บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

เมื่อออกมาจากร้านอาหารจนถึงลานจอดรถสองสาวก็แยกย้ายกันกลับทันทีเพราะต่างคนต่างขับรถของตัวเองมา เอยเปิดประตูรถ mini cooper สีแดงลูกรักของเธอก่อนจะขึ้นนั่งประจำที่คนขับ เธอกดปุ่มสตาร์ตรถแต่พยายามกดอย่างไรก็สตาร์ตไม่ติดสักที เธอลองสตาร์ตอยู่สักพักสุดท้ายเมื่อเปล่าประโยชน์ร่างบางจึงก้าวลงจากรถก่อนที่จะล็อกรถให้เรียบร้อยมือบางหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาโทรหาศูนย์ดูแลรถทันที

เมื่อคุยเสร็จเรียบร้อยและตกลงให้ศูนย์มาลากรถกลับไปซ่อมในวันพรุ่งนี้เธอก็ต้องหาทางกลับบ้านเองแล้วล่ะซึ่งกว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็กินเวลาไปเกือบสี่ทุ่มแล้วเธอกวาดสายตามองรอบ ๆ บริเวณลานจอดรถด้วยสายตาหวาดระแวง

ทำไมมันช่างเงียบเหงาอย่างนี้กันนะดวงตากลมโตมองไปรอบ ๆ ก็เหลือรถเพียงไม่กี่คันที่จอดอยู่ เพราะชั้นที่เธอมาจอดรถคือชั้น VIP จึงไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านสักเท่าไหร่

เอาล่ะเธอต้องไปรอ Taxi ที่หน้าห้างก่อนเป็นอันดับแรกขณะที่กำลังจะก้าวหันหลังกลับไปยังประตูทางเข้าซึ่งอยู่ห่างออกไปค่อนข้างไกล หูก็พลันได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าคนเดินตามมา เมื่อเธอหยุดเสียงนั้นก็หยุดแต่เมื่อเธอก้าวเดินต่อไปเสียงนั้นก็ตามเธอมาติดๆ ใจเธอหายวาบด้วยความกลัว เอยไม่รอช้าเธอรีบก้าวต่อไปและออกตัววิ่งไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่รวดเร็วทันที

ไม่รู้คนหรือผีเอยขอวิ่งก่อนแล้วกัน

ปึก

เอยตั้งหน้าตั้งตาวิ่งมาแบบไม่ลืมหูลืมตาเธอก็ชนเข้ากับอะไรแข็ง ๆ สักอย่างด้วยแรงปะทะที่มหาศาลอาจทำให้เธอกระเด็นไปนั่งท่าสวย ๆ อยู่บนพื้นหากแต่มีมือแกร่งของใครบางคนคว้าเอวเธอเอาไว้เสียก่อนท่านั่งสวยๆที่เธอวาดเอาไว้จึงพลันหายไปจากมโนสำนึกทันที

ร่างบอบบางหอมกรุ่นถลาเข้าสู่อ้อมกอดของคน ๆ นั้นทันทีก่อนที่หน้าสวยจะซุกซบลงบนอกแกร่งที่หอมกรุ่นด้วยน้ำหอมราคาแพง เอยรีบเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่เธอวิ่งมาชนด้วยความไม่ตั้งใจดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก อ๊ะ นี่มันคุณคิณนี่

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

เสียงหัวใจของเธอทำงานทันทีเหมือนรู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่เธอแอบชอบ

“เธอเป็นอะไรมากไหม แล้วนี่หนีใครมา”

เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเธอกำลังหนีใครมาหรือจะรีบไปไหนถึงได้วิ่งมาเร็วจนเบรกแทบไม่ทันแบบนี้แล้วยังไม่ยอมมองทางอีก

“เอ่อ คือ เอยรู้สึกเหมือนมีใครแอบตามมานะคะ ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนีท่าเดียวเลยมัวแต่วิ่งไม่ทันมองทางเลยชนคุณคิณเข้า เอยขอโทษด้วยนะคะขอโทษจริงๆค่ะ”

เอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิดเจอกันทีไรมีแต่เรื่องเลยคราวก่อนก็รอบหนึ่งแล้วรอบนี้ก็ยังจะวิ่งมาชนเขาอีกไม่มีความทรงจำดี ๆ เหมือนในละครที่เวลาพระเอกนางเอกเจอกันแบบจังหวะมันได้เลยสักนิด ในละครนั้นช่างแสนละมุนส่วนเธอกับเขามีแต่จังหวะนรกทั้งนั้น ร่างบางคิดในใจเงียบ ๆ ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าเธอยังอยู่ในอ้อมกอดของเขาเธอจึงรีบผละออกแทบจะทันทีทำเอา คิณ ถึงกับชะงักไปเล็กน้อยที่เธอถอยห่างออกจากเขาอย่างกะทันหัน

“แล้วนี่เธอกำลังจะไปไหน”

คิณเอ่ยถามสาวสวยตรงหน้าด้วยความสงสัยเมื่อเธอออกมาจากร้านอาหารตั้งนานแล้วตอนนี้เธอน่าจะไปนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงนอนมากกว่าที่จะมาวิ่งไม่ดูทางบนห้างแห่งนี้

“พอดีรถเอยแบตเตอรีหมดน่ะค่ะ สตาร์ตยังไงก็ไม่ติดเลยโทรแจ้งศูนย์เขาจะมาลากรถวันพรุ่งนี้ เอยเลยว่าจะกลับเข้าไปด้านหน้าห้างแล้วโทรเรียก Taxi มารับน่ะค่ะ”

เสียงหวานใสตอบคนตรงหน้าให้หายสงสัยข้องใจว่าทำไมตอนนี้เธอถึงยังไปไม่ถึงไหนสักที

“ให้ฉันไปส่งไหม กลับ Taxi มันอันตรายนะ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วยคนสมัยนี้ไม่น่าไว้ใจเกิดเป็นอะไรขึ้นมากลางทางไม่มีใครช่วยได้นะ”

คิณเอ่ยเตือนเอยด้วยความหวังดีพร้อมกับเสนอตัวช่วยเหลือผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียว ดึกขนาดนี้จะให้กลับคนเดียวโดยที่ไม่สนใจเลยเขาก็ดูจะเป็นคนใจร้ายเกินไปนะ

“เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ เอยเรียก Taxi กลับเองดีกว่าเผื่อคุณคิณมีธุระที่ต้องไปทำต่อจะเป็นการรบกวนเวลาคุณคิณเปล่าๆ”

เอ่ยปฏิเสธออกไปเสียงเบาหวิวภายในใจแสนเสียดายที่เสียโอกาสในการใกล้ชิดชายหนุ่มตรงหน้าไป แต่เอยก็แสร้งยิ้มหวานให้เขาเพื่อบอกว่าไม่เป็นไรเธอกลับเองได้

“หึ ฉันไม่มีธุระต่อที่ไหน จะมีก็แค่แวะไปส่งเธอกลับห้องโดยสวัสดิภาพแค่นั้นแหละ”

คำบอกกล่าวที่เป็นเชิงบังคับกลาย ๆ ว่าเขาจะไปส่งเธอให้ได้ทำให้เธอไม่ลังเลที่จะตอบรับความช่วยเหลือจากเขาทันทีในรอบนี้ ปฏิเสธน้ำใจผู้ใหญ่หลายรอบมันไม่ดีนะพี่ซินดี้สอนมา

“โอเคค่ะ ไปส่งเอยก็ไปส่ง รบกวนด้วยนะคะคุณคิณ”

เอยยิ้มหวานให้ด้วยความจริงใจที่เขามีน้ำใจไปส่งเธอกลับคอนโด

“ไนต์ เจ พวกนายกลับไปได้เลยเดี๋ยวฉันแวะไปส่งเอยก่อนเจอกันพรุ่งนี้ที่บริษัท”

คิณบอกลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่เขาจะเดินนำหน้าเอยไปที่รถ Bugatti Sport สีดำราคาเกือบร้อยสามสิบล้านที่จอดอยู่ข้างหน้าชิดทางเข้า คิณเดินไปเปิดประตูรถให้เอยขึ้นนั่งก่อนที่เขาจะอ้อมไปทางฝั่งคนขับเมื่อเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้วคนสวยที่นั่งตัวเกร็งข้างๆเขากลับลืมคาดเข็มคัด คิณเลยเหวี่ยงตัวเองมาอีกฝั่งหนึ่งเอยที่นั่งอยู่ชะงักทันทีก่อนที่เธอจะรีบเอ่ยถามเขาด้วยความตกใจ

“คุณคิณจะทำอะไรคะ”

เขาเล่นเหวี่ยงตัวมาฝั่งเธอแบบนี้ทำให้เอยคิดดีไม่ได้เลยหัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ๆ กับความใกล้ชิดนี้ กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของบุรุษเพศลอยมาแตะจมูกเธอจนเผลอสูดดมเข้าไปเต็มปอดส่วนใบหน้าของเขาก็อยู่ชิดติดหน้าเธอในระยะประชิด ลมหายใจหอมกรุ่นราดรดอยู่ข้าง ๆ ซอกคอเธอทำเอาเอยรู้สึกว้าวุ่นใจไปหมด ยิ่งใกล้ยิ่งหวั่นไหวอะเคยได้ยินเปล่า งื้อ ใจเต้นแรงขนาดนี้เขาจะได้ยินไหมนะ

“ปกติขับรถไม่คาดเข็มขัดเหรอครับ?”

คิณไม่ได้ตอบคำถามของเอยแต่เขากลับตั้งคำถามเธอกลับแทน ก่อนที่เขาจะย้ายตัวเองกลับไปนั่งประจำที่คนขับเมื่อคาดเข็มขัดให้สาวสวยข้าง ๆ เรียบร้อยแล้ว

“เอ่อ เอยลืมไปเลยค่ะ ตื่นเต้นไปหน่อยที่ได้นั่งรถราคาแพง”

เอยตอบกลับเสียงเบาอย่างรู้สึกอายที่เผลอปล่อยไก่ออกมาต่อหน้าเขา

คิณกระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ออกรถเพื่อไปส่งเธอที่คอนโดในขณะที่คนข้างกายเขาคอยชวนเขาคุยไม่หยุด เสียงหวานเจรจาเจื้อยแจ้วตลอดเวลา สิ่งหนึ่งที่เขาเพิ่งรู้วันนี้ก็คือ เอย อรนลิน พูดเก่งมาก เธอสามารถชวนเข้าคุยได้หลากหลายเรื่องราว คุยเรื่องนี้อยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นอีกเรื่องซะอย่างนั้นแต่ก็ดีที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่เงียบเหงาอย่างที่คิด

เมื่อรถสปอร์ตคันหรูแล่นมาจอดเทียบหน้าฟุตบาททางเข้าคอนโดของเอยเสียงหวานใสของคนข้าง ๆ ก็เอ่ยขึ้นเพื่อขอบคุณคิณ

“เอยขอบคุณคุณคิณมากนะคะ ที่เสียสละเวลามาส่งเอยแทนที่จะได้กลับไปพักผ่อน วันหลังถ้าหากมีอะไรที่เอยพอจะตอบแทนได้ก็บอกนะคะ”

จบประโยคใบหน้าหวานละมุนของคนข้างกายคิณก็ฉีกยิ้มแป้นโชว์ฟันขาวที่เรียงตัวสวยก่อนที่เอยจะยกมือไหว้ขอบคุณที่เขามาส่งเธอที่คอนโด

“ตอนนี้เลยไหมล่ะครับ”

ไม่ทันที่เอยจะได้เอ่ยถามว่าอะไรยังไงคนหล่อข้างกายเธอก็ยื่นริมฝีปากสีไวน์มาจรดลงที่ริมฝีปากสีพีชของเธอ ก่อนที่เขาจะแช่เอาไว้สักครู่แล้วผละตัวออกไป รอยยิ้มกระชากใจสาว ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาในขณะที่แววตาเขาฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ

“Goodnight Kiss นะครับ นี่ถือเป็นค่าตอบแทนก็แล้วกัน”

เสียงของเขาที่ดังขึ้นมาเหมือนเรียกสติเธอที่กำลังจ้องหน้าเขาอยู่ด้วยความรู้สึกมึนงง ใบหน้าสวยแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ก่อนที่เอยจะเปล่งเสียงออกไปอย่างขัดเขินปนโมโหนิด ๆ

“คนบ้า ใครที่ไหนเขาเรียกค่าตอบแทนเป็นจูบกันเล่า”

เอยไม่รอให้คิณได้พูดอะไรอีกต่อไปเธอก็ชิ่งเปิดประตูออกแล้ววิ่งหนีเข้าไปในคอนโดของเธอทันที หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ตึกตัก ทั้งที่ห้ามใจตัวเองไว้ว่าอย่าไปหลงเสน่ห์คนแบบเขาเพราะเขาอยู่ไกลเกินเอื้อมที่เธอจะคว้าได้แต่ใจเจ้ากรรมก็กลับหวั่นไหวเสียนี่ แต่บางทีเธอก็อยากลองจะเป็นซินเดอเรลลาเหมือนในนิทานบ้างที่ได้เต้นรำกับเจ้าชายในฝัน แล้วพอถึงเวลาเที่ยงคืนเสียงนาฬิกาดังขึ้นทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิมแต่เธอคงได้แค่ฝันเพียงเท่านั้น

มือบางยกขึ้นแตะริมฝีปากรอยจูบบางเบายังคงตราตรึงไม่เลือนหายสงสัยคืนนี้เธอคงหลับฝันดี ได้ใกล้ชิดแค่นี้เธอก็พอใจแล้วสำหรับเอย อรนลิน คนที่แอบหลงรักเขา คิณ อัคนี

ลับหลังร่างบางคิณที่ยังไม่เคลื่อนรถจากไปก็ยกยิ้มมุมปากน้อยๆใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนที่เขาจะเคลื่อนรถออกไปเพื่อเดินทางกลับคอนโดที่พักทันที วันนี้ได้แกล้งแม่กระต่ายน้อยพอหอมปากหอมคอก็สนุกดี เรื่องงานที่หนักอึ้งอยู่ในหัวสมองเหมือนถูกปลดล็อกคลายออกไปเพียงแค่ได้จูบปากนุ่ม ๆ นั้น 

เช้าวันต่อมา

เสียงปลดล็อกรหัสประตูห้องภายในคอนโดหรูดังขึ้นในขณะที่สาวสวยเจ้าของห้องยังคงหลับปุ๋ยอยู่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ใบหน้าสวยใสไร้เครื่ิองสำอางมีรอยยิ้มประดับอยู่บนหน้าคล้ายว่าเธอกำลังอยู่ในห้วงนิทราที่แสนหวาน

ซินดี้เปิดประตูห้องนอนเข้ามายืนมองอย่างอ่อนใจนี่ต้องเข้ากองถ่ายสิบโมง แต่ดูสิแปดโมงแล้วแม่นางร้ายของเธอยังนอนฝันหวานน้ำลายยืดอยู่เลย

เธอเดินไปข้าง ๆ เตียงนอนก่อนจะเขย่าแขนเอยเบา ๆ แต่คนที่นอนอยู่กลับหันตัวหนีมาอีกด้านหนึ่งซะนี่ ซินดี้สะกิดอีกรอบ แต่เอยก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับยังคงนอนยิ้มไม่ตื่นจากฝัน จนกระทั่งสุดท้ายแล้วซินดี้ที่ทนไม่ไหวก็ตะโกนขึ้นอย่างดัง

“ยัยเอย ตื่นได้แล้ว”

เสียงร้องโหยหวนของแม่กะเทยทำเอาเอยที่กำลังฝันหวานถึงคุณคิณ อัคนี สะดุ้งเฮือกผุดลุกขึ้นตื่นมานั่งตัวตรงด้วยความตกใจทันทีใบหน้าเนียนสวยมองซ้ายก่อนจะมองขวาก็เจอซินดี้ยืนเท้าสะเอวมองมาที่เธอตาเขียวปั๊ด

“ฝันถึงใครอยู่คะลูกสาว แม่สะกิดตั้งหลายรอบก็เอาแต่นอนยิ้มหวานไม่ยอมตื่นสักที”

ซินดี้เอ็ดคนที่เพิ่งตื่นนอนหน้าตางัวเงียเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้ยิ้มหวานจนแทบฉีกถึงรูหูใครกันนะที่อยู่ในความฝันดูฟินเชียว

“แหะ แหะ เมื่อคืนเอยนอนดึกไปหน่อยค่ะเช้านี้เลยเพลินไปนิด”

เอยหัวเราะไม่เต็มเสียงนักอย่างรู้สึกผิดเพราะเขาคนเดียวเลยคุณคิณ มาจุ๊บ Goodnight Kiss แบบนั้นใครจะหลับลงล่ะ ตาค้างทั้งคืนน่ะสิ ส่วนฝันดีน่ะเหรอคิดถึงความฝันก่อนตื่นที่ทำให้ตนยิ้มหวานพลันหน้าก็แดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

ในฝันเขากับเธอเป็นสามีภรรยากัน ใช้ชีวิตด้วยกันแล้วก็มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ฮือ บ้าบอสิ้นดีนี่เธอหลงรักเขาจนเก็บมาเพ้อมโนเป็นตุเป็นตะแล้วเหรอนี่

พลันมือสองข้างยกขึ้นมากุมแก้มเนียนใสไว้แล้วส่ายหน้าไปมาอย่างต้องการสลัดความฝันที่เพิ่งตื่นขึ้นมาให้มันออกไปจากหัวทำเอาซินดี้ที่ยืนรออยู่ถึงกับงง ลูกกะเทยเป็นอะไรเนี่ย???

“เอยเป็นอะไรลูก ส่ายหน้าทำไม”

ซินดี้ถามด้วยความสงสัยคิ้วขมวดเข้าหากันจนจะผูกโบแล้วล่ะ

“อะ อ้อ เปล่าค่ะพี่ซินดี้ พอดีฝันดีไปหน่อยดีจนเกินจริงเอยต้อง มูฟออนเอามันออกไปจากหัวก่อน”

เงยหน้าแดง ๆ บอกคุณแม่อย่างขัดเขินก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนอย่างไวเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีถ่ายละครตอนสิบเอ็ดโมงเช้า ซึ่งเธอต้องเข้ากองตอนสิบโมง

“เอยไปอาบน้ำก่อนนะคะพี่ซินดี้สายแล้ว เดี๋ยวรถติดไปถึงกองช้านางเอกแอ๊บแบ๊วจะโวยวายทางสายตาเอาได้”

เอยเบะปากอย่างหมั่นไส้เมื่อพูดถึงนางเอกคนดังนามว่า น้ำฟ้า ซึ่งเธอมีละครที่ต้องถ่ายทำด้วยกันวันนี้ Look นางเอกแอ๊บแบ๊วซะจนเธอรำคาญกับภาพลักษณ์ใส ๆ ที่นางพยายามสร้าง แต่พออยู่กันสองต่อสองทีไรสันดานเดิมก็มักจะออกทุกที ทั้งจิกทั้งกัดทั้งแขวะจนเธอนึกว่าโตมาในสลัมมากกว่าจะเกิดมาในดงผู้ดีตามที่เธอให้สัมภาษณ์ใครต่อใครไว้

“วันนี้แต่งตัวสวย ๆ ดีกว่า เอยต้องสวยฟาดกว่านางหน้าตุ๊กตาปัญญาอ่อนให้ได้ ฮึ”

เอยมีสีหน้ามุ่งมั่นพร้อมทำเสียงขึ้นจมูกก่อนจะเดินนวยนาดไปยังห้องน้ำ

เมื่อเธอจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วตอนนี้ร่างสวยสมส่วนตัวเล็กน่ารักอยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีแดงเพลิงโชว์สัดส่วนงดงาม อกเป็นอก แหงล่ะสิ Cup D นะจ๊ะ บั้นท้ายงามงอนจนผู้ชายอยากสัมผัส หน้าสวยเฉี่ยวแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงที่มองแล้วช่างน่าจูบยิ่งนัก

เอยกำลังยืนหมุนตัวไปมาหน้ากระจกบานใหญ่เพื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง ก่อนที่เธอจะถือกระเป๋าแบรนด์ดังรุ่นใหม่ล่าสุดมาคล้องแขนไว้แล้วเดินไปหาซินดี้ที่นั่งอ่านตารางงานของเธอในไอแพดอยู่บนโซฟา

“ไปค่ะพี่ซินดี้ เอยพร้อมแล้ว”

เอยสวมแว่นตาสีดำอย่างต้องการปกปิดตัวเองไว้นิดหนึ่งก็ยังดีเมื่อต้องออกไปทำงานข้างนอก

“แหม สวยเลิศนะจ๊ะลูกกะเทย จะแต่งไปประชันกับน้องน้ำฟ้าล่ะสิท่า”

ซินดี้หยอกเย้าเอยยิ้มๆอย่างรู้ทัน

“แหงสิคะ หมั่นไส้หน้าแบ๊ว ๆ แต่งตัวเรียบร้อยอย่างกับลูกคุณหนูทั้ง ๆ ที่วาจาอย่างกับโตมาในสลัม”

หน้าสวยเบะคว่ำยามพูดถึงนางเอกแอ๊บแบ๊วเจอกันครั้งแรกสุภาพมาก ครั้งที่สองเริ่มออกลาย ครั้งที่สามที่ผิดคิวเผลอไปตบโดนหน้าสวยของนางเต็มรัก นางตามไปวีนถึงในห้องน้ำเลยจ้าและใช่ เอยคนนี้จะไม่ทนแต่เธอมักจะโต้กลับด้วยคำพูดจามากกว่าการกระทำที่ต่ำทรามเสมอ

ภายนอกเธอดูอ่อนหวานน่ารักแต่ความจริงข้างในเธอเข้มแข็งและไม่เคยอ่อนแอเลยเนื่องจากเธอกำพร้าพ่อกับแม่ตั้งแต่อายุ 18 ปีเธอต้องทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียวตั้งแต่นั้นมา เพื่อส่งน้องชายเรียนให้จบมัธยมเธอยอมเสียสละเวลาเกือบสามปีเพื่อตั้งหลักหาเงินใช้หนี้ที่พ่อกับแม่ทิ้งเอาไว้โดยไม่เคยหนีเจ้าหนี้เลยสักครั้ง

กว่าจะมีวันนี้ได้เธอผ่านการใช้ชีวิตมาหลายรูปแบบรวมถึงนิสัยกล้าได้กล้าเสียที่มันติดตัวเธอมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นใครดีมาเธอดีตอบใครร้ายมาใช่ว่าเธอจะไม่เอาคืน คนแบบเอย อรนลิน ไม่เคยยอมให้ใครรังแกฝ่ายเดียวหรอกนะ

“โอ๊ย เอาเถอะ ๆ อย่าไปหามีเรื่องกันล่ะมันจะดูไม่ดีในสายตาผู้ใหญ่”

ซินดี้เตือนเอยอย่างหวังดีเพราะรู้จักนิสัยเธอดีกว่าใคร

“เอยไม่ตบให้เสียมือหรอกค่ะ รุ่นนี้เขาใช้มันสมอง”

เผยยิ้มร้ายออกมาจนซินดี้รู้สึกขนลุก แหม ว่าแต่น้องนางเอกแอ๊บแบ๊วร้ายลับหลังลูกสาวเธอก็ใช่ย่อยภายใต้ใบหน้าไร้เดียงสากลับซ่อนความร้ายกาจเอาไว้อย่างมิดชิดเรื่องเซี้ยว ๆ แบบนี้ไม่พ้นยัยข้าวแน่ ๆ สอนมา เฮ้อ กะเทยล่ะเพลียไปกันค่ะไปกองถ่ายกัน

กองถ่ายละคร

เมื่อมาถึงกองถ่ายเอยก็ยกมือไหว้ทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่เว้นแม้แต่แม่บ้านประจำกองหรือแม่ครัวก็ตามเธอไม่ได้เอาใจใคร แต่เธอมองว่ามันเป็นมารยาทที่ควรมีต่อผู้ใหญ่มากกว่า คนเป็นเด็กแบบเธอก็ต้องมือไม้อ่อนเป็นธรรมดาส่วนซินดี้แค่แวะมาส่งเพราะรถเอยซ่อมอยู่ที่ศูนย์

“แหมน้องเอย วันนี้แซบนะจ๊ะ แต่งมาเต็มกะไม่ให้พี่ได้ทำหน้าที่แต่งต่อเลยนะเนี่ย”

พี่หมีที่หุ่นหมีสมชื่อช่างแต่งหน้าประจำกองถ่ายเอ่ยแซวคนสวยยิ้ม ๆ

“นี่เบา ๆ เองนะคะ แต่งยังไงก็ไม่สวยเท่าพี่หมีหรอกค่ะ”

เอยยิ้มโชว์ฟันสวยก่อนจะวาดแขนโอบรอบเอวหนาอย่างเอาใจ

“พี่จะลอยได้แล้วนะคะเนี่ยเล่นมาชมกันแบบนี้”

พี่หมียิ้มปลื้มเขินกับคำชมของดาราสาวสวยรุ่นน้องปากหวานจริงเชียว

“เรื่องจริงไม่มีหลอกค่ะ วันนี้ขอจัดจ้านน่าฟาดนะคะ เย็นนี้เอยจะไปเที่ยวผับต่อค่ะ”

เอยขยิบตาหนึ่งข้างให้พี่หมีอย่างรู้กันวันนี้เลิกกองแล้วเธอจะแอบหนีพี่ซินดี้ไปเที่ยวกับแก๊งกะเทยเพื่อนสนิทที่มหา’ลัยกัน เพื่อนผู้หญิงเธอไม่คบหรอกนิสัยตอแหลเกินไป ส่วนเพื่อนกะเทยนั้นเธอเต็มร้อยจ้ะ คิก คิก

กว่าจะถ่ายทำละครสามฉากเสร็จเอยแทบกรี๊ดออกมาให้สมกับความโมโห น้ำฟ้าแกล้งผิดคิวจนผู้กำกับสั่งเทกใหม่อยู่เกือบห้ารอบในแต่ละซีนที่เธอกับน้ำฟ้าต้องเข้าฉากด้วยกัน จนฉากสุดท้ายกว่าที่ผู้กำกับจะสั่งคัต!!เธอลุ้นจนตื่นเต้นไปหมด พอได้ยินเสียงคัตเท่านั้นแหละ โคตรโล่งอะนี่พูดเลย!!

ตอนนี้เธออยู่ในห้องแต่งตัวกำลังเปลี่ยนชุดกลับไปใส่ชุดแซบ ๆ อยู่ ขณะที่กำลังสาละวนกับการดูความเรียบร้อยของชุดก็มีเงา ๆ หนึ่งที่เดินเข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเงยหน้าขึ้นมองก็เจอกับน้ำฟ้าคู่อริตัวฉกาจของเธอที่ยืนทำหน้าเย้ยหยันอยู่ตรงหน้า

“ไงจ๊ะ เอย วันนี้เหนื่อยไหม ขอโทษนะที่วันนี้ทำให้โดนสั่งเทกบ่อย ๆ” น้ำฟ้าทำน้ำเสียงอ่อย ๆ อย่างรู้สึกผิดแต่กลับเน้นคำว่าบ่อย ๆ เพื่อยั่วโมโหคนตรงหน้า

“เอ๊ะ ฉันกำลังสงสัยนะน้ำเน่า ว่าละครเรื่องนี้เธอหรือฉันที่เป็นนางเอกหรือเราจะสลับบทกันอยู่ ฉันเป็นนางร้ายที่ต้องท่องบทคำพูดหยาบ ๆ ต่ำ ๆ ในขณะที่เธอเป็นนางเอกต้องท่องบทคำพูดหวาน ๆ ใสซื่อ แต่ดูเหมือนเราจะสลับบทกันท่องเลยเนอะว่าไหม”

ยิ้มหวานเคลือบยาพิษถูกส่งไปให้คนตรงหน้าก่อนที่เอยจะยกมือกอดอกอย่างพร้อมฟาด

“แกว่าใครน้ำเน่ายะ นังเอย”

น้ำฟ้าชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจก่อนที่จะถามเสียงเข้มด้วยความโมโห

“อุ๊ยตาย โทษทีลืมไปเลยชื่อน้ำฟ้านี่นา แต่อยู่ใกล้ทีไรนี่ได้กลิ่นน้ำเน่าลอยโชยมาทุกที โทษนะที่ฉันเข้าใจผิด”

เอยยกมือป้องปากพร้อมแสดงสีหน้าขอโทษแต่ปากนี่ยิ้มแทบฉีกถึงหู ไงล่ะทักษะนางร้ายของเอยใช่ย่อยนะจ๊ะ

“ฮึย แก”

น้ำฟ้ายกมือบางขึ้นมาหมายจะฟาดหน้าสวยให้สมกับที่ยั่วโมโหเธอ

“ทำไม จะทำไมน้ำฟ้า ฮึ เธอจะตบฉันเหรอ”

เอยรับมือบางเอาไว้พร้อมกำจนแน่นเหมือนกะจะให้แหลกคามือในขณะที่น้ำฟ้านิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

“นี่แกปล่อยฉันนะนังเอย”

น้ำฟ้าตะโกนบอกเอยเสียงกร้าวมือก็พยายามบิดออกจากการเกาะกุมของเอยแต่ทว่าบิดยังไงก็ไม่หลุด

“ตอนยกมือจะฟาดหน้าฉันทำไมไม่คิด พออย่างนี้มาบอกให้ปล่อย หึตลกละน้ำเน่า หน้าสวย ๆ ของฉันมีไว้ทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องอย่าคิดที่จะมาแตะต้องมันเชียวนะ”

เอยปล่อยมือบางของน้ำฟ้าพร้อมกับผลักเบา ๆ ร่างบอบบางของน้ำฟ้าก็ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้น

“แก นังเอย ฮึย ฝากไว้ก่อนเถอะแก”

น้ำฟ้ากรีดร้องเสียงแหลมใส่ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งจากไปทันทีในขณะที่เอยถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย วงการละครดารานางแบบเงินดีก็จริง แต่เอาจริง ๆ ในแต่ละวันเธอต้องเจอกับอะไรบ้างใครจะรู้ ทั้งผู้กำกับหัวงู ทั้งสไตลิสต์ขี้นินทา อีกทั้งนักแสดงด้วยกันที่อิจฉาเธอเกินเบอร์

บางทีเธอก็เหนื่อยกับอะไรแบบนี้แต่เธอก็ต้องอดทนถึงเธอจะใช้หนี้แทนพ่อแม่หมดแล้ว แต่เธอยังต้องส่งเสียตัวเองและน้องชายเรียนให้จบอีกเธอต้องอดทนเท่านั้นเอยบอกตัวเองในใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel