ตอนที่ 4
ปึ่ก!
รุ่งทิวาเงยหน้าขึ้นจากงานของตัวเอง มองรุ่นพี่คนเก่ง ก่อนจะมองสิ่งที่รุ่นพี่วางลงบนโต๊ะ คลีนเซอร์? เอามาให้เธอทำไม
“ไปล้างหน้าออกซะ แล้วกลับมาหาพี่ เร็วนะคะ อย่าให้พี่พูดซ้ำ”
วางตัวเป็นรุ่นพี่ใจร้ายไปก่อน ใจดีมากไม่ได้ เดี๋ยวรุ่นน้องไม่เชื่อฟัง งานมันจะออกมาไม่ดี รุ่งทิวาคว้าขวดคลีนเซอร์ไปแบบไม่ต้องคิด เธอต้องเอาชีวิตรอดต่อไปอีกนาน อะไรที่พอทนได้ก็ต้องทน
สิบนาทีต่อมา
“มานั่งตรงนี้เร็วๆเลยค่ะ”
เมื่อเห็นรุ่งทิวาเดินกลับเข้ามาด้วยสภาพใบหน้าเกลี้ยงเกลา ริสาก็รีบสั่งให้มานั่งประจำที่ หยิบเครื่องสำอางที่วางเตรียมไว้ขึ้นมา บีบรองพื้นแบบพกพาใส่นิ้วมือ แตะลงเบาๆบนผิวหน้าเนียนใส แตะลงให้ทั่วใบหน้า ใช้นิ้วตบๆอยู่อย่างนั้น จนเนื้อรองพื้นซึมเป็นเนื้อเดียวกันกับผิว
ดินสอเขียนคิ้วแบบกันน้ำถูกหยิบขึ้นมา วาดเป็นเส้นไปตามรูปคิ้ว ตวัดปลายให้มันโค้งลงนิดหน่อย เพื่อไม่ให้ดวงตาดูดุเกินไป ทำเหมือนกันทั้งสองข้าง จากนั้นก็หยิบมาสคาราขึ้นมา ปัดเบาๆบนขนตางอนยาว เสร็จแล้วก็หยิบลิปสติกสีส้มขึ้น เช็ดด้านบนสุดออกด้วยทิชชู่ จากนั้นใช้มือที่สะอาด ปาดเอาเนื้อลิปสติกไปทาบนแก้มทั้งสองข้าง และไม่ลืมทาที่ปากด้วย
“เสร็จแล้ว ลืมตาได้จ๊ะ”
ริสามองผลงานตัวเองด้วยรอยยิ้ม รุ่งทิวาเป็นผู้หญิงที่มีโครงหน้าสวยอยู่แล้ว ดวงตากลมโต จมูกเล็กเชิ่ดรั้น ริมฝีปากกระจับ คางเรียวสวย ใบหน้าขาวใสจนเห็นเส้นเลือดเล็กๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม คุณวายุภักษ์ถึงสนใจนักหนา
“อ่า…”
“พี่มีกระจก รอแป๊บ”
แอ๊ด!
“เราคงต้องไปก่อนเวลาแล้วล่ะคุณริสา”
คนทั้งสามหยุดชะงักอย่างพร้อมเพรียงกัน ริสาหยุดมือที่กำลังค้นหากระจก รุ่งทิวาก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าตัวเองเช่นเคย ส่วนคนที่มองเห็นใบหน้าของผู้ช่วยคนใหม่แล้ว เปลี่ยนแผนการในหัวอย่างรวดเร็ว
“ริสา วันนี้คุณช่วยเข้าไปดูฝ่ายแผนงานแทนผมหน่อยนะ”
“อ่า ได้ค่ะท่าน”
“ส่วนคุณ ไปทานข้าวกับลูกค้าด้วยกันกับผม”
รุ่งทิวาเงยหน้ามอง เห็นเพียงแผ่นหลังกว้างเพราะเจ้านายเดินกลับเข้าไปในห้องแล้ว ใบหน้าฉายแววกังวลหันไปมองรุ่นพี่ ริสายิ้มให้กำลังใจ ไม่อยากบอกว่าตอนนี้รุ่งทิวาสวยมากแล้ว อยากแกล้งคนไม่มีความมั่นใจให้ใจเสีย
หน้าตาสวยขนาดนี้ ทำไมถึงได้ประหม่านักก็ไม่รู้ เสียของหมด เสียบุคลิกด้วย
ห้านาทีต่อมา
รุ่งทิวาเดินตามเจ้านายไปขึ้นรถ เธอไม่มีเวลาให้เตรียมตัวเตรียมใจเลย เจ้านายเข้าไปในห้องไม่นาน ก็ออกมาสั่งให้เธอเดินตามออกไปขึ้นรถ รู้สึกประหม่ามาก ทำงานตำแหน่งใหม่วันแรก ก็ได้ออกไปข้างนอกกับท่านประธานเลย เธอจะทำผิดพลาดไหมก็ไม่รู้
“เอ่อ ขอโทษค่ะ ดิฉันต้องนั่งตรงไหนค่ะ”
ถามเจ้านายที่กำลังจะเปิดประตูฝั่งคนขับ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน คิดเพียงไม่นานก็เปิดปากตอบคำถามผู้ช่วยเลขา
“เบาะด้านหน้าครับ”
ขึ้นไปนั่งรอในรถเงียบๆ รุ่งทิวาเปิดประตูเข้าไปนั่งบ้าง กลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูก กระแสความเย็นตกกระทบผิวแก้มจนเริ่มหนาว นั่งอยู่นิ่งๆ จนเจ้านายต้องโน้มตัวเข้าไปดึงเข็มขัดนิรภัยที่อยู่อีกฟาก
ครืด!!
“อ๊ะ!”
ลมหายใจร้อนผ่าวที่พัดผ่านผิวแก้มไป ไม่น่าตกใจเท่าใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงคืบ รุ่งทิวากลั้นลมหายใจทันที หัวใจเต้นระรัวขึ้น ราวกับจะหลุดออกมาจากอก
อย่านะคะ อย่าได้ยินเสียงหัวใจฉันเต้นเลยนะท่านประธาน
“ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งนะครับ”
“อ่า ค่ะ”
รุ่งทิวาตอบเหมือนละเมอ มองใบหน้าที่อยู่ใกล้ หัวใจพลันเต้นเร็วขึ้นกว่าเดิม รอยยิ้มมุมปากนั่นคืออะไร เธอไม่เข้าใจรอยยิ้มแบบนั้นของเจ้านายเลย
ยิ้มเยาะ ยิ้มขัน หรือยิ้มพอใจ?
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
สถานที่ที่เจ้านายพารุ่งทิวามา คือภัตตาคารซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง รุ่งทิวาเดินตามเจ้านายเข้าไปในอาคารเงียบๆ เธอเงียบตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้ว ด้วยไม่รู้จะคุยอะไร เธอเป็นคนคุยไม่เก่ง เจ้านายก็โฟกัสอยู่ที่การขับรถ และเธอเพิ่งจะเคยเห็น คนระดับประธานบริษัทขับรถด้วยตัวเอง เธอจึงค่อนข้างเกร็งตอนนั่งอยู่ภายใน
ปึ่ก!
ยกมือขึ้นจับจมูกตัวเองทันที หลังจากชนเข้ากับแผ่นหลังแข็งราวกับหิน เงยหน้าขึ้นกำลังจะพูดคำว่าขอโทษ แต่รอยยิ้มแบบนั้นของเจ้านาย กลับทำให้เธอพูดไม่ออก หัวใจทำงานหนักอีกครั้งแล้ว เต้นรัว เร็ว จนเธอนึกกลัว ว่ามันจะกระดอนออกมาด้านนอกจริงๆ
“เจ็บไหม?”
“เจ็บค่ะ แต่ท่านน่าจะเจ็บกว่า”
เพราะเธอเป็นฝ่ายชน คนที่ถูกชนน่าจะเจ็บกว่า วายุภักษ์เลิกคิ้วขึ้นสูง ใช่ที่เขาถูกเธอชน แต่ระดับความแข็งแรงของร่างกายมันต่างกัน เธอชนแผ่นหลังเขาเต็มแรง เขาไม่เจ็บเลย ส่วนเธอ ปลายจมูกเล็กๆนั่นกำลังขึ้นสีแดงเรื่อ
“ผมไม่เจ็บ”
พูดจบก็ลดมือที่กำลังจะยกขึ้นลง เกือบเผลอเอื้อมมือไปจับซะแล้ว เขาพยายามที่จะไม่แตะต้องเธอก่อนเวลาอันควร มั่นใจว่าเธอต้องเป็นน้ำมันแน่ ส่วนเขาก็เป็นไฟร้อนที่กำลังลุกไหม้อยู่ แตะเธอตอนนี้ เขากลัวว่าไฟปรารถนาในกายจะลุกโหม จนควบคุมมันไว้ไม่ได้อีกต่อไป
วายุภักษ์ผายมือเชิญผู้หญิงสวยที่มาด้วยกัน ให้เธอนั่งอยู่อีกฝากของโต๊ะอาหาร ส่วนตัวเองนั่งลงอีกฝั่งหนึ่ง เว้นที่ว่างไว้สำหรับลูกค้า ก้มมองนาฬิกาในข้อมือตัวเอง ใกล้จะถึงเวลานัดแล้ว แต่ไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะลูกค้ารายใหญ่นี้ เคยเจรจาทำการซื้อขายกันมาแล้วหลายครั้ง
“ขอโทษที่มาช้าครับ”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นเหนือศรีษะ รุ่งทิวาจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง ลุกขึ้นยืนตามเจ้านาย ยกมือทั้งสองขึ้นไหว้ ต่างจากคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า เขายื่นมือออกไปสัมผัสกับลูกค้าเพียงไม่กี่วินาทีก็ชักมือกลับ
“ผมก็เพิ่งมาถึงครับ”
น้ำเสียงติดไปทางเย็นชา สายตาทอดมองใบหน้าหล่อเหลาหากแต่อ่อนเยาว์กว่าตัวเองมาก สายตาลูกค้ารายใหญ่จ้องมองพนักงานที่วายุภักษ์พามาด้วย สายตาแบบนั้น เห็นแล้วทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเลย
“ไม่ใช่คุณริสานี่ครับ เลขาคนใหม่เหรอ”
จิรายุมองคนสวยที่ยืนอยู่ข้างๆตัวเองอย่างสนใจ สำรวจใบหน้าเธอด้วยความชื่นชม ดวงตากลมโต คิ้วเรียวสวย จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากสีส้มน่าสัมผัส อิจฉาผู้ชายชื่อวายุภักษ์จริงๆ ชายหนุ่มรุ่นพี่คนนี้ มักจะผูกขาดผู้หญิงสวยไว้ข้างกายเสมอเลย
“ครับ”
ตอบเสียงเรียบ ก้าวเดินไปหยุดยืนข้างผู้ช่วยเลขา ผายมือเชิญให้ลูกค้านั่งลงอีกฝั่ง จิรายุจำต้องเดินไปนั่งตามมือที่เชื้อเชิญ เมื่อเห็นว่าลูกค้านั่งที่เรียบร้อย วายุภักษ์ก็ผายมือเชิญให้คนของตัวเองนั่งบ้าง นั่งลงข้างๆเมื่อเห็นว่าเธอนั่งเรียบร้อยแล้ว
เอกสารที่ถือมาด้วยตัวเอง ถูกเลื่อนไปให้ลูกค้าหนุ่มดู บทสนทนาที่รุ่งทิวาต้องจดจำ ทำให้รีบหยิบสมุดพกในกระเป๋าออกมาขีดเขียน จดบันทึกใจความสำคัญของการสนทนา เจ้านายหยุดพูด ก็หยุดมือลง และเริ่มจดอีกครั้งเมื่อเจ้านายเริ่มพูดอีก
“ของทั้งหมดจะส่งภายในวันอาทิตย์หน้าครับ”
“ครับๆ”
จิรายุแทบจะไม่ได้ฟังสิ่งที่วายุภักษ์พูดเลย เขาเอาแต่มองผู้หญิงเพียงคนเดียวอย่างสนใจ ทุกการกระทำของจิรายุ อยู่ในสายตาคนอายุมากกว่าตลอด
