บทที่ 6 ทำความดีไม่เคยหวังผลตอบแทน
บทที่ 6 ทำความดีไม่เคยหวังผลตอบแทน
มือใหญ่เอื้อมไปลูบศีรษะของสาวน้อยเบา ๆ ส่งยิ้มเป็นมิตรให้กับเธอ “ตาบอกแล้วไงว่าไม่ต้องกังวลเรื่องของพ่อ ตาจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง”
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณตา เราไม่ได้เป็นอะไรกัน หนูจะเห็นแก่ตัวได้อย่างไรคะ”
“ทำไมจะไม่ได้เป็น หนูเป็นหลานของคุณสุนทรี คนที่เคยดีกับตาทุกอย่าง ดังนั้นตามีโอกาสได้ตอบแทนน้ำใจของท่านก็ตอนนี้แหละ”
“แม่บอกว่ายายทำความดีไม่เคยหวังผลตอบแทนหรอกค่ะคุณตา แม่หนูก็สอนหนูแบบนี้เหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้นคิดซะว่าหนูเป็นหลานของตาก็แล้วกันนะ หลานยายสุนทรีคือหลานตาฮาโตริ ดีไหม.. หือ” เห็นเธอลังเลเขาจึงย้ำถามในลำคอ
“ค่ะ แต่คุณตาคะ”
“หือ”
“หนูซาบซึ้งในน้ำใจของคุณตามาก ๆ และกราบขอบพระคุณที่เมตตาหนู แต่หนูคงรับน้ำใจของคุณตาฝ่ายเดียวไม่ได้ เอาเป็นว่าหนูจะพยายามหาเงินมาใช้ให้คุณตานะคะ หนูจะค่อย ๆ ผ่อนใช้ให้คุณตาเท่าที่หนูจ่ายไหวนะคะ”
“หนูเรียนหนังสืออยู่ไม่ใช่เหรอ” เขารู้ว่าเธอทำงานพาร์ตไทม์ที่โรงแรมในเครือมามิยะ แต่ก็แกล้งถามไปอย่างนั้นเอง
“เรียนค่ะ แต่หนูก็ทำงานด้วย เดี๋ยวหนูจะลองหางานทำเพิ่มอีกสักอย่าง”
“อย่าทำแบบนั้นเลยนะหนู ร่างกายจะย่ำแย่เอา ถ้าป่วยขึ้นมาอีกคนใครจะดูแลพ่อล่ะ เอาเป็นว่าตารับข้อเสนอของหนูก็แล้วกัน แต่ห้ามทำงานเพิ่มอีกนะ ถ้าตารู้ ตาจะไม่เอาเงินจากหนูแม้แต่บาทเดียว จะให้หนูรู้สึกเกรงใจตาแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลย”
“งานที่หนูทำอยู่ไม่ได้มีทุกวันหรอกนะคะคุณตา หนูหางานอื่นมาทำเสริมได้อยู่แล้ว” เธออธิบายให้ท่านได้เข้าใจ
“ก็ไม่แน่หรอกนะ เร็ว ๆ นี้เขาอาจจะให้หนูไปทำทุกวันก็ได้ รอดูไปก่อนดีกว่านะ”
“ค่ะ ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น เพราะพี่ที่ทำงานก็บอกหนูเหมือนกันว่าช่วงปีใหม่นี้หนูอาจจะต้องไปทำงานทุกวัน เพราะที่โรงแรมมีจัดเลี้ยงเต็มทุกห้องติดต่อกันเป็นอาทิตย์เลยค่ะ”
“โชคดีรับปีใหม่สินะ”
“ค่ะ”
ปีใหม่ 2558 ผ่านพ้นไปแล้วเกือบสองอาทิตย์ แต่บิดาของสุภัครพีก็ยังไม่มีวี่แววจะได้ออกจากโรงพยาบาลง่าย ๆ เพราะจากการตรวจร่างกายอย่างละเอียด พบว่าท่านเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะที่สี่ ตับแข็ง พิษสุราเรื้อรัง แต่ละโรคล้วนมีสาเหตุมาจากการดื่มสุราอย่างหนักของท่านนั่นเอง
“คุณหมอคะ พ่อหนูจะได้ออกจากโรงพยาบาลวันไหนคะ” วันหนึ่งหลังเลิกเรียน สุภัครพีแวะไปเยี่ยมบิดาก่อนจะไปทำงานต่อ และได้เจอกับคุณหมอเจ้าของไข้พอดี
“ตอนนี้ยังตอบไม่ได้นะครับ เพราะคนไข้ไม่มีการตอบสนองไปในทางที่ดีเลย สภาพร่างกายโดยรวมของคนไข้แย่มากนะครับ” นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาล กล่าวกับลูกสาวเจ้าของไข้ห้องวีไอพี
“พ่อหนูจะอยู่กับหนูได้อีกนานใช่ไหมคะคุณหมอ”
“เรื่องนี้...”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูรับได้ คุณหมอบอกความจริงหนูมาเถอะนะคะ หนูจะได้ทำใจถูก”
“เต็มที่ไม่น่าจะเกินหนึ่งปี แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะอยู่ได้ไม่นาน”
หญิงสาวกลั้นน้ำตา ยกมือไหว้นายแพทย์สูงวัย “หนูฝากดูแลพ่อหนูด้วยนะคะ หนูไม่ได้อยู่กับพ่อตลอดเวลา แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรบกวนโทรบอกหนูทันทีเลยนะคะ” เธอกล่าวเสียงสะอื้นทั้งที่ไม่มีน้ำตา
“ไม่ต้องห่วงครับ คุณฮาโตริสั่งเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คุณหนูสบายใจได้” นายแพทย์ใหญ่กล่าวอย่างใจดี
มงคลเดินเข้าไปในห้องอาหารที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้น มองหาสุภัครพีที่มาทำงานพาร์ตไทม์อยู่ที่นี่ได้สองปีกว่าแล้ว
“สวัสดีครับพี่มงคล มาหาเจ้าครีมเหรอครับ” ผู้จัดการฝ่ายห้องจัดเลี้ยงนามว่าประวิทย์เดินเข้าไปทักทายผู้จัดการใหญ่
“อือ วันนี้เขามาทำงานหรือเปล่า”
“มาสิครับ แต่ยังมาไม่ถึง”
“แล้วคุยเรื่องนั้นกับเขาหรือยัง”
“ยังเลยครับ ว่าจะเรียกคุยวันนี้แหละ เพราะงานเริ่มซาแล้ว”
“ยังไงก็จัดการให้เรียบร้อยภายในวันนี้เลยนะ พี่จะได้รายงานเจ้านาย ท่านถามมาน่ะ”
“ได้ครับ ถ้าน้องเขาเซ็นเอกสารเรียบร้อยแล้ว ผมจะรีบส่งเรื่องไปนะครับพี่ แต่พี่ครับ”
“ว่าไง”
“เจ้าครีมกับเจ้านายเราเกี่ยวข้องกันยังไงครับ”
มงคลตบบ่ารุ่นน้อง “อย่าถามเรื่องที่เกินความรู้ความสามารถผมแบบนี้เลยนะประวิทย์”
“แต่ผมได้ยินเด็ก ๆ เขาคุยกัน บอกว่าเจ้าครีมเคยให้เจ้านายขี่หลัง มันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่าครับ”
“ผมก็ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนกันนะ” เขาก็รู้มาเท่านี้เหมือนกัน แต่ก็ยังนึกสงสัยว่าเรื่องนั้นคือเหตุผลที่แท้จริงหรือเปล่า เพราะเรื่องมันเกิดมาเป็นเดือนแล้ว
มหาวิทยาลัย
“น้องครีมคะ”
เสียงเรียกหวานหูของชายหนุ่มคนหนึ่ง ทำให้สุภัครพีหันไปมองทางด้านหลัง แล้วหยุดเดินรอเขา
“สวัสดีค่ะพี่กาแฟ เพิ่งมาเหรอคะ”
“ค่ะ น้องครีมก็เพิ่งมาเหมือนกันเหรอคะ”
“มาได้สักพักแล้วค่ะ แต่รอถ่ายเอกสารอยู่” เธอชูแฟ้มที่ใส่งานถ่ายเอกสารให้เขาดู
“คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ออกจากโรงพยาบาลหรือยัง”
“ยังเลยค่ะพี่กาแฟ ตอนที่ยังไม่รู้ก็ยังกินเหล้า ใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่าง แต่พอรู้ว่าป่วยเท่านั้น อาการก็ทรุดจนน่าใจหายเลยค่ะ”
“อาจจะเป็นเพราะท่านล้มด้วยกระมัง”
“ใช่ค่ะ พ่อล้มหน้าฟาดพื้นด้วย ตอนล้มใหม่ ๆ หน้าเขียวบวมไปซีกหนึ่งเลยค่ะ”
พรหมเทพมองหญิงสาวที่พยายามฝืนทำเข้มแข็ง เขารู้ว่าชีวิตของเธอลำบากเพียงใด และเขาก็อยากจะให้ความช่วยเหลือ ถ้าเพียงแค่เธอเอ่ยปากออกมา แต่รอแล้วรอเล่าเธอก็ไม่เคยปริปากพูดถึง
“น้องครีมคะ”
“ขา”
“ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็บอกพี่นะ พี่อยากเป็นคนแรกที่น้องครีมนึกถึงในยามที่ลำบาก” ในเมื่อเธอไม่พูดเขาพูดเองก็ได้
“ขอบคุณพี่กาแฟมากนะคะ แค่นี้ครีมก็ซาบซึ้งมากแล้วค่ะ แต่ครีมยังไหวค่ะ”
“ยังไม่ทันได้ช่วยอะไรก็ซาบซึ้งแล้วเหรอ”
“แค่มีน้ำใจให้ครีมก็ซาบซึ้งแล้วค่ะ”
“ซาบซึ้งอะไรกันจ๊ะ”
เสียงทักกระแนะกระแหนจากทางด้านหลังทำให้หนุ่มสาวรุ่นพี่รุ่นน้องต่างหันไปมอง
“นิ่ม!”
“ทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะกาแฟ” หญิงสาวที่เข้ามาใหม่ถามชายหนุ่มรุ่นเดียวกัน เหลือบมองไปทางหญิงสาวรุ่นน้องด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “ได้ยินแต่คำร่ำลือว่ากาแฟมาติดพันรุ่นน้องปีหนึ่ง แต่เพิ่งมีโอกาสได้เห็นตัวจริงก็วันนี้เอง รอดสายตานิ่มไปเกือบปีได้ยังไงกันนะ”
“ครีมคิดว่าพี่สาวกำลังเข้าใจผิดนะคะ” สุภัครพีตอบยิ้ม ๆ เพื่อจะทำให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่เธอคงคิดผิด เธอรีบหุบยิ้ม เม้มปากแน่นแล้วหันไปมองชายหนุ่มตัวต้นเหตุ ส่งสายตาบอกให้เขาช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดกับหญิงสาวผู้มาใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นคนรักของเขา
