บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1-2

ร่างบางในชุดคลุมลายดอกกุหลาบสีหวาน ชะเง้อชะแง้มองไปทางประตูรั้วของบ้าน พร้อมกับมองนาฬิกาไปด้วยอย่างกังวล ป่านนี้แล้วหลานชายตัวดีของเธอก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าไปเหลวไหลที่ไหนกันนะ สุกัญญาคิดอย่างปลงๆ เกือบจะตีสามแล้วด้วย แต่ว่าอัคคีไม่เคยไปค้างคืนที่ไหนแม้แต่ครั้งเดียวในระยะหลังนี้ เพราะว่าผู้เป็นน้าร้องขอ ให้เขากลับมานอนที่บ้าน ตั้งแต่อัคคีทะเลาะกับสุวีร์มารดาแล้วไม่ยอมกลับบ้านเลยเกือบสามเดือน ทำให้เธอต้องไปตามหา ตามง้อหลานชายให้กลับมาที่บ้าน และคืนดีเสียกับสุวีร์ แม้จะเป็นการคืนดีแบบเสียไม่ได้เพราะเห็นแก่เธอ แต่สุกัญญาก็ดีใจนัก ที่หลานชายให้คำมั่นว่าต่อไปนี้เขาจะไม่ไปนอนค้างที่อื่น ทำให้เธอกลัดกลุ้มและเป็นห่วงอีก

“ไปไหนอีกนะ ตาอาร์ต เฮ้อ...”

สุกัญญาบ่นกับตัวเอง แล้วนั่งเอนหลังลงกับพนักพิงนุ่มของโซฟาตัวสวย หลับตาพริ้มลงเมื่อนึกถึงหลานชายคนเดียว ที่เธอรักดุจดั่งบุตรชายก็ไม่ปาน ความหลังมากมายเกี่ยวกับหลานชายหลั่งไหลเข้ามาเหมือนมันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน

สุกัญญายอมสละชีวิตโสดของตนเอง อนาคตที่จะไปทำงานที่ต่างประเทศ เลือกมาดูแลอัคคีนั่นเพราะเธอสงสารหลานตัวน้อย ที่ต้องมาแบกรับปัญหาโลกแตกของพ่อและแม่ จนเกือบจะกลายเป็นเด็กเก็บกด อัคคีในวัยหกขวบตอนนั้นดูระแวง และไม่ไว้ใจใคร ตามเนื้อตัวมีแต่ร่องรอยโดนมารดาหยิกตี สุกัญญาแทบน้ำตาร่วงเมื่อเห็นสภาพของหลานชาย และตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า อย่างน้อยๆ อัคคีก็ต้องมีใครสักคนเป็นที่ยึดเหนี่ยวไว้ ก่อนที่ผ้าขาวผืนนี้จะถูกย้อมสีจากอารมณ์เคียดแค้นของผู้ใหญ่จนกลายเป็นสีดำสนิท

แต่เธอก็เพียงทำได้ไม่ให้ผ้าขาวอย่างอัคคีไม่สกปรกปนเปื้อนมากไปกว่านี้ อัคคียังคงมีอคติบางอย่างฝังแน่น และความที่ถูกฝังหัวในเรื่องบางอย่าง โดยเฉพาะเรื่องความเย็นชาและเห็นความรักเป็นเหมือนสิ่งที่ไม่มีตัวตน เขารูปร่างหน้าตาดีราวกับเทพบุตร หากแต่บางส่วนของจิตใจก็กลายเป็นสีเทาคล้ายซาตาน การที่บิดาและมารดาถูกบังคับให้แต่งงานกับเพียงเพราะเหตุเกี่ยวข้องกับธุรกิจ อธิปต้องทนอยู่กับสุวีร์ ต้องทนเสียผู้หญิงที่เป็นที่รักของเขาไปเพราะเธอฆ่าตัวตายพร้อมกับลูกในท้อง มันทำให้เขาประชดด้วยการทำตัวเป็นเพลย์บอยแม้จะมีลูกและภรรยาแล้ว เขาถือว่าสองสิ่งนี้เป็นหน้าที่ ที่เขาได้ทำให้กับตระกูล เสรษฐภูมิ ไม่รู้เลยว่าการกระทำของเขาเพียงเพราะความเจ็บช้ำ อยากประชดประชัน มันสร้างผลกระทบให้กับอีกหลายชีวิต ให้พลอยมัวหม่นตามเขาไปด้วย

สุวีร์คือผลกระทบนั้น เธอหลงรักเขาเพียงแค่แรกเห็นหน้า แต่อธิปไม่เคยรักเธอเลย เขาแตะต้องเธอเพียงเพราะต้องการมีทายาท เธออยากจะเอาชนะเขาจนทำทุกอย่าง แม้มันจะเป็นเรื่องร้ายกาจมากขนาดไหนก็ตามที รักมากจนกลายเป็นเจ็บ กลายเป็นแค้น ทั้งสองฟาดฟันความร้ายกาจใส่กันจนชีวิตครอบครัวพังทลาย อัคคีเป็นสิ่งที่เธอยึดสิทธิ์ไว้ได้ ยามเห็นหน้าบุตรชายที่เหมือนบิดาราวกับแกะพิมพ์ มันทำให้เธอเจ็บปวด และลงทัณฑ์กับบุตรชายราวกับว่าเขาเป็นตัวแทนของอธิป

เคราะห์ดีแล้วที่สุกัญญาตัดสินใจว่าจะอยู่ที่บ้าน เสรษฐภูมิ เพื่อดูแลหลานชาย และเยียวยาจิตใจให้กับพี่สาวของเธอบ้าง แต่ไม้แก่ก็ดัดยากนัก ไม่เหมือนไม้อ่อนอย่างอัคคี เขาไม่ได้เกลียดอธิปเหมือนมารดา สองพ่อลูกไปมาหาสู่กันและทำงานร่วมกันทุกวัน แม้จะมีกำแพงกางกั้นบ้าง แต่อัคคีก็ยังยอมรับอธิป รวมถึงยอมรับน้องชายต่างมารดาอย่างอติกานต์โดยไม่รังเกียจ ตรงกันข้ามกับความสัมพันธ์ระหว่างอัคคีและมารดา ที่มันถ่างกว้างไปเสียทุกวัน โดยเฉพาะ ล่าสุด ที่สุวีร์กำลังมีแผนอยากจะทำให้ตระกูลเสรษฐภูมิเป็นปึกแผ่น ด้วยแผนเงินต่อเงิน แบบเดียวกับที่เธอเคยถูกกระทำในอดีต

‘คิดดีแล้วเหรอคะพี่วีร์ เรื่องที่จะหมั้นหนูรัญกับตาอาร์ต หนูรัญยังเด็กมากนะคะ ยังไม่จบมหาวิทยาลัยเลย’

‘คิดดีแล้ว ปีหน้าถึงจะหมั้น ทำไมล่ะ เรียนจบก็แต่งงาน เราไม่ได้ต้องการให้หนูรัญมาช่วยทำงานอยู่แล้วนี่ พี่เพียงแค่อยากให้เราได้ดองกับ ตระกูลมหไพศาล หนูรัญเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณราเมศ ยังไงเราก็ต้องคว้าไว้ก่อน ก่อนที่จะมีคนอื่นมาคาบไป เจ้าของธนาคารมหไพศาลรุ่งเรืองเชียวนะ ญา ยังไงพี่ก็ต้องให้ตาอาร์ตของเราได้ดองกันไว้ก่อน’

‘คุยกับตาอาร์ตแล้วเหรอคะพี่วีร์’ สุกัญญามองใบหน้าเย็นชาของพี่สาว เธอมีสีหน้ากลัดกลุ้มเมื่อคิดถึงทีท่าของหลานชาย ที่ต้องต่อต้านแน่นอน

‘ยังไม่ได้คุย แต่ยังไงพี่ก็ต้องให้ตาอาร์ตหมั้นกับหนูรัญ รู้จักมักจี่กันแล้วนี่ หนูรัญเองก็ชอบตาอาร์ตมาก คุณวิไลพรเองก็ดูท่าทีจะอยากดองกับเราอยู่หรอก เงินต่อเงินน่ะญา มีแต่จะทำให้รุ่งเรืองกันยิ่งๆ ขึ้นไป สมัยนี้ก็ต้องเกื้อหนุนกันแบบนี้แหละ’

‘พี่วีร์ แต่ญากลัวว่าตาอาร์ตจะไม่ยอมถูกบังคับ การถูกบังคับฝืนใจ มันทรมานแค่ไหน พี่วีร์เองก็น่าจะ...’

‘พี่ไม่สนใจหรอกนะญา พี่เองก็แต่งงานมีครอบครัวแบบนี้ ชีวิตก็มีความสุขดี’ นัยน์ตาคนพูดเป็นประกายวาบ ก่อนจะลุกเดินหนีน้องสาว พลางสำทับเสียงกร้าว

‘ยังไงตาอาร์ตก็ต้องยอม เดี๋ยวงานวันเกิดตาอาร์ต พี่จะคุยเอง’

สุกัญญาถอนใจ เมื่อนึกถึงบทสนทนาของเธอและพี่สาวเมื่อตอนหัวค่ำ เออหนอ...พึ่งจะหายโกรธกัน คงจะต้องมีเรื่องทะเลาะกันอีกแล้ว สุวีร์ไม่เคยลดราวาศอกเลยแม้แต่น้อย จะว่าไปนิสัยดันทุรัง ทำอะไรตามใจนี่ อัคคีเองก็ถอดแบบออกมาจากมารดาชัดๆ

เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาในบ้านเสรษฐภูมิ ทำให้สุกัญญาลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นรถสปอร์ตสีแดงเจิดจ้าคุ้นตานั่น เธอก็ถอนใจ ปู่กระสันถึงไก่ ไก่ก็มา ยืนรอสักครู่ หลานชายของเธอก็เดินเข้ามาในห้องโถงที่เธอยืนอยู่ ใบหน้าหล่อเหลานั่นฉาบความเพลียไว้เพียงเล็กน้อย เขายิ้มให้กับสุกัญญา พร้อมกับทักเสียงทุ้ม

“ยังไม่นอนอีกเหรอครับน้าญา ตีสามแล้วนะครับ”

“ตีสามแล้วน่ะสิ หลานของน้าทำงานเลิกห้าโมงแต่กลับตีสาม”

สุกัญญามองหลานรักเหมือนจะค้อน มองสำรวจไปทั่วรูปหน้าเรียวได้ส่วน นัยน์ตาคมระยับสีน้ำตาลเข้มจัด จมูกโด่งได้รูปสวย ริมฝีปากหนาอิ่ม เขายิ้มนิดๆ เผยให้เห็นเขี้ยวเสน่ห์ ยิ่งเสริมให้ชายหนุ่มตรงหน้าดูหล่อเหลา สมบูรณ์แบบ น่าค้นหาและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดทางเพศยิ่งนัก และด้วยฐานะอันมั่งคั่ง ก็ยิ่งทำให้เขากลายเป็นราวกับของรางวัลชิ้นเอก ที่สาวๆ พากันแข่งขันเพื่อจะได้ครอบครอง

“หลังงานก็ไปพักผ่อนนิดหน่อยน่ะครับ น้าญานอนเถอะ รอผมจนดึกป่านนี้ ผมกลับมาครบสามสิบสอง ไม่บุบสลายเลยสักนิด ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”

ชายหนุ่มว่าหยอกๆ ผู้เป็นน้าจึงเอาเล็บแหนบให้อย่างอดไม่ได้ สายตาเธอสะดุดตรงรอยแดงจางๆ ที่คอของชายหนุ่ม สุกัญญาก็หน้าแดง แม้จะเป็นสาวโสดแต่ก็พอจะเข้าใจอะไรบ้าง เธอส่ายหน้าน้อยๆ พลางเอ่ยปรามอัคคีเสียงขรึมๆ

“ไม่หน่อยล่ะมั้ง ตาอาร์ต ไปโดนแวมไพรส์สาวที่ไหนกัดคอมากันล่ะ เฮ้อ...ระวังๆ เพลาๆ บ้างเถอะตาอาร์ต”

“...”

อัคคีเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ แล้วชวนสุกัญญาขึ้นนอนเสีย เพื่อจะได้ชักเรื่องให้ไกลไปเสียจากตัวของเขา และเมื่อส่งน้าสาวเข้านอนได้แล้ว ชายหนุ่มก็เดินเข้าห้องตัวเอง ซึ่งต้องผ่านห้องมารดา สายตาคมกริบมองประตูห้องของท่านนิดหนึ่งก่อนจะกัดริมฝีปาก แล้วเดินเข้าไปยังห้องของตนเองที่อยู่ตรงกันข้าม ปิดประตูอย่างลงน้ำหนักเล็กน้อย ตามอารมณ์ที่เริ่มพุ่งขึ้นสูงของเจ้าตัว

เขากระโจนขึ้นไปบนเตียงนุ่ม ทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะหมดอารมณ์เสียแล้ว ความอิ่มอาบและการได้รับการปลดปล่อยอย่างถึงใจจากเซ็กซ์อันร้อนแรงที่พึ่งผ่านมาหมาดๆ ไม่ได้ช่วยทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาสักนิด เพียงแค่คิดถึงเรื่องมารดา อารมณ์เขาก็ขุ่นมัวขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

อัคคีหลับตา ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากพลางถอนใจ ทำไมกันนะ สุกัญญาถึงไม่เป็นมารดาของเขาไปเสียจริงๆ ทำไมเขาต้องมีมารดาอย่างสุวีร์ด้วย! ท่านไม่เคยรักเขาเลย แม้เพียงสักนิดเดียว...

“เย็นนี้จะไปไหนไหมตาอาร์ต”

เสียงเย็นๆ ของมารดาเอ่ยถามขึ้น ทันทีที่อัคคีลงมารับประทานอาหารเช้า เขามองสตรีที่นั่งเด่นอยู่ตรงหัวโต๊ะนิดหนึ่ง ริมฝีปากเม้มแน่น และตอบอย่างเสียไม่ได้ว่า

“ผมมีนัดกับพ่อครับ เย็นนี้วันเกิดของนายอิม”

“ไม่ต้องไป!”

น้ำเสียงนั่นแหวขึ้นมาอย่างลืมตัว ทำเอาสุกัญญาที่กำลังตักข้าวต้มให้หลานชายถึงกับสะดุ้ง อัคคีนั่งลงอย่างกระแทกเล็กน้อยบนเก้าอี้ของตนเอง สายตาคมกริบมองมารดาอย่างท้าทาย

“ผมนัดกับน้องไว้แล้ว”

“แกต้องไปทานข้าวเย็นกับแม่ เย็นนี้ แม่นัดกับคุณวิไลพรไว้ มีธุรกิจจะต้องคุยกัน เรื่องที่เราจะขอสินเชื่อกับทางธนาคาร เรื่องลงโครงการใหม่”

สุวีร์ปรับเสียงให้เป็นระดับเดิมได้ เธอกางหนังสือพิมพ์ขึ้นบังหน้า พร้อมกับเอ่ยสำทับเสียงเรียบ

“แม่นัดเขาไว้แล้ว มันเป็นเรื่องงาน อยากจะขอความร่วมมือจากแกด้วย”

“กี่โมงครับ”

อัคคีถามเสียงเย็น มือบางของสุกัญญาเอื้อมมาบีบมือเขาไว้ พลางมองหน้าเขาด้วยสายตาอ้อนวอน เพื่อให้ชายหนุ่มพูดจากับมารดาดีๆ

“หกโมงครึ่ง”

“ยังไงผมจะพยายามไปให้ตรงเวลา”

อัคคีตอบ เขาวางช้อนข้าวต้มค่อนข้างแรง อิ่มอาหารเพียงแต่แค่นั้น ชายหนุ่มเอ่ยลาน้าสาวที่มองเขาด้วยสายตาเห็นใจ ก่อนจะเอ่ยถามมารดาเสียงเย็น

“ต้องให้ผมชวนพ่อไปด้วยไหมครับ”

“ไม่ต้อง! แค่แกก็พอแล้ว ฉันไม่อยากเห็นหน้าพ่อแก”

สุวีร์ว่า ใบหน้าที่ซ่อนอยู่หลังหนังสือพิมพ์ธุรกิจนั่น ซีดเผือดเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของสามี อัคคียักไหล่ แล้วเอ่ยลาสุกัญญา ไม่ยอมพูดอะไรกับมารดาอีกแม้แต่คำเดียว เขาเดินก้าวยาวๆ ออกไปจากโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว

“เอ่อ...พี่วีร์ จะแนะนำตาอาร์ตให้กับหนูรัญจริงๆ น่ะเหรอคะ ถ้าตาอาร์ตรู้ว่าเป็นนัดดูตัวล่ะก็ ท่าทางจะอาละวาด”

สุกัญญาเอ่ยถามขึ้นเสียงเบา ผู้เป็นพี่สาวเชิดหน้าขึ้น แล้ววางหนังสือพิมพ์ลง ก่อนจะปรายตามองหน้าน้องสาวน้ำเสียงนั้นเย็นชานัก

“พี่ไม่เคยพูดเล่น ญา”

สุกัญญาถึงกับลอบถอนใจ สงสัยว่าไม่นานนี้ คงจะเกิดศึกครั้งใหญ่ในบ้านเสรษฐภูมิแน่ๆ ไม่ต้องพึ่งหมอดูที่ไหน เธอก็พอจะเดาได้ คงต้องเตรียมรับมือกับความปวดหัวครั้งนี้ไว้แต่เนิ่นๆ เสียแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel