บท
ตั้งค่า

EPISODE 2 มาเฟียผู้สุขสม

กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย

“อืม…” เสียงครางต่ำในลำคอดังขึ้นเป็นระยะ เจ้าของเรือนกายกำยำซึ่งเต็มไปด้วยมวลกล้ามเนื้อตึงแน่น ประดับด้วยรอยสักรูปมังกรพันรอบลำตัว ทว่าส่วนหัวของมันกลับเลือนหายลงสู่ใจกลางความเป็นชายที่กำลังกระหน่ำกระแทกกระทั้นอย่างไม่บันยะบันยัง

มือใหญ่ทั้งสองข้างจับกระชับสะโพกอวบอัดของสาวรัสเซียผมบลอนด์ที่คลานเข่าอยู่บนขอบเตียงภายในห้องพักของโรงแรมหรูพลางเชิดใบหน้าหล่อคมคายขึ้นขบกรามเข้าหากันแน่น

“อึก!”

เรียวแขนบอบบางพยายามค้ำยันตัวเองไว้อย่างสุดความสามารถ เพื่อทำหน้าที่รองรับแรงอารมณ์ของอีกฝ่ายที่ทำเอาเธอสั่นสะท้านไปทั่วทั้งเรือนร่าง

ขณะเดียวกัน เจ้าของนัยน์ตาสีเทอร์ควอยซ์คู่ลึกล้ำจับจ้องไปยังท่อนเอ็นแข็งขืนที่ผลุบเข้าออกยังจุดเชื่อมต่อฉ่ำแฉะพลางสะบัดฝ่ามือลงบนก้นงอนงามซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกิดรอยแดงเป็นปื้น

หลังจากนั้นเพียงไม่นาน สายธารอุ่นร้อนก็ถูกปลดปล่อยพวยพุ่งลงสู่เกราะป้องกันทุกหยาดหยด แล้วถอดถอนออกมาจากช่องทางอุ่นร้อนพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่ต่างจากสีหน้าไร้อารมณ์

“ออกไปได้”

คาลิกซ์ มาเฟียอิตาลีวัยสามสิบแปดปีพาตัวเองมุ่งหน้าไปยังห้องอาบน้ำพลางดึงเกราะป้องกันทิ้งลงถังขยะทันทีที่หมดประโยชน์ ไม่ต่างจากหญิงสาวที่เขาเพิ่งเสพสุขเสร็จไปหมาดๆ ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

หญิงสาวที่เสร็จจากการทำหน้าที่รองรับอารมณ์ความต้องการดิบเถื่อนของเขา ค่อยๆ ประคองตัวเองลุกออกจากเตียงกว้างโดยใช้มือข้างหนึ่งกุมท้องน้อยที่ยังคงเจ็บและจุกก่อนจะรีบเก็บเสื้อผ้าซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างทุลักทุเล

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเสร็จเรียบร้อยดี ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยเรือนกายสูงใหญ่ของชายในชุดสูทสีดำซึ่งกำลังยื่นกล่องยากับน้ำหนึ่งขวดให้เธอ

“อะไรก็ตามที่ไม่ได้มาจากความต้องการของคุณคาลิกซ์ จะถูกกำจัดเสมือนว่าไม่เคยมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มาก่อน”

เอริค บอดี้การ์ดคนสนิทของมาเฟียหนุ่มพูดเชิงข่มขู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขณะยืนมองอีกฝ่ายที่กำลังปฏิบัติตามคำสั่งของเขาอย่างไม่อิดออดแล้วจึงหลีกทางให้เธอเดินออกไปจากห้อง

ทางด้านของคาลิกซ์ที่ชะล้างทำความสะอาดร่างกายของตัวเองเสร็จก็ออกมาในชุดคลุมสีเทา เรือนผมของเขายังคงเปียกหมาดส่งผลให้ใบหน้าหล่อคมคายดูอ่อนลงกว่าอายุจริงอีกหลายปี

ร่างสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพลางเอื้อมมือหยิบซิการ์ออกจากกล่องไม้โอ๊คมาจุดสูบ รับควันของมันเข้าไปอมไว้ภายในปากพร้อมหลับตา ดื่มด่ำกับรสและกลิ่นอันซับซ้อนก่อนจะพ่นควันสีขาวบางเบาลอยตัวไปทั่วบริเวณ

ซิการ์เป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานรองจากการมีเซ็กซ์กับบรรดาสาวๆ เกือบทั่วโลกที่ต้องเดินทางไปทำงาน ถัดจากนั้นก็คงเป็นการได้ออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อเตรียมความพร้อมสู้รบกับศัตรูที่มีอยู่รอบด้าน

“เครื่องบินเจ็ทพร้อมแล้วครับนาย”

เสียงของลูกน้องคนสนิทที่อายุน้อยกว่าถึงสิบปีทำให้เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นพลางถอนหายใจออกมาอย่างลืมตัว

“ทำไมมันต้องไปจัดงานที่นั่นด้วยวะ”

“ตามประเพณีของทางนั้นครับ”

“คิดว่ากูโง่หรือไง”

“นายถาม ผมก็แค่ตอบ”

“มึงเป็นหุ่นยนต์หรือไง เอริค”

บทสนทนาของทั้งสองกำลังกล่าวถึงเพื่อนชายคนสนิทของมาเฟียหนุ่มที่บังเอิญไปพบรักกับสาวเอเชีย หลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็ประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบซึ่งหากเขาไม่ไป มีหวังได้แตกหักกันอย่างแน่นอน

“บอกมันด้วย ว่าจะไปร่วมงานแค่ช่วงเย็นเท่านั้น แล้วจะบินกลับทันที”

“แต่เราต้องใช้เวลาเดินทางจากที่นี่ไปประเทศไทย ประมาณแปดถึงสิบชั่วโมงเลยนะครับซึ่งถ้าหากบินกลับไปอิตาลีทันทีก็ต้องใช้เวลาอีกสิบสองชั่วโมง”

“แล้วยังไง”

“คือเราต้องอยู่บนเครื่องบินรวมแล้ว ยี่สิบถึงยี่สิบสองชั่วโมงเลยนะครับ”

“มึงทำงานให้ใครกันแน่ โดนมันเป่าหูอะไรมาอีกล่ะ”

“เปล่านะครับ ผมแค่คิดว่าถ้าอยู่พักที่ไทยต่ออีกสองสามวันก็น่าจะดี”

“ถ้าอย่างนั้น แค่คิดก็พอ แล้วมึงไม่มีการมีงานทำหรือไง”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากธุรกิจที่เขาต้องรับช่วงต่อจากบิดาซึ่งวางมือไปแล้วนั้นต้องบอกว่าแทบล้นมือ แต่ยังโชคดีที่มีเอริคคอยช่วยจัดการในสิ่งที่พอจะทำได้

“หลังจากนี้มีเวลาว่างเกือบสัปดาห์เลยล่ะครับ”

“งั้นมึงก็อยู่ไป แต่กูจะกลับ” ตัดบทพร้อมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ทราบแล้วครับ กลับก็กลับ” ค้อมศีรษะให้ผู้เป็นเจ้านายแล้วเดินออกไปจากห้องทันที

หลังจากผ่านการเดินทางอันแสนยาวนาน เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวก็ร่อนลงจอดบนดาดฟ้าโรงแรมหรู ย่านใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย

แสงแดดอ่อนๆ ยามบ่ายคล้อยกระทบแว่นกันแดดสีชาบนใบหน้าหล่อคมคายที่กำลังเดินนำหน้าบอดี้การ์ดกว่าสิบคนไปยังลิฟต์ที่จะพาลงสู่ห้องพักถัดจากนี้เพียงสองชั้น

ทุกจังหวะการก้าวของมาเฟียหนุ่มแฝงไปด้วยอำนาจและความสงบนิ่ง เสียงรองเท้าหนังขัดเงากระทบพื้นหินอ่อนของทางเดินอย่างต่อเนื่อง

แต่เมื่อมาถึงมุมทางเดิน เขากลับหยุดชะงัก สายตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นเหลือบมองไปยังต้นทางของเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นเรื่อยๆ มันไม่ใช่เสียงเดินปกติ แต่เป็นเสียงวิ่ง รวดเร็วและเร่งรีบ

เพียงเสี้ยววินาที ร่างของใครบางคนก็โผล่พรวดออกมาจากมุมทางเดินตรงหน้า ชนเข้ากับมาเฟียหนุ่มอย่างจัง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถทำให้เขาสะทกสะท้านแม้แต่น้อย

แกร๊ก!

เสียงปืนกว่าสิบกระบอกดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะจ่อไปยังเด็กสาวร่างเล็กที่นั่งแหมะอยู่บนพื้นด้วยอาการตื่นกลัวจนเกือบจะสั่นเทา ไม่กล้าแม้แต่จะเงยใบหน้าขึ้นมองคนที่เธอเดินชน เพราะเริ่มจะสติแตกลงไปทุกที

“ช่วย ได้โปรดช่วยฉันด้วย”

มาเฟียหนุ่มที่ค่อนข้างคุ้นชินกับภาษาไทยได้ยินอย่างนั้นถึงกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่เขากลับเลือกที่จะไม่แยแสแล้วตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษที่คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเข้าใจ

“ถ้าเธอไม่ใช่สาวไทย ฉันอาจจะลองคิดดูก็ได้” พูดจบทำท่าจะเบี่ยงตัวเดินจากไป

หมับ!

“ได้โปรดเถอะนะคะ ฉันขอแค่คีย์การ์ดพาตัวเองออกไปจากที่นี่ก็พอ”

มือเล็กทั้งสองข้างถือวิสาสะจับขาของเขาไว้พลางอ้อนวอนอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษตะกุกตะกัก การที่เธอจะออกไปจากชั้นนี้ได้ ไม่ว่าจะทางลิฟต์หรือประตูบันได นั่นหมายถึงต้องมีคีย์การ์ดสแกนเท่านั้น

แต่แล้วเด็กสาวก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อรู้สึกได้ว่ากระบอกปืนกำลังจ่ออยู่ตรงขมับ จากกลุ่มคนที่เปรียบเสมือนความหวังเดียวของเธอ

แกร๊ก!

“ถ้าไม่อยากตายก็รีบเอามือสกปรกๆ ของเธอออกไป”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel