ตอนที่3. เป็นอย่างไร
หวังหย่งมองร่างเกือบเปลือยของสาวใช้ที่บิดกายเร่าๆ ด้วยความพอใจ เขาชักนิ้วเรียวออกจากร่องรักที่เปียกชุ่มด้วยหยาดน้ำหวานแล้วแทรกเข้าไปในโพรงปากที่เผยออ้าส่งเสียงคราง ให้นางได้ลิ้มรสชาติน้ำรักของตนเอง นางทำตัวเป็นนกน้อยเมื่อถูกป้อนสิ่งใดเข้าปากก็ดูดกลืนอย่างหิวโหย ขณะเดียวกันนั้นเอง หวังหย่งก็จับเรียวขางามให้แยกออกกว้างแล้วกดแท่งหยกเข้าร่องรักพรวดเดียวมิดด้าม!
“อ๊า!” จางลี่อ้าปากหวีดร้องเมื่อถูกกระทุ้งเข้าจนจุก “คุณชาย...ซี๊ดดด”
“เป็นอย่างไร” เขาถามทั้งที่ขยับสะโพกโยกใส่อย่างเมามัน เขาก้มมองแท่งหยกของตนที่เข้าออกรัวเร็ว ไม่สนใจว่ากลีบเนื้อนุ่มจะบวมแดงเพราะแรงกระแทกกระทั้นไม่ปรานีของเขา
“เสียวเจ้าค่ะ” จางลี่ถูกความเสียวซ่าครอบงำไปทั่วร่าง นางได้แต่นอนบิดกายไปมาปล่อยให้คุณชายเคลื่อนไหวตามใจจนกระทั่งร่างของนางเกร็งกระตุกด้วยถูกกระตุ้นให้ถึงจุดสุดยอด
“อือ...อ๊า กรี๊ดดดด”
“โอ้ว ข้าเสร็จแล้ว เสร็จ...อา”
เสียงครางยาวอย่างสุขสมพร้อมกับการดึงแท่งหยกออกมารีดพิษลงบนหน้าท้องของนาง เขามองนางหอบหายใจด้วยความพึ่งพอใจ ยื่นมือไปแตะแก้มนวลเบาๆ
“เด็กดี อย่าลืมทำความสะอาดห้องเรียบร้อยด้วย”
“จะ..เจ้าค่ะ คุณชาย”
หวังหย่งแต่งกายเรียบร้อยแล้วจึงเดินตัวปลิวด้วยความโล่งกายสบายใจที่ได้ปลดปล่อย เมื่อเดินพ้นเรือนของตนออกมาด้านนอกที่ห้องโถงใหญ่ เขาต้องประหลาดใจที่เห็นบิดาเชื้อเชิญหญิงสาวผู้หนึ่งเข้ามาด้านใน
“หวังหย่งมาพอดี” หวังอี้ผู้เป็นบิดายิ้มกว้าง แล้วแนะนำ “นี่บุตรชายคนโตของข้าเองชื่อหวังหย่ง”
“ข้าหวังหย่งยินดีที่ได้รู้จักแม่นาง...” หวังหย่งแสร้งทำเป็นบัณฑิตผู้เรียบร้อย ทว่าในใจลอบชื่นชมความงามของหญิงสาวแปลกหน้าผู้นี้
“ข้าน้อยชิงหรูเจ้าค่ะ” หญิงสาวย่อกายคารวะอย่างงดงาม ใบหน้าอ่อนหวานประดับรอยยิ้มเอียงอายราวบุปผาแรกแย้ม ไม่ว่าใครได้พบต้องหลงใหลจนมิอาจถอนสายตาได้
“รถม้าของข้าเสียกลางทาง โชคดีได้พบท่านเศรษฐีหวังผ่านมาพอดีจึงได้อาศัยติดตามมาที่นี่ ชิงหรูขอรบกวนทุกท่านแล้ว”
“พบผู้เดือดร้อนย่อมต้องช่วยเหลือ แม่นางชิงหรูอย่างได้เกรงใจไปเลย”
“แม่นางชิงหรูจะพักกับเราวันสองวัน รอจนคนที่บ้านส่งรถมารับแล้วจึงจะเดินทางต่อ” หวังอี้เอ่ยบอกลูกชาย “อย่างไรเจ้าให้คนมาดูแลรับใช้แม่นางชิงหรูด้วย”
“ชิงหรูขอบคุณเศรษฐีหวังและคุณชายมากเจ้าค่ะ” นางส่งยิ้มอ่อนหวาน
“ให้จางลี่มาคอยดูแลแม่นางชิงหรูก็แล้วกัน” หวังอี้เห็นสาวใช้ข้างกายบุตรชายเข้ามาพอดีจึงเรียกไว้ก่อน
“เจ้าค่ะ” แม้เพิ่งเดินเข้ามาแต่เมื่อถูกเรียกใช้งาน ในฐานะบ่าวจึงไม่อาจแสดงความไม่พอใจใดๆได้ ยิ่งเห็นสายตาคุณชายหวังหย่งจ้องมองสตรีผู้นั้นแล้ว นางเผลอกำมือแน่นด้วยความริษยา
หญิงสาวแปลกหน้ามองสาวใช้แล้วคลี่ยิ้มด้วยความพอใจ
กลิ่นคาวใคร่คละเคล้ากลิ่นอายความริษยาแจ่มชัดถึงเพียงนี้ นางชอบเหลือเกิน
..
จางลี่เดินเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่และของใช้สำหรับ ‘แขก’ ของนายท่านใหญ่ ไม่รู้หญิงผู้นี้เป็นใครกันแน่ นายท่านถึงได้ให้ความสำคัญมากถึงเพียงนี้ หากจะกล่าวว่าเป็นสตรีสูงศักดิ์แต่ไฉนจึงเดินทางเพียงลำพัง ไร้เงาบ่าวรับใช้ติดตามข้างกาย
“แม่นางชิงหรู บ่าวนำของใช้มาให้แล้วเจ้าค่ะ”
จางลี่เรียกหญิงสาวที่ยืนเหม่ออยู่ริมหน้าต่างด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก ทว่าเมื่อแขกคนพิเศษของนายท่านใหญ่หันมาส่งยิ้มให้ จางลี่กลับเป็นฝ่ายตกตะลึงในความงามของสตรีผู้นี้ งดงามเสียจนนางรู้สึกริษยา
“ลำบากเจ้าแล้ว” หญิงสาวเอ่ยอย่างเกรงใจ เดินมาดูข้าวของที่เศรษฐีหวังส่งมาให้
จางลี่อดไม่ได้มองนิ้วมือเรียวงามที่ลูบไล้เนื้อผ้า แม้เป็นกิริยาเรียบง่ายกลับดึงดูดสายตายิ่งนัก มิน่าเล่า นายท่านจึงได้ใส่ใจสตรีผู้นี้ถึงเพียงนี้ พลันปลายนิ้วดุจหยกงามแตะถูกนิ้วมือของนางที่วางอยู่บนเสื้อผ้าพอดี จางลี่สะดุ้งได้สติแล้วรีบก้มหน้าลงอย่างเจียมตัวและซ่อนความริษยาไว้
“แม่นางกล่าวเกินแล้ว” จางลี่ได้สติรีบพูดขึ้น “บ่าวเป็นเพียงหญิงรับใช้ นายท่านมอบหมายให้บ่าวดูแลแม่นาง บ่าวย่อมมิอาจละเลยหน้าที่ของตนเองได้”
