4
‘ถ้านายอยากได้ปันผลปีนี้ พี่ขอสั่งให้เลิกไปจัดปาร์ตี้มั่วยากันที่ห้องนั่นได้แล้ว ไม่อย่างนั้นอย่ามาบ่นทีหลังว่าใจร้ายกับน้องแบบแกอีก อ้อ แล้วก็เลิกยุ่งกับคู่กรณีของแกเสียด้วย’
‘ก็จะเก็บไว้ทำไมเล่าครับห้องนั้นน่ะ ผมเห็นพี่ไปญี่ปุ่นบ่อยๆไม่เห็นจะสนใจที่นั่น จะนอนก็เห็นไปนอนที่บ้านใหญ่
น้องยืมนิดยืมหน่อย ทำเป็นหวงไปได้ แล้วคู่กรณีนี่ พี่คิงหมายถึงใครครับ’ ตฤนพูดด้วยใบหน้าไขสือจนเขานึกอยากจัดการขั้นเด็ดขาดแบบที่เขาชอบขู่บ่อยๆนัก
‘คนที่แกไปลวนลามเขาไง’
‘ลวนอะไรครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรใครเลยนะ’ จักรพรรดิมองตอบมาด้วยสายตารู้ทัน ตฤนจึงแย้งเสียงอ่อย ‘ไม่แฟร์เลย ผมเจอก่อนพี่นะ’
‘แล้วไงล่ะ รึจะไม่เอาเงิน’
‘โธ่พี่คิง ยัยนั่นน่ะเน่ามาแล้วนะ พี่ยังจะเอาอีกเหรอ’
‘เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย’ เขาพูดไปแบบนั้นได้อย่างไร จักรพรรดิไม่เคยพูดเรื่องผู้หญิงกับใคร เขาไม่เคยต้องไปขอร้องให้ใครเลิกยุ่งกับใคร แต่กับเธอเขาถึงกับหลุดปากบอกตฤนไปแบบนั้น แต่แล้วเธอเล่าเป็นแบบนั้นจริงไหม แล้วนอกจากตฤน เธอยังมีใครอีก
พรลักษมีเดินปึงปังออกจากร้านมาพร้อมนึกฉุนไม่หายที่เขากระซิบบอกนั่น เธอไม่ได้กลัวสักนิด กับแค่ตฤนกำลังมาที่นี่ เธอไม่ได้กลัวใครแต่กลัวใจตัวเองจะหยุดไม่อยู่ อาจเข้าไปทำร้ายนายนั่น และที่เธอยอมกลับเพราะเขาพูดเชิงขู่ว่าหากเธอมีเรื่องกับตฤนอีก เขาจะเป็นพยานให้น้องของเขาว่าเธอจงใจทำร้าย หรือมีเจตนาฆ่านั่นเอง นึกแล้วเจ็บใจไม่หาย เธอเกลียดตฤน และเธอควรเกลียดเขาด้วย แต่ทำไมความรู้สึกข้างในลึกๆของเธอกลับไม่เจอกับความเกลียด คงเพราะยังไม่เห็นเช่นชัดแบบนายตฤนนั่นน่ะสิ แต่เธอมั่นใจว่าอีกไม่นาน นายคนนี้ต้องออกลายแบบตฤน
พรลักษมีจำใจต้องขึ้นรถไปกับจักรพรรดิโดยมีสายตาของหญิงสาวอีกคนที่คุยกระซิบกระซาบกับเขาก่อนหน้ามองตามด้วยความริษยา แต่ไม่กล้าโวยวายแสดงตัวให้อับอายคนในร้าน เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น
เปิดประตูรถลงมาแล้ว พรลักษมีเดินตัวปลิวมาถึงลิฟต์ เธอไม่พอใจเขาอีกเรื่องนั่นเพราะเขามาทำท่าสนิทชิดเชื้อกับเธอเกินไป แถมยังทำต่อหน้าคนอื่น เพื่อนเธอจะคิดอย่างไร แค่นี้ใครๆก็พากันซุบซิบไปทั่ว ว่าเธอตกอับมีเสี่ยเลี้ยง แล้วดูเขาทำสิ ไหมทองต้องเอาเธอไปพูดต่อแน่ๆ
ลิฟต์บ้านี่ก็ช้าจัง เธออยากถึงห้องก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาทัน แต่พอเห็นแล้วว่าเขาเดินดุ่มๆตามเข้ามายืนซ้อนอยู่ข้างหลัง เลยต้องปั้นหน้านิ่งเรียบเอาไว้ จักรพรรดิบอกขึ้นพร้อมส่งแววตาเหมือนยิ้มได้มาให้
“ไปทำแผลให้ผมก่อน”
“ฉันง่วง...แล้วค่ะ”คนง่วงแล้วกระชากเสียงบอก
“ก็รีบไป รีบทำ ถ้าง่วงมากจะนอนห้องผมก็ได้”
‘ทุเรศ’ พูดออกมาได้ นอนห้องผม นึกแล้วเชียวว่าเขามันไม่ต่างจากนายตฤน และเมื่อประตูลิฟต์เปิด เธอก็เดินนำไปยังอีกฟากของชั้น เขาซื้อมันทั้งซีกแล้วรีโนเวทเป็นห้องเขาห้องเดียว มันมีทุกอย่างในนั้น สะดวก สบาย ไม่ออกไปไหนเลยเป็นเดือนๆยังได้
น่าแปลกที่ห้องเธออยู่ชั้นเดียวกับเขา และดูเหมือนจะมีแค่เธอและเขาอยู่กันเพียงลำพังที่ชั้นนี้ ทำไมไม่กวาดซื้อไปทั้งชั้นเลยนะ เหลือไว้ทำไม
“ดื่มอะไรหน่อยไหม”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณ”
“เอาไวน์อีกไหม รึ แชมเปญดี เมื่อครู่คุณฉลองอะไรกันเหรอ” เขาถามไม่สนใจคำตอบก่อนหน้าของเธอสักนิด
“เรียนจบค่ะ”
“จบแล้วเหรอ” เขาถามพร้อมรอยยิ้มจุดติดบนใบหน้าที่หายวับไปทันที หากไม่สังเกต
“งั้นสิคะ มานั่ง จะได้ทำแผลให้เสร็จๆไป ฉันง่วงจริงๆนะคุณ”
“ใจร้อนจัง เมื่อตอนคุณอยู่ร้าน...ของผม ไม่เห็นมีทีท่าว่าจะง่วงเลย” เขาจงใจเน้นคำว่าร้านของผมเกินไปแต่พรลักษมีไม่ได้เอะใจ
“จุ้นจ้านจังเลยเนอะคุณเนี่ย...เคยมีใครบอกไหมคะ”
เธอบ่นพร้อมกับล้างแผลให้เขาไปด้วย เขานั่งนิ่งๆไม่กวนอะไรเธออีก แต่ทำไมพรลักษมีถึงได้มือไม้สั่นไม่ยักรู้ เธอโบ้ยให้เป็นความผิดของสิ่งที่เธอดื่มก่อนหน้านี้ทั้งหมดเลย ไม่ใช่เพราะเขาแน่ที่ทำให้เธอสั่นจนน่ารำคาญ
“แผลคุณหายดีแล้ว ต่อไปฉันคงไม่ต้องมาทำแผลให้แล้วนะคะ”เธอบอกเมื่อจัดการจนเรียบร้อย
“แล้วแต่คุณสิ ผมจะไปบังคับอะไรได้”
นี่เหรอบังคับไม่ได้ พอเก็บของเสร็จ
เธอเลยเดินออกไปล้างมือ เขาเดินเข้ามาหาพร้อมกับยื่นแก้วแชมเปญให้
“ถ้ากลัวก็ไม่ต้องดื่ม ผมไม่นิยมวางยาผู้หญิงหรอก”
“ใครว่าฉันกลัวกันละคะ”
บอกแล้วรับแก้วขึ้นยกดื่มรวดเดียวจนหมด วางลง พลันสายตาเหลือบไปเห็นบางสิ่ง จึงถามเขาทั้งที่สายตายังจ้องมันอยู่
“คุณได้มันมาจากไหนคะ”
“อะไร รูปนี้น่ะเหรอ” เขาถามแต่สายตายังไม่ยอมละไปจากเธอด้วยซ้ำ เขาจะทำให้เธอประหม่าไปถึงไหนกัน
“ใช่ค่ะ”
“มีคนให้มา ชอบเหรอ”
“สวยค่ะ ฉันชอบลายเส้นกับสีที่ใช้”
“ดื่มอีกแก้วไหม” เขาชวนแบบไม่ง้อ คือถ้าเธอดื่มเขาจะยกขวดมารินให้ แต่ถ้าไม่ เขาก็พร้อมจะให้เธอกลับ แต่ให้ตายเถอะ เหมือนมีบางอย่างในสายตาเขากำลังท้าทายเธออยู่
“เอาสิคะ”
พรลักษมีดื่มจนถึงแก้วที่สามแล้ว ถึงนึกได้เลยถามไป “ทำไมคุณไม่ซื้อที่นี่ยกชั้นไปเลยละคะ”
จักรพรรดิยกคิ้วเล็กน้อยนิ่งไปครู่ เหมือนเธอจับความรู้สึกได้ว่าเขาหาคำตอบที่ไม่ใช่ความจริงมาตอบเธอ เพราะเขาใชัเวลานานเกินไปกับคำถามง่ายๆแบบนี้
“ผมมาทีหลัง ซื้อไม่ทันคุณ...ละมัง”
“อย่างคุณน่ะเหรอคะ จะจัดการไม่ได้”
“นั่นสินะ”เขารับคำยิ้มๆสายตายังมองมาที่เธอ
พลันเสียงออดดังที่หน้าห้องเรียกให้เจ้าของเดินออกไปดู เขาหายไปไม่กี่อึดใจค่อยกลับมาพร้อมกับอีกสองคน และคงเป็นสองคนสุดท้ายบนโลกที่เธออยากเห็น
“อ้าว ลูกหมี งั้นข่าวที่ว่าเธอรับงานไปทั่วก็จริงน่ะสิ” คนมาใหม่ส่งสายตาเหยียดๆแถมยังพูดจากำกวมในตอนท้ายได้ทุเรศสิ้นดี
