ไฟซ่อนเชื้อ

242.0K · จบแล้ว
กันเกรา
168
บท
9.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เป็นนิยายสองในหกเรื่องที่ ‘กันเกรา’ เขียนให้นางเอกเก่ง ฉลาด หลักแหลม รอบรู้ ทันคน และไม่ยอมให้เป็นฝ่ายถูกระทำ แถมตรงกันข้ามคือตามกระทำ ตามเอาคืนคนอื่นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเกือบตลอดเรื่อง

นิยายรักโรแมนติกนิยายแอคชั่นนิยายปัจจุบันนางเอกเก่งพลิกชีวิตเศรษฐี

EP 1

บทนำ

“ไม่มีวัน!!! ฉันไม่มีวันยอม!!!”

“ฉันไม่มีวันรับมันมาเป็นสะใภ้เด็ดขาด! หรือถ้าจำเป็นจะต้องยอมรับฉันก็จะรับว่าผู้หญิงอย่างมันเป็นได้แค่นางบำเรอเท่านั้น และถ้าจะหอบมันมาอยู่ในบ้านฉัน แกก็ต้องแต่งงานกับหนูสาตามคำสั่งฉันก่อน ถ้าไม่ตกลงตามนี้ จะพานังนี่ไปอยู่ไหนก็ไป ฉันจะถือว่าชีวิตนี้ฉันไม่มีลูกอย่างแกก็แล้วกัน เจ็บใจนักมีลูกคนเดียวอุตส่าห์เลี้ยงดูปูเสื่อมาอย่างดี ทำไมตาต่ำ ใฝ่ต่ำ คว้านังสลัมนี่มาได้ คนดีๆ ที่ฉันหาไว้ให้ทำไมแกไม่รัก”

คุณอัญชลี บวรชัยสกุล ตะโกนใส่หน้าลูกชายด้วยความผิดหวัง ที่จู่ๆ ลูกก็หอบผู้หญิงไร้สกุลรุนชาติเข้าบ้าน แล้วจะยกย่องออกหน้าออกตาในฐานะเมีย

คุณสมควร บวรชัยสกุล ประมุขของบ้านหันไปมองหน้าคู่ชีวิตด้วยความเอือมระอา เมื่อเกลี้ยกล่อมมานานนมให้ทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายคุณอัญชลีก็ยังคงยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมฟังใครเลย

สงคราม บวรชัยสกุล ผู้เป็นลูกคนเดียว ให้เจ็บช้ำใจอย่างบอกไม่ถูกที่แม่ยื่นคำขาดในเรื่องที่เขาต่อต้านมาโดยตลอด หัวใจเป็นอะไรที่บังคับกันไม่ได้ สองแขนจึงประคอง อิงอร เอี่ยมดี ผู้เป็นเมียทางพฤตินัย

และกำลังอุ้มท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีลุกขึ้น เพื่อหมายจะพาไปตายเอาดาบหน้า เพราะยอมไม่ได้ที่จะเห็นแม่รังแกเมีย ด้วยการสั่งให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก

“งั้นก็ไปตามทางของเราเถอะนะอิง ผมจะหาเลี้ยงคุณกับลูกเอง ไม่ต้องห่วง”

คุณสมควรเห็นท่าทางเอาจริงของลูก ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ เพราะรู้จักลูกคนนี้เป็นอย่างดี ถ้าลองได้ไม่ก็คือไม่ การจะเปลี่ยนความคิดนั้นเป็นต้องคุยกันยืดยาว คนที่จะคุยก็ไม่ใช่เขาหรือคุณอัญชลีซะด้วย

อิงอรมองหน้าคนรักทั้งน้ำตา เมื่อรับรู้ว่าตังเองกลายเป็นคนสร้างรอยร้าวระหว่างพ่อแม่ลูก ความเป็นคนดี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไม่อยากจะมีปัญหากับใครที่มีอยู่ในตัวล้นเปี่ยม

จึงตัดสินใจเสียสละให้คนรักทำตามคำสั่งของพ่อออแม่เขาทันที

“คุณยอมทำตามคุณแม่คุณพ่อเถอะนะคะ”

“ไม่!! อิงไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ลุกขึ้นเถอะผมจะพาไปอยู่ที่อื่น”

ทว่าสงครามไม่คิดจะทำตามและยังคงยืนยันที่จะไป แต่สุดท้ายเมื่อเมียไม่ยอมลุก และให้เหตุผลต่างๆ นานามาหว่านล้อม บวกกับคำขู่เข็นที่ว่าถ้าเขาไม่ยอมทำตาม

อิงอรจะพาลูกในท้องหนีเขาไป ชนิดไม่ให้เห็นหน้ากันอีกเลยในชาตินี้ สงครามรู้ดีว่าเมียสามารถทำอย่างที่พูดได้ เขาจึงจำต้องยอมทำตามอย่างเสียไม่ได้

“พามันไปอยู่เรือนเล็กโน่น ห้ามโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นเด็ดขาด”

แทนที่คุณอัญชลีจะเห็นอกเห็นใจในความเสียสละของสะใภ้ทางพฤตินัย กลับออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดังคับบ้าน โดยไม่สนใจว่าจะกระทบกระเทือนถึงใครบ้าง

คุณสมควรเองก็ไม่รู้จะขวางเมียยังไง เพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็ยอมตามใจทุกเรื่องจนเคยตัว อีกทั้งก็ไม่อยากให้ลูกชายต้องหนีหน้าไปลำบากตามลำพังที่ไหน

หลานที่กำลังจะเกิดมาก็คงจะพลอยติดร่างแหไปด้วย ที่สำคัญกิจการที่กำลังขยายตัวก็จำเป็นต้องมีคนคอยสานต่อ และคนคนนั้นก็คือทายาทเพียงคนเดียวนั่นเอง

เมื่อสรุปได้ดังนั้นแล้ว คุณสมควรจึงนั่งนิ่งและนับถือน้ำใจอิงอรในการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่นี้

และผลพวงจากการตัดสินใจในครั้งนั้น ก็ทำให้อิงอรต้องเก็บความชอกช้ำระกำทรวงเอาไว้ภายใน แล้วยิ้มแย้มให้สามีอย่างปกติเช่นทุกวัน แม้ในแต่งงานของเขาก็ตามที

อิงอรไม่ได้รับอนุญาตจากคุณอัญชลี ให้เข้าไปร่วมงานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในบริเวณคฤหาสน์หลังงามกว้างขวางโอ่อ่าโอ่โถง แขกเหรื่อมาร่วมงานมากหน้าหลายตา ล้วนแต่งกายประดับประดาด้วยข้าวของราคาแพงทั้งสิ้น

น้ำตาของหัวอกเมียไหลอาบสองแก้ม ขณะอุ้มลูกวัยแปดเดือนแอบยืนชะเง้อคอมองดูความเป็นไป ของผู้คนบนสนามหญ้าเขียวขจี สาลินีเจ้าสาวแสนสวยและสูงส่งยืนยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ข้างเจ้าบ่าวผู้หล่อเหลาสมกันราวกิ่งทองใบหยก

เป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนที่มากันถ้วนหน้า แต่สำหรับอิงอรแล้วนอกจากพี่ชายกับพี่สะใภ้และคนในซอยบ้านแล้ว ก็ไม่มีใครจะรู้จักมักคุ้นกับเธออีกเลย

“แค่ขอให้คุณพ่อมีความสุข และเราสองคนได้อยู่ใกล้ๆ คุณพ่อ แค่นี้ก็พอแล้วนะจ๊ะลูกแม่”

เจ้าของน้ำตาเอ่ยกับลูกน้อย ที่จ้องมองหน้าแม่ตาแป๋ว ประหนึ่งกำลังรับรู้สิ่งที่แม่บอกออกมาก็ไม่ปาน ก่อนจะพาลูกเดินกลับบ้านหลังน้อยท้ายสวน ซึ่งเป็นเสมือนวิมานของอิงอรกับลูก ได้เอาไว้พักพิงมานับตั้งแต่ได้เข้ามาอยู่กับคนในครอบครัว ‘บวรชัยสกุล’

ที่มีบรรพบุรุษเป็นคนแผ่นดินใหญ่ เข้ามาพึ่งแผ่นดินสยามด้วยเสื่อผืนหมอนใบ จนพบรักกับหญิงไทยซึ่งเป็นลูกพระน้ำพระยามา และเมื่อมาเจอกับชนชาติที่ขยันขันแข็งทำมาหาเลี้ยงชีพเข้าแล้ว ความเป็นปึกแผ่นก็เพิ่มพูนขึ้น จนกรายเป็นมรดกตกทอดมาสู่รุ่นลูกรุ่นหลานเรื่อยมา

“หนูสา! นั่นจะเอาหม้ออะไรไปไหนกันล่ะ กำลังท้องกำลังไส้แท้ๆ อย่าเดินให้มันมากนักสิจ๊ะ”

คุณอัญชลีร้องถามสะใภ้ด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว ขณะนั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่กับเด็กรับใช้ สาลินียิ้มให้พร้อมกับเดินตรงไปหา โดยมีเด็กรับใช้อีกคนถือหม้อตามมาไม่ห่าง

คุณอัญชลีละสายตาจากหน้าจอไปมองสะใภ้อีกครั้ง แล้วยิ้มให้ด้วยใบหน้าชื่นชมไม่เคยจืดจาง เพราะสาลินีไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย นับตั้งแต่แต่งเข้าบ้าน ก็ทำหน้าที่ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ทั้งกับสามีและพ่อแม่สามี

“สาจะเอากระดูกหมูตุ๋นยาจีนไปให้พี่อิงค่ะ เห็นบอกว่าไม่สบายตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ไปไม่นานหรอกค่ะคุณแม่ แล้วสาจะรีบกลับมาจัดขึ้นโต๊ะมื้อเที่ยงให้ ก่อนจะออกไปรับยัยยาที่โรงเรียนค่ะ”

แม้กระทั่งกับอิงอร ผู้ที่คนในบ้านก็ต่างรู้ดีว่าเป็นเมียหลวง มาก่อนและมีลูกสาวให้สงครามก่อน สาลินีก็ผูกมิตรและหยิบยื่นน้ำใจไมตรีให้ไม่เคยขาดตกพกพร่องตลอดแปดปีมานี้

จนเป็นเหตุให้คนที่เคยมีรักเดียวและหัวใจมั่นคงดังภูผาอย่างสงครามต้องยอมจำนนต่อความดีของสาลินี