ผู้ชายที่แสนดี
หลังจากนัทได้เห็นข้อความของแนท เขารีบทานข้าวบ้านแม่ของแดนเสร็จแล้ว จึงรีบกลับมาเพราะรู้เลยว่า น้องสาวอยู่บ้านคนเดียว เขาจะต้องรีบกลับมาดูแลเธอบ้าง เพราะเกรงว่าน้องสาวอยู่บ้านคนเดียวจะไม่ปลอดภัย
“แม่ไปทำงานโอ.ที. อีกแล้วรึ?” นัทถามแนท เมื่อเห็นน้องสาว กำลังนั่งกินบะหมี่ร้อนๆ ชามเดียวเพียงลำพังในห้องครัว
“อืม...พี่กินข้าวรึยังล่ะ? หรือว่าไปบ้านพี่แดนเหมือนเดิม?” แนทถาม ด้วยสายตาอิจฉาบ้าง เธออยากกินอาหารอร่อยๆ และเริ่มจะเบื่ออาหารตามสั่งที่แทบจะกินเบื่อทุกวันอยู่แล้ว
“ถ้างั้นคราวหน้า แนทก็แวะไปบ้านแดนสิ” นัทชักชวน เพราะอยากให้แนทได้กินอาหารดีๆ จากบ้านแม่ของแดน
“ไม่เอาอ่ะ เกรงใจ! แค่พี่ไปกินข้าวบ้านเขาบ่อยๆ แม่เพื่อนพี่ไม่ว่าหรอ?” แนทบ่นไป คีบเส้นบะหมี่ช้อนเข้าปากช้าๆ
“ไม่ว่าหรอก พี่สนิทกับแดน และแม่ของแดนก็ใจดี เลี้ยงข้าวพี่ทุกเย็นเลย ไม่เห็นบ่นสักคำ!” นัทยังรู้สึกแน่นท้อง และรู้สึกต่อมาว่า น้ำพริกกะปิปลาทู เริ่มทำปฏิกิริยาให้เขาต้องรีบเข้าห้องน้ำ
“กินข้าวเสร็จแล้ว มีการบ้านให้พี่สอนหรือเปล่า?” นัทถามก่อนจะเข้าห้องน้ำอย่างเร่งรีบ แนทจึงตอบไปตามปกติว่า
“วันนี้พี่จะต้องสอนเลขให้นะ หนูจะต้องสอบแล้ว ก่อนจบปีนี้ หนูจะต้องได้คะแนนอันดับหนึ่ง เพื่อต่อเรียนม.หนึ่งให้ได้!!!” แนทตั้งเป้าหมายแน่วแน่ว่า เธอจะต้องสอบผ่าน...อย่างแน่นอน
ส่วนนัทรีบพาตัวเองแจ้นเข้าห้องน้ำ เพื่อจัดการกับระเบิดสีเหลือง กำลังบุกรุกเขาอย่างรุนแรง สำหรับการลำเลียงระเบิดออกจากท้องของเขาอย่างรวดเร็ว
******
“เลื่อนไปทางขวาหน่อย... ไม่ใช่ ยกสูงอีกนิด” ศรันย์ พ่อของแดน ทำงานเป็นช่างดิสเพลย์ตกแต่งตามห้างสรรพสินค้า เขาจะรับงาน และดีไซน์คอนเซ็ป เพื่อจัดดิสเพลย์ให้ดูน่าสนใจ เพื่อช่วยเหลือผู้ว่าจ้าง โฆษณาขายของให้แก่ลูกค้าดีขึ้น
เขาต้องลงมือเอง และบอกแนวทางคอนเซ็ปต์ในการจัดดิสเพลย์กับผู้ช่วยทุกคน ทั้งจัดแจง ตกแต่ง เล่นแสง อีกทั้งดนตรี และอุปกรณ์ลูกเล่นมากมาย จะว่าไปก็คล้ายๆ กับการเล่นมายากลหลอกเด็ก แต่มันก็ได้ผลสำหรับลูกค้าที่ชอบมาเดินห้างเย็นๆ และพบกับดิสเพลย์สวยงาม มีลูกเล่นตื่นตาตื่นใจ ที่ทำให้สายตาหลายๆ คนจับจ้องไปยังผลงานของศรันย์
ในเวลาเดียวกันที่ สิริ รีบกลับเข้ามาทำงานพาร์มไทม์ เป็นพนักงานขายเครื่องสำอาง หลังจากที่เสร็จงานกะแรก เธอทำงานเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ คอลเซ็นเตอร์เลิกบ่าย สิริรีบขับรถไปรับแนทกลับจากโรงเรียน เพื่อรีบไปส่งบ้าน...
จะให้มาเล่นอยู่ข้างๆ เธอขายเครื่องสำอางก็กะไรอยู่ เมื่อวานแนทเล่นซนกับเครื่องสำอางตัวอย่าง จนลูกค้าอดขำเล็กๆ น้อยๆ กับเด็กประถมสนุกกับการแต่งหน้าเละเทะสุดๆ
สิริคิดว่า จะให้แนทมาเล่นเครื่องสำอางตอนเธอทำงานกะเย็นอีกไม่ได้ วันนี้จึงไม่ได้ให้แนทมาอยู่ที่ทำงานกับเธออย่างเก่าไม่ได้ เลยไปส่งแนทพร้อมซื้ออาหารให้ทาน รอนัทกลับบ้านดูแลแนทมากกว่าจะปล่อยให้มาอยู่กับสิริ...
ระหว่างนั้นเองที่ศรันย์เหลือบสายตามองไปพบกับสิริ กำลังขายเครื่องสำอางมียี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง เขาจำได้ว่า เธอเป็นแม่ของแนท น้องสาวของนัท เพื่อนสนิทลูกชายเขา รู้สึกว่าอยากมีเวลาดีๆ เรื่องการซื้อเครื่องสำอางดีๆ สำหรับภรรยา
ศรันย์จึงขอตัวเลี่ยงจากงานของตัวเอง หลังจากที่ผู้ช่วยของเขา กำลังจัดแจงดิสเพลย์เข้าที่เข้าทางแล้ว ศรันย์จึงก้าวเท้าเดินไปยังแผนกเครื่องสำอางดัง ขณะที่สิริกำลังสาธิตการใช้น้ำหอม ควบคู่กับการใช้อายแชว์โดวให้ลูกค้ามีอายุคนหนึ่ง
เธอจะใช้เครื่องสำอางอะไรก็ไม่ได้ดังใจที่ต้องการ สิริจึงบอกว่า จะทำอย่างไรให้การเกลี่ยครีม และไล่เฉดโทนสี ดูเนียน ลบริ้วรอย กลบเกลื่อนอายุที่แท้จริงได้ดี สิริทำให้ลูกค้าสาวอาวุโสพึงพอใจ จนต้องซื้อของเธอไปหลายอย่าง
สิริได้ค่าคอมมิชชั่น และเงินเดือนที่น่าพอใจ แม้เธอจะต้องรับภาระในการทำงานหนัก กะเช้า และกะเย็น สองอาชีพในหนึ่งวัน อีกทั้งต้องเลี้ยงลูกสองเป็นซิงเกิ้ลมัมซะขนาดนี้ หวังว่านัทเรียนจบแล้ว จะทำให้เธอสบายได้เสียที...
******
“สวัสดีครับ” ศรันย์เข้าไปกล่าวทักทาย พลางเหลือบมองสิริมากกว่าจะมองเครื่องสำอางดีๆ เหล่านั้นตรงหน้า
“สวัสดีค่ะ คุณศรันย์ มาทำงานที่นี่รึคะ?” สิริยิ้มแย้มทักทาย ราวกับศรันย์เป็นลูกค้า ความจริงเธอรู้อยู่แล้วว่า เขาเป็นพ่อเพื่อนสนิทลูกชายเธอ และอีกอย่าง เขามาทำงานถึงที่นี่ ก็คงจะได้ค่าตอบแทนดีพอสมควร
“ผมก็ใกล้จะเสร็จงานแล้วล่ะครับ เห็นว่าขายเครื่องสำอางอยู่ ช่วยแนะนำให้นันดา ภรรยาผมได้มั๊ยครับ? เธอชอบเครื่องสำอางที่ใช้สารเคมีไม่แรง มีแบบธรรมชาติมั๊ยครับ? พวกครีมบำรุงผิว ทำนองนั้น...”
ศรันย์กล่าวถามบอกรายละเอียดไปเล็กน้อย พอที่จะซื้อไปฝากภรรยาที่บ้านได้บ้าง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ร่องหน้าอกของสิริ ดูกลมกลึงเซ็กซี่จนเขาอยากจะลองสวมกอด และโอบแนบเนื้อ อาจจะทำให้ความรู้สึกใจที่ห่อเหี่ยว แข็งขึง ปึ๋งปั๋งขึ้นมาบ้าง
ชายหนุ่มเดินอ้อมไปใกล้ๆ สิริ เพื่อจะขอทำตามอย่างที่ใจคิด หญิงสาวไม่รู้จะหาหนทางหนียังไง ระหว่างที่กำลังหาเครื่องสำอางที่น่าจะเหมาะกับภรรยาของศรันย์ และเมื่อเธอกำลังจะยื่นของให้แก่เขา กลับกลายเป็นว่า เขาเข้ามาสวมกอดโอบแนบเนื้อแบบเนียนๆ
“ต้องใกล้ขนาดนี้เลยรึคะ?” สิริถามด้วยความตื่นตระหนก นานแล้วตั้งแต่เลิกกับสามี เธอไม่ได้ใกล้ชิดกับชายใดอีกเลย เพราะตั้งใจเลี้ยงลูกสองคนมาเพียงลำพังตั้งแต่คลอดแนทมาแบเบาะ เธอไม่มีชายใดมาแตะอีกเลย...
“อยากรู้สึกถึงเวลากอดสาวสวยสักคน แต่งหน้าสวยด้วยเครื่องสำอาง แมทกับกลิ่นน้ำหอมยี่ห้อดีๆ ผมว่ามันต้องแพงแน่ๆ เลย” ศรันย์เกี้ยวเธอเบาๆ พลางเหลือบสายตามองข้ามครีมในมือเธอ เลยไปมองร่องหน้าอกเธอใกล้ๆ กว่าเดิม
“นี่คือ ครีมของคุณ” สิริส่งครีมให้ถึงมือเขา แล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวออกห่างจากศรันย์ เพราะว่าเขาล่วงเส้นล้ำใกล้เธอมากเกินไปแล้ว ใจหนึ่งอยากจะบอกปัดห้ามเขาให้อยู่ไกลๆ แต่อีกใจกลับบอกว่าลองเล่นๆ สักหน่อยจะเป็นไรไป ลูกชายเธอไม่รู้หรอก....
“ขอบคุณครับ ใช้ครีมแล้ว จะสวยเหมือนนางฟ้าอวตารลงมาหาผมทุกคืนเลยมั๊ย?” ศรันย์เกี้ยวเรื่อยเปื่อย โดยตั้งใจว่าจะชวนสิริไปทานข้าวด้วยกันหลังเลิกงานสักหน่อย หากว่าเธอไม่ขัดข้อง เขาก็อยากจะอยู่กับเธอให้ชื่นใจอีกสักนิด...
“ภรรยาคุณสวยอยู่แล้วค่ะ...” สิริยิ้มหวานๆ แล้วเดินหนี... แต่เมื่อมือหนาจับข้อมือเธอเอาไว้ ศรันย์กล่าวชักชวนเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง... เขาพร้อมที่จะเลี้ยงข้าวให้แก่เธอ
“เลิกงานแล้วไปทานข้าวกับผมด้วยกันมั๊ยครับ?” ศรันย์กล่าวชักชวน ด้วยสายตาจริงจัง ทำให้สิริเกิดอาการเขินอาย อย่างที่ไม่ได้เป็นมานานแล้วหลายปี นับตั้งแต่แยกทางกับสามี เพราะเขาเจ้าชู้ไปมีเมียใหม่ ทอดทิ้งเธอกับลูกๆ สองคน
“ได้สิคะ...” สิริตอบรับ เพราะเธอรู้สึกเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างมานาน ทานข้าวกับพ่อเพื่อนลูกชายอย่างเดียว คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก...
******
