ่าวรับใช้ไปแล้วก็ยังกลับมาเยี่ยมครอบครัวได้ กลับมาแต่ละครั้งก็นำเงินเก็บมาให้ ขนเสื้อผ้าชุดใหม่และของแห้งที่เขาไม่เคยกินกลับมามากมาย
สตรีที่เมาเมาพากลับมาคือคุณหนูหมิ่ง จางหลงได้ฟังโศกนาฏกรรมของตระกูลหมิ่งแล้วก็เวทนา คุณหนูหมิ่งผู้นั้นคุกเข่าอ้อนวอนให้เขารับนางเป็นบุตรสาว
`ท่านลุง ข้ารู้ตัวดีว่าวันข้างหน้าอาจนำภัยมาสู่ท่านและเมาเมา แต่ข้าไม่มีที่ไปแล้วจริง ๆ เห็นเพียงท่านและเมาเมาเป็นที่พึ่งสุดท้าย
ได้โปรดรับข้าเป็นบุตรสาวอีกคนของท่านด้วยเถิด สุสานสกุลจางข้าจะกราบไหว้เทียบเท่าสุสานสกุลหมิ่ง`
หลังจากวันนั้นนางก็กลายมาเป็น เหยาเหยา บุตรสาวคนเล็กของเขาที่จากไปยังแต่ยังเด็ก
“ทางเดินของนางให้นางเป็นคนเลือกเอง ข้าและเจ้าตอบแทนบุญคุณคนสกุลหมิ่งได้เพียงเท่านี้”
จางหลงเอ่ยตอบบุตรสาวคนโต
“แต่ข้าไม่อยากให้คุณห.. เหยาเหยากลับไปมีแววตาเช่นนั้น ข้าสงสารนาง ตอนนี้นางเป็นแค่บุตรสาวสกุลจาง อาศัยในบ้านเล็กในป่าใหญ่ จะไปสู้คนที่จะกลายเป็นฮองเฮาได้เยี่ยงใด”
เมาเมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเรียกขานเหยาเหยาด้วยคำใดก็รีบเปลี่ยน นางเรียกหมิ่งหุ้ย แทนด้วยชื่อน้องสาวของตนเองที่ตายว่า เหยาเหยา แต่บางครั้งก็มีหลุดเรียกขานดั่งสมัยอยู่เมืองหลวง
“ลิขิตคนหรือจะสู้ลิขิตฟ้า ไม่มีผู้ใดล่วงรู้วันข้างหน้า”
จางหลงเดินกลับไปยังโต๊ะไม้เก่าที่เขาใช้ทำงานฝีมือแก้เบื่อ ชีวิตในป่าจะมีอะไร เข้าป่าหาของป่า ล่าสัตว์มาทำอาหาร เหลือก็นำไปขายที่หมู่บ้าน
แสงแดดอบอุ่น กลิ่นถุงหอมลอยมาตามสายลม หยางซวี่เหวินมองตามแสงแดดที่เล็ดลอดลงมาตามกิ่งไม้ ใบหน้านวลยามต้องแสงรำไรช่างตราตรึงใจยิ่งนัก ในป่าลึกเยี่ยงนี้มีสตรีด้วยงั้นหรือ มิใช่ว่านางคือเทพธิดาจำแลงกายลงมา ยิ่งเพ่งมอง สตรีนางนั้นยิ่งก้าวเดินเข้ามาใกล้เขาด้วยสายตาห่วงหา หรือที่เขาบาดเจ็บในวันนี้คือโชคชะตาที่ทำให้ได้พบกับนาง สายตาคมมองใบหน้านั้นด้วยแววตาหลงใหล ริมฝีปากจิ้มลิ้มเผยอเอ่ยคำใดออกมาหยางซวี่เหวินมิได้สนใจฟังแม้แต่น้อย รู้เพียงแค่ว่า ไม่ว่านางจะเคลื่อนไหวเยี่ยงไรก็น่ามองยิ่งนัก
หรือภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นเพียงเขาเพ้อฝันไปเองตามประสาจิตห้วงสุดท้ายของคนใกล้ตาย จะมีสตรีอยู่ในป่าลึกเพียงลำพังเช่นนี้ได้อย่างไร
เทพธิดา นางเป็นเทพธิดาอย่างแน่นอน
หยางซวี่เหวินมองใบหน้าสตรีที่คุกเข่าลงข้างเขา สองมือนุ่มนิ่มปัดป่ายสำรวจไปตามร่างกายของเขา กลิ่นหอมจากกายนางทำเอาเขาเคลิ้มจนคิดว่าตนเองนั้นอาการสาหัสใกล้ตาย แต่เป็นการตายที่มีความสุขเสียเหลือเกิน
หยางซวี่เหวินถูกลอบสังหารจากศัตรูอีกฝ่าย เพราะความเร่งรีบในการเดินทางอีกทั้งผ่านเขาลูกนี้ไปก็ถึงเมืองหลวงแล้วจึงไม่ได้ระวังตัวนัก
หลังจากหลบหนีเข้ามาในป่าลึก เขาคลาดกับองครักษ์ส่วนตัว เสียเลือดไปมากจนร่างกายทนพิษจากบาดแผลไม่ไหวทรุดตัวลงพักที่ใต้ร่มไม้ พอลืมตาตื่นมากลับพบภาพที่จะตราตรึงใจของอ๋องหนุ่มไปตลอดชีวิต จึงไม่ผิดนักที่เขานั้นจะคิดว่าตัวเองกำลังละเมอฝัน
