1 ความรุนแรง
เสียงด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายดังมาจากบ้านเล็กหลังนั้น และไม่มีทีท่าว่าจะยุติง่ายๆ มีแต่จะทวีความหนักหน่วงในถ้อยคำที่สะเทือนใจแก่ผู้ที่ถูกว่าร้ายซึ่งเป็นผู้หญิง เรือนร่างผอมบาง หน้าตามีเค้าความสวย ทว่า มอมแมมด้วยคราบสกปรก
ผู้ที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงได้ยินเป็นประจำ อดที่จะเวทนารินไม่ได้ รู้ดีว่านอกจากเสียงตะโกนโหวกเหวกด้วยถ้อยคำที่ไม่ชวนฟังแล้ว บางครั้งจะได้ยินเสียงกรี๊ดของสตรีที่ถูกทำร้ายแทรกตามมาด้วย
วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน เสียงห้าวเข้มของผู้ชายดังขึ้น ผู้ที่เป็นเพื่อนบ้านหยุดชะงักการทำงาน ย่นคอด้วยความเสียวสยอง รู้ดีว่า ต่อจากนี้อีกไม่นาน รายการทำร้ายร่างกายจะต้องเกิดขึ้น
“นังริน!”
เรียกจิกหัวตามอารมณ์ของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ไม่กระทำตามหน้าที่เหมือนบุรุษคนอื่นๆ บัดนี้กำลังฉุนเฉียวด้วยอาการที่เรียกว่าโกรธจัด เมื่อเห็นผู้ที่เป็นเมียยังคงนิ่ง ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด เท่ากับว่าเพิ่มองศาความโกรธให้เดือดพล่าน
“กูบอกมึงกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าขัดใจกู เอาเงินมา”
เสียงที่เต็มไปด้วยความกักขฬะจากชายรูปร่างกำยำ ผิวดำแดง หน้าเหลี่ยม ไร้สิ้นความชวนมอง บัดนี้กำลังแบมือหยาบใหญ่ยื่นไปตรงหน้านาริน หญิงวัยสามสิบกว่า รูปร่างผอมบาง ใบหน้าแห้งตอบ ผมยุ่งเป็นกระเซิง
นัยน์ตาแห้งผากไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงให้ความชุ่มชื่นเหมือนคนวัยเดียวกัน เธออมทุกข์จนดูแก่เกินวัย เมื่อได้ยินผู้เป็นผัวขอเงิน แทนที่จะให้เพื่อรักษาเรือนร่างไม่ให้ถูกทำร้าย เธอกลับปฏิเสธเสียงห้วน
“กูไม่ให้”
ไทยผู้เป็นผัวได้ยินดังนั้น หน้าร้อนแดงวาบ ไม่พอใจที่รินแข็งข้อ อีกทั้งดวงตาที่มองมาที่เขานั้นวับวาวแข็งกร้าว ราวกับเป็นสัตว์ร้ายเพศผู้
“ถ้ากูให้เงินมึง มึงก็เอาไปให้นังนั่น นังผู้หญิงหน้าด้าน ชอบแย่งผัวชาวบ้าน”
ทันทีที่เอ่ยถึงผู้หญิงที่กระทำตนเป็นมือที่สามแทรกเข้าในชีวิตคู่ นารินเจ็บปลาบกลางใจ น้ำตาทะลักไหลเป็นทางยาว พูดไม่ออกด้วยความจุกแน่น เว้นระยะเอาไว้ครู่หนึ่ง เรือนร่างแบบบางหอบแรงๆ จนตัวโยน มือกร้านกำเข้าหากันแน่น เกลียดชังนังมารร้ายที่ก้าวเข้ามาทำลายความสุขของครอบครัว
“กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมคนอย่างมึงถึงได้หลงมันนัก มีเงินเท่าไหร่เอาไปประเคนให้มันจนหมด แล้วนี่ยังมาขู่เอากับกูอีก รู้ไหมว่าเงินเนี่ยกูเอาไว้ซื้อข้าวให้ลูกกิน เป็นตายยังไงก็ไม่ให้เด็ดขาด ถ้ามันไม่มีเงินก็ไปขายตัวสิ”
“โอ๊ย! นังริน กูถามอีกทีว่าจะให้ไหม”
ไทยตัวสั่นเร่าๆ ตาพองแดงก่ำราวกับปีศาจ ถามนารินซ้ำอีกครั้งและแล้วฝ่ามือใหญ่หยาบขยุ้มลงบนเส้นผมแข็งกระด้างเต็มแรง รินสะดุ้งโหยง ร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
“ไม่ กูไม่ให้ ถึงจะฆ่าให้ตายก็ไม่ให้”
นารินตะโกนเสียงดังลั่น หวังแต่เพียงว่าเพื่อนบ้านที่ได้ยืนจะได้เข้ามาช่วยเหลือ ต่างจากไทยในเวลานี้โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ออกแรงขยุ้มผมแรงยิ่งกว่าเดิม ไม่สนใจเสียงร้องโหยหวนของเมียที่แผดลั่นเพราะเส้นผมโดนกระชากจนหนังศีรษะตึง ดวงตาเหลือกเริด
“อีนี่ วอนหาเรื่องเจ็บตัวอีกแล้ว”
“กูไม่ให้ ไอ้คนเลว หลงนังปลาร้านั่น จ้องแต่ทำร้ายเมีย”
“อ้าว เฮ้ย มากไปแล้วนะนังรินหยุดพูด”
“กูไม่หยุด มันเป็นเรื่องจริง ใครๆ ก็รู้ ว่านังนั่นมันเป็นยังไง มั่วไม่เลือก ทำไม๊ ทำไม ผู้ชายอย่างมึงถึงชอบล้างชามเป็นคนสุดท้าย”
“นังริน มากไปแล้วนะ นี่แน่ะ”
สิ้นคำที่ตะโกนดังลั่น ฝ่ามือใหญ่หนาเตอะตบลงที่ซีกแก้มตอบทั้งซ้ายและขวาไม่ยั้ง นารินถึงกับร้องโหยหวน แต่ไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกระทำแต่เพียงผู้เดียว พยายามต่อสู้ปกป้องตัวเองให้เจ็บตัวน้อยที่สุด
ทว่า แรงหญิงหรือจะสู้แรงชายได้ ในที่สุดร่างแบบบางกลายเป็นกระสอบทรายให้ผัวลงเข่าลงศอกซ้อมอย่างมันมือ
เพียงไม่นานนารินทรุดร่างลงนอนกับพื้นกระดานสกปรกอย่างสิ้นสภาพ มองเผินๆ คล้ายกับผ้าขี้ริ้วเก่าๆ ผืนหนึ่ง ตามใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดเกรอะกรัง ดวงตาทั้งสองข้างปูดบวมและปิดสนิท เนื้อตัวที่มีแต่เนื้อหุ้มกระดูก ปรากฏริ้วรอยฟกช้ำดำเขียวอย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบ ตาโต ผิวคล้ำ สวมใส่เสื้อผ้าซีดเก่า เต็มไปด้วยคราบดำๆ กำลังนั่งตกปลาอยู่ริมฝั่งคลองที่ปกคลุมด้วยกอไผ่สีเขียวสด แม่หนูน้อยพยายามดึงคันเบ็ดหลอกล่อให้ปลากินเหยื่อให้ได้
“ไอ้ปลาโง่ ทำไมไม่กินเหยื่อล่ะ กินซิกิน”