บท
ตั้งค่า

บทที่2 เนื้อชิ้นหวาน

"ซี๊ดด" ร่างสูงที่นอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ในสภาพเปลือยเปล่าส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็รู้สึกปวดตุบ ๆ บริเวณขมับทั้งสองข้างคงเป็นผลพวงมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเมื่อคืน

เขาผงกศีรษะขึ้นสะบัดพรึบ ๆ ไล่อาการมึนงงออกแล้วหยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงพลางใช้มือนวดขมับเบา ๆ

คิ้วเข้มพลันขมวดผูกกันเป็นปมในตอนที่สายตาสะดุดเข้ากับคราบเลือดเกรอะกรังบนผ้าปูที่นอน ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนพลันฉายขึ้นในโสตประสาทเป็นฉาก ๆ แม้สติจะไม่เต็มร้อยแต่เขาก็พอจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เมื่อคืนเขาพรากพรหมจารีผู้หญิงคนหนึ่งมีอะไรกันอย่างถึงพริกถึงขิง รอยเลือด ผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี้ และเสื้อผ้าที่ตกเกลื่อนกลาดข้างเตียงเป็นเครื่องยืนยันได้ดี แต่ตื่นมากลับไม่เจอเธอคนนั้นแล้วช่างเป็นอะไรที่น่าแปลกนัก

คิดว่าตื่นมาเธอคงเรียกร้องให้รับผิดชอบหรือโวยวายเสียอีกเพราะเขาดันพรากพรหมจารีของเธอแต่เขากลับคิดผิดถนัด

นัยน์ตาสีดำขลับจ้องคราบเลือดบนผ้าปูที่นอนสีขาวอย่างใช้ความคิดน่าเสียดายที่เมื่อคืนในห้องมืดเขาเลยไม่เห็นหน้าเธอ ยอมรับว่าพึงพอใจกับเนื้อชิ้นหวานเมื่อคืนไม่น้อย และยังรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกกะว่าตื่นขึ้นมาจะยื่นขอเสนอให้เธอมาเป็นคู่นอนสักหน่อย แต่ดูเหมือนทางนั้นจะไม่อยากให้เขาเห็นหน้าหรือรู้ว่าเป็นใครจึงรีบหนีออกไปก่อนเขาตื่น

การได้นอนกับผู้หญิงพรหมจารีถือเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์แล้วเพราะสมัยนี้มันไม่ได้หากันง่าย ๆ แต่การมีผู้หญิงขึ้นเตียงกับเขาที่เป็นถึงผู้บริหารบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ยักษ์ใหญ่ในไทย อีกทั้งยังพรหมจารีกลับไม่เรียกร้องอะไรเหมือนผู้หญิงทุกคนที่เคยขึ้นเตียงกับเขามันน่าเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่า

ยิ่งทำแบบนี้เหมือนยิ่งกระตุ้นต่อมอยากรู้ของเขามากขึ้น มีหนึ่งอย่างที่เขามั่นใจมากคือผู้หญิงเมื่อคืนต้องเป็นพนักงานคนใดคนหนึ่งในบริษัทเพราะรีสอร์ทโซนนี้เขาสั่งล็อคไว้สำหรับพาพนักงานในบริษัทมาพักผ่อนประจำปีโดยเฉพาะจึงไม่มีแขกคนอื่นมาปะปน

การหาตัวคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรแม้พนักงานผู้หญิงที่มามีเกือบยี่สิบคนก็ตาม เขาจำกลิ่นกายเธอได้ดีเป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้จากใครมาก่อนหากได้กลิ่นอีกครั้งก็รู้แล้ว

"หลบได้หลบไปอย่าให้รู้ว่าเป็นใคร พ่อจะจับมาขย้ำให้ไม่กล้าวิ่งหนีอีกเลย" โปรด ประภากรณ์ กิตติธนปกรณ์ ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงวัย 30 ปี ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากราวกับเสือร้ายหิวกระหาย นัยน์ตาดำขลับทอประกายวาววับเพียงนึกถึงกิจกรรมสุดร้อนแรง และร่างอ้อนแอ้นที่นอนแดดิ้นครางเสียงอ่อนเสียงหวานใต้ร่างของเขาเมื่อคืนอยากจะจับมาฟัดอีกสักรอบแต่ก็ทำได้แค่คิด

"อ่า..บ้าฉิบ" เสียงทุ้มสบถออกมาอย่างนึกหงุดหงิดเมื่อส่วนนั้นดันแข็งขึงขึ้นมาดื้อ ๆ แค่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ยกมือขึ้นตีหน้าผากเบา ๆ ก่อนรีบพาตัวเองลงจากเตียงเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ จัดการช่วยตัวเองและอาบน้ำจนเสร็จสรรพจึงออกมาแต่งตัวแล้วเดินออกไปพบปะพนักงานที่สนามหญ้าหน้ารีสอร์ทตามที่นัดหมายกันไว้ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ

เมื่อมาถึงก็พบว่าพนักงานทั้งชายและหญิงกว่าสี่สิบคนยืนรออยู่แล้ว เขาไล่สายตามองพนักงานหญิงทุกคนนานนับนาทีก่อนเปิดประเด็นคุย "ได้มาพักผ่อนเติมพลังกายพลังใจกันแล้วหวังว่าทุกคนจะกลับไปเต็มที่กับงานนะครับ"

"ครับ ค่ะ" พนักงานทุกคนขานรับเป็นเสียงเดียวกัน ประภากรณ์เพียงพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วเดินเลี่ยงไปนั่งบนเก้าอี้ที่ลูกน้องคนสนิทจัดเตรียมไว้ปล่อยให้คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลทริปท่องเที่ยวครั้งนี้พูดคุยกับพนักงานต่อ

เขานั่งฟังพนักงานพูดคุยกันเงียบ ๆ พลางไล่สายตาจับพิรุธพนักงานหญิงแต่ละคนช้า ๆ ประเมินคร่าว ๆ ว่าน่าจะมีความเป็นไปได้สักกี่คนจากนั้นจึงค่อยเรียกมาพบตัวต่อตัวเมื่อกลับถึงบริษัทเพราะจะเดินเข้าไปดมกลิ่นกายใกล้ ๆ ในตอนนี้ก็คงไม่เหมาะสม

"พายัพ" นิ้วเรียวกระดิกเรียกลูกน้องคนสนิทเมื่อคิดอะไรออกเขาลืมไปได้ยังไงกันว่าที่รีสอร์ทมีกล้องวงจรปิดแค่ขอดูก็จะรู้แล้วว่าใครเดินเข้าห้องเขาเมื่อคืน

"ครับคุณโปรด" พายัพชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับประภากรณ์โน้มหน้าพูดกับเจ้านายหนุ่มเสียงแผ่วเบาพอได้ยินแค่สองคน

"ไปบอกผู้จัดการโรงแรมว่าฉันขอดูกล้องวงจรปิดเมื่อคืน แล้วก็ดูว่าเมื่อคืนหลังจากฉันเข้าห้องนอนแล้วมีใครแอบเข้าไปในห้องฉันอีกบ้าง"

"เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณโปรด" พายัพถามเสียงตื่น

"ไม่มีอะไรหรอกแค่จะจับแมวที่แอบย่องขึ้นเตียงหน่อย" รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นประดับมุมปากหนาเสี้ยวนาทีก่อนมลายหายไปเพียงคิดว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะได้รู้แล้วว่าใครปีนขึ้นเตียงเขาเมื่อคืน

"ครับ" พายัพพยักหน้ารับแล้วรีบเดินออกไปตามคำสั่งแม้จะรู้สึกงง ๆ กับคำพูดเจ้านายหนุ่มก็ตาม

ป็อก! ป็อก!

ประภากรณ์เคาะนิ้วบนพนักวางมืออย่างใจเย็นระหว่างรอคำตอบจากลูกคนสนิท นัยน์ตาดำขลับยังคงไล่มองพนักงานหญิงอยู่อย่างนั้นซึ่งน่าแปลกยิ่งนักที่เขาไม่พบความผิดปกติ หรือพิรุธจากพนักงานสาวคนไหนเลยทั้งที่ความจริงโดนเปิดซิงดุเดือดขนาดนั้นต้องระบมและมีอาการอะไรออกมาบ้างแหละแต่นี่กลับไม่มีเลย ช่างเก็บอาการได้แนบเนียนจริง ๆ

"ผู้จัดการบอกว่าเมื่อคืนกล้องวงจรปิดมีปัญหาเลยดูไม่ได้ครับคุณโปรด" นิ้วเรียวที่เคาะพนักวางมือหยุดชะงักกึก ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมลงในทันตาจากที่อารมณ์ดี ๆ กระอิ่มยิ้มในใจว่าจะได้ยลโฉมหน้าของแมวน้อยที่ปีนขึ้นเตียงเขาเมื่อคืนก็พลันขุ่นมัวเมื่อสิ้นเสียงรายงานของลูกน้องคนสนิท

"ฮึ..ช่างเสียได้ตรงเวลาจริง ๆ" เสียงทุ้มเอ่ยลอดไรฟันอย่างนึกขันกับความพอเหมาะพอดีของกล้องวงจรปิดที่ดันมามีปัญหาในวันเกิดเหตุ นัยน์ตาดุดันตวัดมองหน้าลูกน้องคนสนิทเขม็งทำเอาคนถูกจ้องถึงกับเสียวสันหลังวาบรีบก้มหน้าลงต่ำ

ลมหายใจหนัก ๆ ที่ถูกพ่นออกจากจมูกเจ้านายหนุ่มซ้ำ ๆ บ่งบอกได้ว่าตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีเอามาก ๆ อย่าได้เผลอทำอะไรไม่เข้าตาเชียวไม่งั้นเจอดีแน่นอน

บรรยากาศรอบ ๆ อึมครึมนานหลายนาทีทั้งที่เวลานี้ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่งไร้เมฆฝน แดดออกกำลังดีไม่ร้อนจนเกินไปมีสายลมโกรกเบา ๆ ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ที่มันอึมครึมเพราะอารมณ์ของคนต่างหากต่อให้บรรยากาศเย็นเยือกแค่ไหนก็ไม่สามารถดับไฟโกรธที่ประทุในใจได้

และเขาก็หมดอารมณ์จะอยู่ต่อแล้วจึงออกคำสั่งเบา ๆ พอได้ยินสองคนไม่อยากทำให้บรรยากาศของพนักงานที่กำลังสนุกกร่อยตามไปด้วย "ไปเตรียมรถฉันจะกลับกรุงเทพ"

"ครับ" พายัพพยักหน้ารับแล้วรีบส่าวเท้าเดินออกไปทำตามคำสั่ง ส่วนประภากรณ์ก็หยัดกายลุกเดินเข้าไปสั่งงานกับเลขาที่ยืนอยู่กับคนดูแลทริปนี้ เมื่อเสร็จก็เดินกลับไปรอลูกน้องคนสนิทที่ห้องพักตัวเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel