ในรอยรักร้าว

173.0K · จบแล้ว
กันเกรา
122
บท
8.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คฑาธร ไวทยาพาณิชน์ นักธุรกิจหนุ่ม ผู้สร้างตัวด้วยมันสมอง สองมือ หนึ่งหัวใจกับดวง เขามีอัตตาของความไม่ยอมแพ้ใคร โดยเฉพาะสตรีเพศเมื่อถูกเธอลบอัตตาเขาลง ผสมกับความแค้นครอบครัวเข้าด้วยกันแล้ว เขาคือชายที่อันตรายสุดขีด พิมพ์ภิษา วัฒนากรณ์ หญิงสาวผู้โหยหาความรักและอ้อมกอดของพ่อผู้ให้กำเนิด เมื่อพ่อไม่เคยหยิบยื่นให้ เธอจึงยอมใช้ร่างกายเข้าแลก เพื่อตัวเอง เพื่อพ่อ เพื่อครอบครัว และเพื่อเพื่อนร่วมสังคมเล็กๆ ที่คุ้นเคยแต่สุดท้าย เธอก็ พบว่า สิ่งที่ได้มาคือความว่างเปล่าไพรัช กองทอง อดีตคือหนุ่มผู้ด้อยเงินแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยรัก ปัจจุบัน ไพทัช ไวทยาพาณิชย์ ผู้มากด้วยเงินแต่ไร้รักขจร วัฒนากรณ์ อดีตคือหนุ่มมากด้วยเงินแต่ไร้รัก ปัจจุบันคือผู้ไร้เงินและไร้รักศุภิษา วัฒนากรณ์ อดีตคือหญิงสาวผู้เป็นต้นเหตุแห่งโศกนาฏกรรมรัก ปัจจุบันคือผู้หล่อหลอมสองดวงใจให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยรักมาร่วมตามลุ้นไปด้วยกันว่า ชะตาชีวิตของทั้งห้าคนจะเกี่ยวข้องกันยังไง และลงเอยแบบไหน อะไรคือชนวนทำให้มี “ในรอยรักร้าว” ขึ้น

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักประธานนางกำนัลแก้แค้นพระเอกเก่งพลิกชีวิตดราม่า

EP 1

แรงปรารถนา

ลัมโบร์กินี ฮูราแคนสีขาว แล่นเข้าประตูโรงพยาบาลเอกชน ‘คฑากรณ์ เมโมเรียล’ ไปช้าๆ คนขับต้องใช้เวลาวนหาช่องว่างในลานจอดอยู่สองสามรอบกว่าจะเจอ เลยรีบเสียบหน้ารถเข้าไปหยุดกึกในช่องทันที เจ้าของส่วนสูงร้อยแปดสิบสองก้าวออกมายืนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินเข้าทางประตูใหญ่ มีคนไข้กับบรรดาญาติๆ ต่างยืนหรือนั่งรอให้รถมารับหลายคน

แม้จะมาแบบไม่ได้บอกกล่าวใคร และเป็นการมาแบบนับครั้งได้ แม้จะมีหุ้นสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นก็ตาม แต่พนักงานต่างก็รู้ว่าเขาเป็นใคร พอเห็นหน้าก็เลยรีบยกมือไหว้เป็นทิวแถว ‘คฑาธร ไวทยาพาณิชย์’ ยกมือรับไหว้ด้วยใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ แทบสังเกตไม่เห็นด้วยซ้ำ

แล้วรีบเดินผ่านผู้คนไปยืนอยู่หน้าลิฟต์รวมกับแขกยืนรออยู่นับสิบ

แว่นกันแดดช่วยบดบังไม่ให้ผู้คนเห็นว่า สายตาคู่คมกำลังจับจ้องอยู่จุดไหนหรือที่ใคร เขาผายมือให้ทั้งคนเจ็บและแขกเข้าไปก่อนด้วยความเต็มใจ เพราะไม่ได้รีบเร่งอะไรนักหนา อีกทั้งอยากดูของสวยๆ งามๆ ที่เขาเองก็เพิ่งรู้ว่ามีอยู่ในโรงพยาบาลของตัวเองก็วันนี้

ชุดไทยบรมพิมานสีน้ำเงิน ห่อหุ้มเจ้าของรูปร่างผอมเพรียวดูบอบบางน่าทะนุถนอม ทว่าช่างแข็งแรงกระฉับกระเฉง เวลาเดินไปทักทายลูกค้า ใบหน้าสวยใสแต่งแต้มไว้แต่พอดีนั้น ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ทุกครั้งที่สาวเจ้าเยื้องย่างไป ช่างสง่างามประหนึ่งนางในวรรณคดีที่เขาคิดไม่ออก ว่าควรจะเป็นใคร เขาคะเนในใจคร่าว

‘ส่วนสูงน่าจะร้อยเจ็ดสิบสามบวกลบสอง น้ำหนักน่าจะไม่เกินห้าสิบสี่บวกลบอีกสอง’

เพียงแค่ได้ยืนมองอยู่ไม่กี่นาที เขาก็จินตนาการว่ามีเจ้าหล่อนอยู่ในอ้อมแขน พาเดินตรงไปหาเตียงคิงไซส์ ค่อยๆ เปลื้องชุดไทยนั้นออกจากเรือนกายขาวราวหิมะได้เป็นฉากๆ แล้ว พลอยทำให้เลือดในกายสูบฉีดขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ คฑาธรขัดเคืองนิดๆ กับเสียงอันนุ่มนวล ที่เรียกให้เขาเข้าไปในลิฟต์เมื่อไม่หลงเหลือผู้โดยสารใดๆ แล้ว

เขาเดินเข้าไปกดขึ้นชั้นบนสุด ซึ่งเป็นห้องทำงานของตัวเองกับหุ้นส่วนใหญ่ เลขารุ่นใหญ่วัยสี่สิบห้าหน้าห้องของเขาและของเพื่อนตกใจไม่น้อย กับการมาแบบไม่บอกกล่าว เมื่อเขายื่นความจำนง ว่าจะเข้าไปห้องเพื่อนก่อน เลยถอยห่างออกไปหลังเอ่ย

“เดี๋ยวผกาจะเอากาแฟเข้าไปให้นะคะคุณเบียร์”

“ขอบคุณครับ”

เขาก้าวเข้าไปในห้อง โดยมีเลขาเปิดประตูให้อย่างเอาอกเอาใจ หนุ่มเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดตาสองคน กำลังเดินสวนออกมาพอดี ทั้งเขาและสองหนุ่มต่างยกมือไหว้อีกฝ่ายแทบจะพร้อมๆ กัน เลยไม่รู้ว่าใครไหว้ใครก่อน

“ว่าไงครับท่าน! ลมอะไรหอบมาถึงนี่ครับ หรือว่าเจ็บไข้ได้ป่วยประการใดขอรับ”

‘นายแพทย์ชยุกรณ์ โรจนพานิชย์’ หรือทุกคนในโรงพยาบาลจะเรียกสั้นว่า ‘คุณหมอขวด’ เอ่ยทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“เปล่า! พอดีมาทำธุระแถวนี้ ก็เลยแวะมาหาแกหน่อย”

ส่วนเพื่อนที่สนิทสนม และคบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย อย่างคฑาธรและเพื่อนคนอื่นๆ ก็จะเรียกกันว่า

‘ไอ้ขวด’ จนติดปาก แม้แต่ละคนจะย่างเข้าวัยสี่สิบและต่างก็เป็นเจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารระดับสูงแล้วก็ตาม ในกลุ่มเพื่อนกลับไม่มีอะไรเปลี่ยน

“เสร็จงานหรือยัง ไปนั่งดื่มด้วยกันมั้ย”

คนมาชวนทรุดกายลงนั่งชุดรับแขกหรูหรา ยกขาขึ้นไขว้ห้างอย่างเคยชิน มือก็ถอดแว่นกันแดดออกไปวางไว้บนโต๊ะกลาง

“น้ำเปล่า กาแฟ หรือน้ำผลไม้ล่ะ”

ชยุกรณ์สวนกลับ แม้ตาจะจ้องเอกสารที่กำลังจรดปลายปากกาลงไปเรื่อยๆ ด้วยก็ตามที

“เอ่อ! รู้ล่ะน่าว่าไม่อยากดื่ม แต่นิดๆ หน่อยๆ จะเป็นไรไปวะ ฉันดื่มมาตั้งแต่เด็กยังไม่เห็นตายเลย”

“ใครจะไปรู้ล่ะ บางทีแกอาจจะมีโรคอะไรแอบแฝงอยู่ในร่างกายก็เป็นได้ งั้นตรวจสุขภาพส่วนที่ตรวจได้เลยก็แล้วกันนะ ไหนๆ ก็มาแล้วนี่ ไว้วันอื่นฉันจะจับแกงดข้าวงดน้ำกับมือแล้วพามาตรวจอย่างละเอียดอีกที ระหว่างรอฉันเคลียร์งานเสร็จ จากนั้นอยากหิ้วไปไหน ฉันจะตามใจแกหมด”

“จริงเหรอ”

หนุ่มใหญ่ทำท่าตื่นเต้นน้อยๆ

“อืม!” อีกหนุ่มยังคงมองเอกสารตามเดิม

“งั้นฉันจะยอมอดข้าวอดน้ำแล้วมาตรวจด้วยตัวเองเลย ถ้าแกยอมช่วยอะไรฉันหน่อย”

“เสียงกระดี๊กระด๊าแบบนี้ แปลว่าเรื่องผู้หญิงล่ะสิ”

“เบื่อจังคนรู้ทันนี่”

เขาทำท่าเซ็งน้อยๆ

“ฉันเป็นเพื่อนแกมายี่สิบปีแล้วนะไอ้เบียร์ แค่อ้าปากฉันก็เห็นถึงลำไส้ใหญ่แล้ว เมื่อไหร่จะแต่งงานแต่งการ สร้างครอบครัวเหมือนคนอื่นบ้างล่ะวะ ทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัย ลอยไปลอยมาอยู่แบบนี้ ระวังมีลูกไม่ทันใช้นะเว้ย”

“แกก็รู้ว่าฉันไม่คิดเรื่องพวกนี้ โดยเฉพาะเรื่องลูก ลืมไปได้เลย ไม่มีทาง”

“เอ่อๆๆ ไม่มีก็ไม่มี ว่าแต่งานนี้ไปปิ๊งใครมาล่ะ แล้วจะให้ฉันช่วยอะไร แต่ขอถามหน่อย อย่างแกนี่ต้องให้คนอื่นช่วยด้วยเหรอวะ แค่เอ่ยปาก ผู้หญิงก็วิ่งตามเป็นพรวนแล้ว”

“ก็ขี้เกียจเอ่ยปากน่ะ ใช้แกง่ายกว่า เร็วกว่า ไม่เสียการปกครองด้วย” เขาคิดง่ายๆ แค่นั้นจริงๆ

หมอหนุ่มเงยหน้าจากเอกสารไปหา เพราะสะดุดกับคำหลัง จ้องมองเพื่อนเพื่อคาดคั้นเอาความจริง ว่าตกลงสนใจผู้หญิงคนไหนกันแน่ และถ้าให้เดาคงเป็นพนักงาน พยาบาล หรือไม่ก็หมอคนใดคนหนึ่งในโรงพยาบาลนี้อย่างแน่นอน

“ใครล่ะ! ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นสาวๆ ฝ่ายต้อนรับล่ะสิท่า เพราะแกต้องเห็นตอนผ่านประตูหน้าเข้ามาแน่ๆ ฉันเดาถูกหรือเปล่า”