ตอนที่ 6
ไคลน์ทิน | 06 ดีตอนท้ายร้ายตอนเริ่ม
ไคลน์ทินย่างกรายกลับมาที่เตียงตัวเองทันที และอดหวั่นใจไม่ได้กับการที่ต้องไปอยู่ดูแลเด็กสาว เพราะการกระทำของเธอในครั้งนี้ มันชัดเจนว่ามินินั้นชอบเขามากจริง ๆ
แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือเขาจะสามารถหักห้ามใจตัวเองได้นานแค่ไหน และถ้าถึงวันนั้นเขาต้องเตรียมรับมือกับสิ่งที่ทำยังไงบ้าง ไม่มีอะไรแน่นอนสำหรับสองชายหญิงที่ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในพื้นที่เล็กๆ เป็นเวลานานหลายปีสำหรับเขา
เช้าต่อมา....
มินิค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นก่อนจะรู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณลำคอ เรียวขาสวยค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียงช้า ๆ ก่อนจะนึกถึงการกระทำของตัวเองเมื่อคืนนี้ เธอจำมันได้ทุกฉากทุกตอน แต่ที่จำไม่ได้ก็คือเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“หนูชอบพี่ไคลน์ทินค่ะ”
“แต่ผมไม่ได้ชอบคุณหนูครับ”
ในขณะที่เธอกำลังนั่งคิดทบทวน ทว่าประโยคคำพูดหนึ่งยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ
“อึก! คนบ้า คนใจร้าย”
มินิร่ำไห้ออกมาด้วยความรู้สึกเสียใจและผิดหวัง เธอไม่น่าทำอะไรแบบนั้นออกไปเลย ถ้าเลือกที่จะเก็บความรู้สึกนั้นไว้คนเดียวตั้งแต่แรก คงไม่เจ็บปวดแบบนี้
ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะปรากฏร่างเจ้าของต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตาตอนนี้
“นายเรียกพบครับ มีเรื่องสำคัญ..”
ปัง!
มินิปิดประตูใส่หน้าไคลน์ทินทันที เธอไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาของตัวเองในช่วงเวลานี้ ยิ่งเห็นใบหน้าคมคาย ความเจ็บปวดก็เข้าเล่นงานบาดแผลภายในใจอีกครั้ง แม้หัวใจกำลังแตกสลาย แต่เมื่อได้พบหน้าเขามันก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาในบางครั้ง แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่ครั้งนี้
มินิปาดน้ำตาออกจากพวงแก้ม ก่อนจะเดินย่างกรายเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายและลงไปหาพี่ชายตัวเองทันที
ใช้เวลาเพียงไม่นานมินิก็เดินลงมาจากตัวบ้าน ก่อนจะเห็นเอกสารและหนังสือเดินทางของเธอถูกวางอยู่
“อะไรคะ”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีมึนงง ก่อนจะก้มมองเอกสารต่าง ๆ รวมถึงมหาลัยที่อิตาลี
“เฮียทำแบบนี้ได้ยังไงคะ ทำไมถึงไม่ถามความสมัครใจหนูก่อน”
“เมื่อคืนไปไหนมา”
มินิเม้มริมฝีปากเข้าหากันทันที ก่อนจะจ้องมองไคลน์ทินด้วยสายตาดุดัน และคิดว่าเขาเป็นคนฟ้องพี่ชายเธอ
“ไปเที่ยว”
“รู้ว่าตอนนี้อยู่ในช่วงอันตรายทำไมถึงขัดคำสั่งเฮีย!”
มินิสะดุ้งตัวโยนเมื่อมาเฟียหนุ่มตวาดเสียงดังลั่น มินิจ้องใบหน้าพี่ชายด้วยความโกรธเคือง
“ไม่ต้องมาทำเป็นดุ ที่อยากให้หนูไปไกล ๆ ก็เพราะไม่อยากดูแลหนู ไม่อยากรับผิดชอบชีวิตหนูใช่ไหมล่ะ หนูมันเป็นภาระเฮียตั้งแต่เกิด หนูก็ไม่ได้อยากเกิดมาเป็นนักหรอก ไอ้ลูกสาวมาเฟียบ้าบออะไรเนี่ย”
มินิตวาดเสียงดังลั่นอย่างเหลืออด ก่อนครูซจะง้างมือ ทว่าไคลน์กลับมาบังร่างหญิงสาวเอาไว
“อย่าครับนาย”
“ตบเลย! หนูพูดความจริง ตั้งแต่เด็กจนโต หนูต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงก็เพราะความกระหายอำนาจของเฮียกับป๊า! ตี๋น้อยตายก็เพราะเฮีย!”
“มินิ!!”
ครูซตวาดเสียงดังลั่น ก่อนมาเฟียหนุ่มจะเดินเข้าไปกระชากร่างน้องสาวตัวเอง ทว่าไคลน์ทินกลับหลังหันและสวมกอดร่างเธอเอาไว้ มินิร่ำไห้ในแผงอกแกร่ง ก่อนจะได้สติและผลักร่างกำยำออกห่าง
“ไม่ต้องมายุ่งกับหนู พี่นั่นแหละที่ใจร้ายกว่าใครเลย”
มินิปาดน้ำตาตัวเองออก ก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปบนห้อง พร้อมกับร่ำไห้ออกมาอย่างหนัก ต่อให้เธอจะอยากไปหรือไม่อยากไป ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะทุกอย่างภายในในรามานอส ครูซเป็นคนจัดการทั้งหมด
มินินอนจมคราบน้ำตาจนผล็อยหลับไปในสุด
“ทีหลังอย่ามาเสือก กูจะสอนน้องกู”
“เธอไม่ได้ทำผิดถึงขนาดต้องลงไม้ลงมือครับ”
ครูซจ้องมองลูกน้องคนสนิทด้วยสายตาไม่พอใจก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า โดยมีไคลน์ทินนั้นยืนเฝ้าสังเกตการ์ณอยู่ใกล้ ๆ
ปัง! ปัง! เสียงปืนดังกระหึ่มภายนอกคฤหาสน์ซึ่งทุกคนภายในบ้านต่างคุ้นชินกับมันเป็นอย่างดี ทว่าครั้งนี้กลับต่างออกไป
ปังเพล้ง!!
เสียงแจกันราคาหลายแสนแตกละเอียดเพราะเสียงปืนจากใครบางคนที่เดินเข้ามาทักทายเจ้าของบ้าน ไคลน์ทินค่อย ๆ ผละลำตัวออกจากคนเป็นนายก่อนจะจ้องมองเจ้าของการกระทำนั้นด้วยสายดุดัน
มือหนาคว้าปืนจ่อไปที่หวังเซิงทันที ก่อนจะจ้องมองเขาด้วยสายตาดุดัน
“ไม่คิดจะต้อนรับกูหน่อยเหรอ”
หวังเซิงเดินย่างกรายไปที่โต๊ะรับแขก ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม สายตาคู่คมจ้องมองกันอย่างไม่ละสายตา บ่งบอกถึงความเดือดดาลของอีกฝ่าย
“มีอะไรให้กูช่วยก็บอก หรืออยากได้เทคนิคการค้า ก็สามารถบอกกูได้ตลอด”
มาเฟียหนุ่มแปรเปลี่ยนสีหน้าของทันที เมื่อครูซเอ่ยขึ้นด้ยท่าทีเย้ยยันและเหนือกว่า
“คนอย่างมึงอย่างเก่งก็ทำได้แค่เห่าหอนคนอื่นไปวัน ๆ ถามจริงเหอะชีวิตนี้หัวเราะครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่เหรอ?”
เป็นอีกครั้งที่คำพูดของครูซเริ่มสร้างบาดแผลให้หวังเซิง และจี้ปมที่เขานั้นไม่สามารถเอาชนะครูซได้เลยสักทาง ความเงียบเข้ามาปกคลุมภายในบ้านอีกครั้ง ก่อนมินิจะเดินย่างกรายลงมาจากตัวบ้าน สร้างความพอใจให้หวังเซิงอยู่ไม่น้อย
“อย่าลืมนะว่ามึงมีน้องสาว ระวังผลกรรมจะตกไปถึง คุณหนูแห่งรามานอส ถือว่ากูเตือนมึงแล้ว”
น้ำเสียงหนาเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ราวกับเจอเรื่องสนุก คำพูดนั้นของหวังเซิงสร้างความหวาดหวั่นให้ครูซอยู่ไม่น้อย
“เตรียมPrivate jet มินิจะบินคืนนี้”
“บ้าไปแล้วรึไงเฮีย!”
มินิเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจและมึนงง เมื่อได้ยินคำสั่งจากพี่ชายตัวเอง
“ไคลน์ทินจะเป็นดูแลหนู ระหว่างอยู่ที่นั่น”
“ไม่! หนูไม่ไป”
คำพูดเด็ดขาดของมินิ ทำเอามาเฟียหนุ่มที่ไม่สบอารมณ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เริ่มโมโหขึ้นมาทันที
“พาไปแต่งตัวให้รีบร้อย”
ครูซเอ่ยสั่งไคลน์ทินก่อนจะเดินจากไปเพื่อระงับความโกรธเคืองภายในใจ
“อย่าดื้อกับนายเลยนะครับ”
“เป็นใครมาสั่งหนู”
“ขอโทษครับ”
“ไปให้พ้น! น่ารำคาญ”
“รีบขึ้นไปแต่งตัวเถอะครับ ผมจะรออยู่ตรงนี้”
มินิจ้องมองบอดี้การ์ดหนุ่มหน้านิ่งด้วยความโมโห ไม่ว่าเธอจะโกรธ เสียใจ หรือร้องไห้ ไคลน์ทินก็ยังคงแสดงสีหน้าเดียวตลอดเวลา ตั้งแต่เธอเจอเขา ไคลน์ทินไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะเลยสักเวลา
“ตึงโบรึไง! ทำหน้าแข็งอยู่ได้”
มินิเอ่ยใส่หน้าไคลน์ทิน ก่อนจะเดินกลับห้องตัวเองเพื่อเตรียมความพร้อม เพราะถึงยังไงเธอก็ขัดคำสั่งนายใหญ่แห่งรามานอสไม่ได้อยู่ดี
ใช้เวลาเพียงไม่นานหญิงสาวก็เดินลงมาจากห้องพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ ไคลน์ทินไม่รอช้า รีบเข้าไปรับกระเป๋าทันที ก่อนจะรีบไปที่รถลีนมูซีนคันหรู
มินิจ้องมองพี่ชายตัวเองผ่านกระจกบานใสระหว่างห้อง แวบหนึ่งเธอเห็นแววตากระตุกสั่นไหวของพี่ชายเธอที่มองมา แม้ภายในใจจะโกรธเคืองกับสิ่งที่เขาทำ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเหตุผลสำคัญคือ เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง ถึงขนาดส่งไคลน์ทินมือขวาคนสนิทมาดูแลเธอที่นู้น ก็คงถือว่าเป็นการประมูลครั้งใหญ่พอสมควร
ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงลานสนามบ้านของเธอ มินิก้าวขาลงจากรถทันที ก่อนจะก้าวขึ้นไปในเครื่องบินโดยไม่รีรอหรือชายตามองคนข้าง ๆ ตัวเองแม้แต่น้อย ด้วยความรีบร้อน บวกกับรองเท้าที่สูงราวหกนิ้ว ทำให้มินิพลาดท่าล้มลงที่พื้น สร้างความตกใจให้ไคลน์ไม่น้อย
“ว้ายยยย!!”
พรืบ!โอ๊ย!
“คุณหนู!”
แม้จะเจ็บหนักจากการลื่นล้ม แต่ก็คงคอนเซปเดิมคือ สวย เชิ่ด มินิผลักร่างไคลน์ออกห่าง ก่อนจะพยุงร่างกายที่ฟกช้ำขึ้นไปต่อได้
“อ๊า!! บ้าเอ๊ย! น่าอายชะมัด”
มินิเอ่ยขึ้นกับตัวเองภายในเครื่องบิน ก่อนจะหันหน้าเลี่ยงไปอีกทาง เมื่อเขาเดินย่างกายมาติด ๆ คุณหนูมีเวลาพักผ่อนสิบสองชั่วโมงนะครับผมจะนั่งรออยู่ตรงนี้เงียบ ๆ
“หนูเกลียดคุณ”
“ครับ ขอบคุณที่แจ้งให้ทราบครับ”
“ไปให้พ้น กระโดดลงไปเลย”
“คนปกติเขากระโดดเครื่องบินเล่นกันเหรอครับ”
เมื่อเห็นว่าพูดอะไรออกไป บอดี้การ์ดหนุ่มก็ไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน มินิจึงเลือกที่จะเงียบแทนต่อปากต่อคำกับเขา
“ขอโทษนะครับ ที่พูดจาไม่ถนอมน้ำใจคุณหนู”
มินิค่อย ๆ ชะงักไปทันทีก่อนจะจ้องใบหน้าเขา ดวงตาคู่คมนั้น เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกผิดของเขา แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป ถึงเขาจะไม่ได้ชอบเธอวันนี้ ก็ไม่ได้แปลว่าในอนาคตเขาจะไม่ชอบเธอ
น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน นับประสาอะไรกับหัวใจคน จะทำให้ลืมคนเก่าเลยคอยดู....
******
สู้เขาน้อง อย่าไปยอมมม >