ตอนที่6 ฟางเส้นสุดท้าย
ตอนที่6 ฟางเส้นสุดท้าย
สำนักงานใหญ่บริษัทออกแบบและก่อสร้างขนาดใหญ่
ห้าโมงเย็น
“ไซน์ วันนี้แกว่างไหมเราไปหาอะไรกินกัน” ซีไนซ์เปิดประตูเดินมาหย่อนสะโพกกลมมนนั่งลงขอบโต๊ะทำงานของดีไซน์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหลังจากเคลียร์งานของตัวเสร็จพอดีกับเวลาเลิกงาน
“วันนี้ฉันนัดโยธาไว้แล้ว เอาไว้วันหลังนะ” ดีไซน์ที่กำลังรีบร้อนเก็บของยัดใส่กระเป๋าเพราะวันนี้นัดกับแฟนหนุ่มไว้ว่าจะไปทานมื้อค่ำด้วยกันหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันเกือบเดือนเพราะโยธาต้องไปคุมไซต์งานที่ต่างจังหวัด
ครืด ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ดีไซน์ดังแทรกขึ้น
‘ค่ะ ว่าไงคะโยไซน์กำลังเก็บของกำลังจะลงไปค่ะ’ ทันทีที่กดรับสายก็เอ่ยเสียงหวานบอกกับแฟนหนุ่มทันที
‘ไซน์วันนี้โยขอยกเลิกนัดก่อนได้ไหมพอดีโยมีธุระด่วนน่ะ’ รอยยิ้มก่อนหน้าหุบลงทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่แฟนหนุ่มตอบกลับมา
‘ด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ ไปทานข้าวก่อนแล้วค่อยไปได้ไหมคะ’ ดีไซน์ถามกลับเสียงอ่อนทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
‘ไม่ได้ครับ โยมีธุระด่วนจริงๆ เอาไว้วันหลังเราค่อยไปทานข้าวด้วยกันนะครับ แค่นี้นะครับโยต้องรีบไปแล้ว ตุ๊ด’ สายถูกตัดไปทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ โดยปลายสายไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร ไม่แม้แต่ที่จะอธิบายรายละเอียดหรือกล่าวขอโทษเธอแม้แต่น้อย
“แกอยากกินอะไรวันนี้ฉันเลี้ยงเอง” ใบหน้าเรียวเล็กเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์หลังจากสายถูกตัดไปและหันไปถามเพื่อนที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างเธอกับแฟนหนุ่มแต่แรก
“แกโอเคใช่ไหม” ซีไนซ์ไม่ได้ตอบคำถามดีไซน์แต่ถามกลับด้วยความเป็นห่วง
“ฉันโอเค โยเขาแค่มีธุระด่วนน่ะ” ดีไซน์ตอบกลับเสียงหงอยสีหน้าดูเศร้าลงเล็กน้อย แต่ถ้ามองผิวเผินก็ดูไม่ออกว่ากำลังมีเรื่องเศร้าใจอยู่ แต่ซีไนซ์ที่เป็นเพื่อนสนิทมองครู่เดียวก็รู้ทันทีว่าเพื่อนเธอกำลังเสียใจ
บนรถ
“สรุปว่าแกจะพาฉันไปไหนเห็นขับรถมาตั้งไกลแล้ว”
ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์ซีไนซ์ดังแทรกขึ้น
‘สวัสดีค่ะพี่ชายสุดหล่อ วันนี้โทรหาน้องสาวสุดสวยไม่ทราบว่าคิดถึงน้องหรือมีเรื่องอะไรคะ’ เสียงหวานสดใสตอบกลับปลายสายทันทีที่กดรับสาย
‘พี่จองร้านอาหารอิตาเลียนไว้ มาทานข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อย’ ซีไนซ์ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ชายบอก ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว
‘ได้ค่ะพี่ชายสุดที่รัก เหมือนว่ากุมารที่พี่เลี้ยงไว้จะเป็นเด็กดีนะคะวันนี้ ส่งโลเคชันมาให้น้องเลยค่ะ’ ซีไนซ์ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเผยขึ้นมุมปากระหว่างรถจอดรอสัญญาณไฟเขียวก็หันไปมองหน้าเพื่อนเป็นระยะแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไร
“วันนี้เรามีเจ้ามือเลี้ยงข้าวแล้ว” ซีไนซ์หันมาพูดกับดีไซน์ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“เจ้ามือที่แกว่า อย่าบอกนะว่าพี่ชายแก”
“ใช่ไง นานๆ ทีพี่ชายฉันจะว่าง ถือโอกาสนี้แนะนำให้แกรู้จักด้วย คลาดกันทุกครั้ง ครั้งนี้จะได้เจอกันสักที” รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นมุมปาก รถยนต์คันหรูมุ่งหน้าสู่ถนนเส้นหลักใจกลางกรุงเทพฯ ไปยังร้านอาหารชื่อดังที่คนเป็นพี่ชายส่งโลเคชันมาให้
ทางด้านลุคค์
ลุคค์ที่กำลังเดินซื้อของอยู่ที่ห้างดังใจกลางกรุงเทพฯ แต่บังเอิญเห็นแฟนหนุ่มของเพื่อนน้องสาวเดินควงคู่กับผู้หญิงคนอื่นออกมาจากร้านแบรนด์ดัง ลุคค์ขับรถตามมาจนมาถึงร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังที่พึ่งเปิดสาขาใหม่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลุคค์เจอโยธาควงอยู่กับผู้หญิงอื่น ตั้งแต่ที่ไซต์งานที่ภูเก็ตเขาก็พบเห็นอยู่บ่อยครั้งรวมทั้งที่กรุงเทพฯ ก็สองถึงสามครั้ง ที่ภูเก็ตเขาอาจจะพอทำเป็นหูหนวกตาบอดได้เพราะเข้าใจว่าผู้ชายต้องไปทำงานห่างแฟนนานๆ อาจจะมีเหงาบ้าง มันแค่การนอกกายแต่ไม่ได้นอกใจ ตราบใดที่ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้คิดจริงจังเขาก็จะทำเป็นมองไม่เห็น แต่สำหรับคนนี้ดูเหมือนว่าจะจริงจังทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เลิกกับเพื่อนน้องสาวด้วยซ้ำ และดูเหมือนดีไซน์เองจะยังไม่รู้เรื่องนี้ นี่จึงเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับผู้ชายคนนี้
ตู๊ด..ตู๊ด..ตู๊ด..
“พี่ลุคค์อยู่ไหนคะซีมาถึงร้านแล้วค่ะ” ซีไนซ์รีบต่อสายหาพี่ชายทันทีที่จอดรถสนิท ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นที่จะได้เจอพี่ชายหรือตื่นเต้นที่จะได้กินอาหารฟรี
“พี่กำลังทำธุระอยู่ใกล้เสร็จแล้วอีกสิบนาทีพี่ตามไป พี่จองโต๊ะไว้แล้วเข้าไปสั่งอาหารรอก่อนได้เลย” ลุคค์ที่ยืนหลบอยู่มุมด้านข้างของร้านใกล้ๆ กับโต๊ะที่โยธาและหญิงสาวอีกคนนั่งอยู่
“พี่ชายฉันกำลังตามมา เราเข้าไปสั่งอาหารรอด้านในกันพี่ชายฉันจองโต๊ะไว้แล้ว” ทั้งสองเปิดประตูลงจากรถเดินดุ่ม ดุ่ม เข้าด้านในร้านโดยมีพนักงานของร้านยืนรอต้อนรับอยู่ด้านหน้า
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าได้จองโต๊ะไว้หรือเปล่าครับ” พนักงานชายเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“จองไว้ค่ะ ชื่อลุคค์” ทั้งสองเดินตามพนักงานเข้าไปยังโซนด้านในของร้านซึ่งทั้งโซนมีอยู่เพียงแค่ไม่กี่โต๊ะที่ตั้งอยู่ค่อนข้างห่างกันพอสมควรให้ความเป็นส่วนตัวแต่สามารถมองเห็นกันได้
“โย” ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นแผ่นหลังกว้างที่คุ้นตากำลังนั่งทานอาหารอยู่กับหญิงสาวที่เธอเองก็รู้จัก รวมทั้งซีไนซ์เองก็รู้จักเพราะเป็นพนักงานฝ่ายการตลาดอยู่บริษัทเดียวกันกับที่เธอทำงานอยู่
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นทางเดินตามจังหวะเร่งฝีเท้าของหญิงสาว
“โยคะ” เท้าเรียวยาวเดินไปหยุดตำแหน่งกึ่งกลางโต๊ะระหว่างชายหญิงทั้งสอง เอ่ยเรียกชื่อแฟนหนุ่มเสียงเรียบ
“ซะ..ไซน์ มะ..มาได้ไง” โยธาเอ่ยถามเสียงกระท่อนกระแท่นคิ้วดำคมเข้มขมวดเข้าหากัน มือสองข้างยังจับช้อนส้อมแน่น
“พี่ไซน์สวัสดีค่ะ มาทานข้าวที่นี่เหมือนกันเหรอคะ ร้านนี้พี่โยเห็นรีวิวบอกว่าอร่อยเลยอยากพาแตงมาทานน่ะค่ะ” ยังไม่ทันที่ดีไซน์จะตอบคำถามโยธาหญิงสาวอีกคนก็กล่าวทักทายแทรกขึ้นอย่างดูมีมารยาท
“แตงเงียบก่อน พี่ขอคุยกับไซน์ก่อน” ชายหนุ่มตัวต้นเรื่องหันไปดุเสียงแข็งจนหญิงสาวรุ่นน้องถึงกับหน้าเสีย นั่งมองทั้งสองคนสายตาไม่พอใจ
“ธุระด่วนของโยคือมาทานอาหารอีตาเลี่ยนนี่เหรอคะ” ไซน์เอ่ยถามเสียงเรียบใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอาการเสียใจออกมาให้ได้เห็น
“ไซน์ โยอธิบายได้นะไซน์ฟังโยก่อน” ฝ่ามือหนาคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กของดีไซน์
“อธิบายมาสิคะ ไซน์รอฟังอยู่” ดีไซน์สะบัดแขนอย่างแรงให้หลุดจากการเกาะกุมด้วยท่าทีรังเกียจ
“พี่โยคะ บอกพี่ไซน์เหมือนที่พี่บอกแตงสิคะ พี่บอกว่ากลับจากภูเก็ตรอบนี้พี่จะบอกเลิกพี่ไซน์ไม่ใช่เหรอคะ” แตงพูดแทรกขึ้นเสียงดัง สายตาจ้องหน้าชายหนุ่มเขม็ง โดยมีดีไซน์ยืนกอดอกรอฟังคำตอบอย่างใจเย็น
“ไซน์กลับไปก่อนนะ เอาไว้โยจะไปอธิบายให้ฟังทีหลัง”
“ไซน์เปิดโอกาสให้โยพูดแล้วแต่โยเลือกที่จะไม่พูดเอง ถ้างั้นไซน์ขอพูดบ้างแล้วกันนะคะ เราเลิกกันเถอะค่ะ นับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ไซน์ให้เวลาโย 3 วันเก็บของออกจากห้องไซน์ไปซะ” พูดจบดีไซน์ก็หมุนตัวเดินออกจากตรงนั้น ขาเรียวยาวก้าวเท้า ฉับ ฉับ ฉับ เดินออกจากร้านอาหารทันที
“ไซน์ ไซน์ ฟังโยก่อน ไซน์..” หลังจากนิ่งอึ้งกับคำพูดของแฟนสาวที่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเอ่ยคำนี้ออกมา เมื่อได้สติจึงลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้รีบวิ่งตามหลังไป
“ปล่อยเธอไปเถอะครับ คุณกลับไปอยู่กับคนที่เหมาะสมกับคุณน่ะดีแล้ว ต่อไปนี้คุณไม่มีสิทธิ์ยุ่งวุ่นวายกับเธออีก” ร่างสูงหุ่นนายแบบฉบับหนุ่มลูกครึ่งเดินออกจากมุมด้านหลังของร้านเข้ามาขวางทางโยธาขณะที่กำลังจะวิ่งตามดีไซน์ออกไป
“พี่ลุคค์”
“ซีรีบตามไซน์ออกไป ทางนี้พี่จัดการเอง” ซีไนซ์ที่ยืนอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าพอได้สติก็รีบวิ่งตามเพื่อนสาวออกไปและไปเจอดีไซน์ยืนร้องไห้อยู่ข้างรถฝั่งข้างคนขับ
“ไซน์ แกโอเคใช่ไหม”
“ฉันขอเวลาแค่สิบนาที” มือเล็กของซีไนซ์ยื่นไปกุมมือของเพื่อนเพื่อให้กำลังใจอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่พูดหรือถามอะไรต่อ
