บท
ตั้งค่า

เจอกันครั้งแรก

เอิงเอย.....

"เอยขอโทษด้วยนะคะแม่ที่เอยไม่สามารถทำตามความฝันของแม่ได้ เอยคงไม่ได้เรียนต่อแล้ว แม่อย่าโกรธเอยเลยนะคะ" ฉันนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนอนมองรูปแม่ที่เหลือเพียงใบเดียวอย่างรู้สึกผิด แต่ในขณะที่ฉันกำลังท้อแท้สิ้นหวังที่จะได้เรียนต่อก็เหมือนกับมีพระมาโปรดเหมือนสวรรค์เห็นใจฉัน ในวันต่อมาขณะที่ฉันกำลังกวาดใบไม้รดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านคุณครูที่ปรึกษาของฉันได้มาแจ้งข่าวดีกับฉันถึงที่บ้านว่าทางโรงเรียนได้ส่งเอกสารการเรียนของฉันตั้งแต่มอหนึ่งจนถึงมอหกไปให้กับทางมหาลัยในกรุงเทพหลายแห่งเผื่อว่าจะมีสักแห่งที่รับฉันเป็นนักเรียนทุนจนกระทั่งทางโรงเรียนได้รับหนังสือตอบรับจากมหาลัยซึ่งเป็นมหาลัยอันดับหนึ่งของประเทศว่าฉันเป็นผู้โชคดีเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับทุนเรียนฟรีจนกว่าจะจบหลักสูตร ตอนนั้นฉันทั้งดีใจทั้งสับสนเพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปเรียนไหมเนื่องจากว่าน้าพรพรรณได้พาฉันไปหาผู้จัดการโรงงานและเขาก็รับฉันเข้าทำงานเรียบร้อยแล้วด้วย ฉันจะทำยังไงดีจะเลือกอนาคตของตัวเองหรือของน้องสาว

"แกไปบอกกับนังครูจอมจุ้นของแกเลยนะนังเอยว่าแกขอสละสิทธิ์ที่จะไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่ยอมให้แกไปเรียนต่อเด็ดขาดแกต้องอยู่ที่นี่ทำงานที่โรงงานเข้าใจมั้ย!!!" น้าพรพรรณพอรู้ว่าฉันได้ทุนเรียนต่อที่กรุงเทพก็เกิดความโมโหไม่พอใจบอกให้ฉันไปสละสิทธิ์

"ไม่ต้องสละสิทธิ์เอยไปเรียนต่อเถอะลูก"

"พ่อ" ฉันไม่ได้หูฝาดใช่ไหมที่ได้ยินพ่อพูดแบบนี้ พ่ออนุญาติให้ฉันไปเรียนต่อจริงๆใช่ไหมฉันไม่ได้หูฝาดไม่ได้ฝันไปใช่ไหม

"พี่องอาจ!!" น้าพรพรรณเหมือนจะโกรธพ่อมากที่พ่อพูดแบบนั้น

"พ่อเป็นพ่อแกพ่ออนุญาตให้แกไปเรียนต่อได้ แกเตรียมตัวเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเข้ากรุงเทพได้เลย"

"ขอบคุณนะคะพ่อ" ฉันก้มกราบพ่อด้วยความรู้สึกขอบคุณ ฉันไม่รู้ว่าทำไมพ่อถึงกล้าขัดใจน้าพรพรรณแต่ฉันดีใจที่พ่อยอมให้ฉันไปเรียนต่อ

สองอาทิตย์ต่อมา...

สถานีขนส่งจังหวัดน่าน

"นี่เงิน พ่อมีให้เอยได้เท่านี้เก็บเอาไว้ใช้นะลูก" พ่อยื่นเงินจำนวนนึงมาให้ฉันฉันเงยหน้ามองพ่อก่อนจะยื่นมือออกไปรับแล้วยกมือไหว้พ่ออย่างขอบคุณ ถ้าฉันมีเงินฉันคงไม่รบกวนพ่อแต่นี่ฉันไม่มีถ้าพ่อไม่ให้ฉันก็คงจะมีเงินติดตัวไปกรุงเทพแค่ไม่กี่ร้อย ฉันยังคิดอยู่ว่าถ้าฉันไปถึงที่โน่นแล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหนหอพักมหาลัยก็คงจะแพงฉันคงไม่มีปัญญาจ่ายฉันคิดว่าไปหาดาบหน้าละกันอย่างมากก็นอนแถวสถานีขนส่งไปก่อนจนกว่าจะหางานทำหาห้องเช่าได้

"เงินพ่อมีไม่มากนี่พ่อก็ไปขอเบิกล่วงหน้ามาจากเถ้าแก่โรงงาน ยังไงเอยก็ใช้อย่างประหยัดนะลูก"

"เอยขอบคุณพ่อมากๆเลยนะคะที่ยอมให้เอยได้เรียนต่อ"

"พ่อรู้ตัวว่าพ่อเป็นพ่อที่แย่เป็นพ่อที่ไม่ดีไม่เคยปกป้องเอยเลย พ่อรู้ว่าเอยลำบากมาตลอดตั้งแต่แม่เสียไป พ่อผิดต่อแม่ของเอยมามากแล้ว พ่อไม่อยากผิดต่อเอยไปมากกว่านี้ พ่อขอโทษนะลูก" ฉันร้องไห้ก่อนจะเข้าไปกอดพ่อ นานแค่ไหนกันนะที่ฉันไม่ได้กอดพ่อแบบนี้ น่าจะตั้งแต่แม่เสียไปพ่อไม่เคยกอดฉันเลย ก่อนที่ฉันจะขึ้นรถฉันถามพ่อถึงสิ่งที่ยังค้างคาใจ

"ทำไมพ่อถึงยอมให้เอยเรียนต่อคะ"

"ครูของเอยไปหาพ่อที่โรงงานไปขอร้องพ่อบอกว่าให้เห็นแก่อนาคตของเอย ครูบอกกับพ่อว่าแม่ของเอยเคยไปหาคุณครูที่โรงเรียนไปขอร้องครูว่าถ้าหากว่าแม่ของเอยไม่อยู่แล้วขอให้ครูช่วยดูแลเอยเรื่องการเรียนแม่ของเอยอยากให้เอยได้เรียนสูงๆได้รับปริญญาแม้ว่าแม่จะไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของเอยก็ตาม" ฉันถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวมันอัดอั้นตันใจมันบีบหัวใจของฉัน แม่ห่วงฉันมากจริงๆท่านรู้ว่าท่านจะไม่ได้อยู่จนถึงวันนั้นท่านก็เลยไปขอร้องคุณครู

"เอยจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังค่ะเอยสัญญา" ฉันพูดพร้อมกับมองไปบนท้องฟ้าขณะนั่งอยู่บนรถทัวร์เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ

ตอนนี้ฉันอยู่ที่มหาลัยK ซึ่งเป็นมหาลัยชื่อดังและมีคุณภาพมากที่สุดและมีค่าเทอมแพงที่สุดในประเทศ เท่าที่ฉันเคยถามคุณครูท่านบอกว่าค่าเทอมแต่ละเทอมของที่นี่ก็หลายแสนบาทอยู่แต่เจ้าของท่านก็ใจดีให้ทุนฉันเรียนฟรีจนกว่าจะจบหลักสูตร และวันนี้คือวันที่ฉันต้องมารายงานตัวแต่ฉันไม่รู้ว่าฉันต้องไปรายงานตัวที่ไหนตรงไหนตึกไหนเพราะฉันเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ฉันเดินเข้ามาเรื่อยๆพร้อมกระเป๋าเดินทางสีซีดใบไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ก็หนักเอาเรื่องเพราะทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ข้างในนั้นไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ฉันเดินจนเมื่อยขาปวดแขนปวดไหล่ก็เหมือนจะยังไม่ถึงไหนเพราะมหาลัยแห่งนี้มันกว้างมาก มองไปทางไหนก็เห็นแต่ตึกมากมายหลายสิบตึกซึ่งแต่ละตึกก็จะมีชื่อคณะติดอยู่ส่วนฉันเลือกเรียนคณะบริหารธุรกิจ ขณะที่ฉันกำลังมองหาคนที่พอจะบอกทางฉันได้พี่รปภของมหาลัยก็ปั่นจักรยานผ่านมาพอดีฉันก็เลยรีบวิ่งเข้าไปถามว่านักศึกษาใหม่รายงานตัวที่ไหน พี่รปภบอกให้ฉันไปติดต่อที่ตึกอำนวยการซึ่งพี่เขาก็บอกทางฉันเรียบร้อยว่าต้องเลี้ยวไปทางไหนตึกสีอะไรฉันขอบคุณพี่รปภจากนั้นฉันก็รีบเดินหาตึกอำนวยการต่อจนกระทั่งเจอ ฉันยืนพักหายใจอยู่หน้าตึกด้วยอาการเหนื่อยหอบเพราะเดินมาไกลพอสมควร ซึ่งพอมองเข้าไปในตึกก็เห็นนักศึกษาเดินไปเดินมาหลายสิบคนฉันเดาเอาว่าคงจะมารายงานตัวเหมือนกับฉันแต่คงจะมีแค่ฉันคนเดียวที่เป็นนักเรียนทุน

"ขอโทษนะคือเรามารายงานตัวนักศึกษาใหม่น่ะไม่รู้ว่าต้องไปตรงไหนเหรอ" ฉันเดินเข้าไปถามนักศึกษาหญิงกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินออกมา แต่ทำไมทุกคนถึงมองฉันด้วยสายตาแปลกๆ พร้อมกับก้าวถอยหลังไปเหมือนฉันเป็นตัวน่ารังเกียจล่ะ คือทุกคนมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าบางคนก็มองด้วยสายตาเหยียดๆฉันก้มมองตัวเองที่อยู่ในชุดที่ใส่มาจากบ้านเป็นเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่ตอนนี้ไม่ขาวแล้วเพราะผ่านการใช้งานมานานหลายปีส่วนกางเกงที่ฉันใส่ก็เป็นกางเกงผ้าขายาวสีดำส่วนรองเท้าที่ใส่เป็นรองเท้าผ้าใบสีขาวซีดไม่ต่างจากเสื้อที่ใส่ซึ่งก็ใช้มาหลายปีแล้วเหมือนกัน คือชุดนี้เป็นชุดที่สุภาพที่สุดเท่าที่ฉันมีตอนนี้ เพราะก่อนที่ฉันจะมารายงานตัวฉันอ่านกฎระเบียบของทางมหาลัยที่ส่งไปพร้อมจดหมายตอบรับ บอกว่าถ้ายังไม่มีชุดนักศึกษาก็ให้สวมชุดที่สุภาพมารายงานตัวได้ซึ่งฉันก็คิดว่าชุดที่ฉันใส่อยู่ตอนนี้ก็สุภาพที่สุดแล้วในสายตาของฉันแต่ทำไมทุกคนถึงมองฉันด้วยสายตาแบบนี้ แต่พอฉันมองไปที่เสื้อผ้าของแต่ละคนฉันก็ไม่แปลกใจแล้วเพราะเสื้อผ้าที่แต่ละคนสวมใส่มันทั้งสวยและดูดีและมันคงจะมีราคาแพงมากๆ

"นี่เธอมารายงานตัวนักศึกษาหรือมาสมัครเป็นแม่บ้านกันแน่ยะ" หนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

"เรามารายงานตัวจริงๆนี่ไงใบนัดรายงานตัวของเรา" ฉันยื่นใบรายงานตัวให้กับทุกคนดูแต่ไม่มีใครรับไปดูทุกคนมองกระดาษในมือฉันเหมือนมันคือเชื้อโรคแต่ก็ยังมีเหล่มองดูตัวหนังสือที่ปรากฏอยู่บนจดหมาย

"แกๆยัยนี่มารายงานตัวนักศึกษาใหม่จริงๆเป็นนักเรียนทุนด้วยอ่ะ"

"นักเรียนทุน?? พวกไม่มีเงินพวกจนๆแต่สะเออะอยากมาเรียนมหาลัยดีๆแพงๆ"

"ว๊ายอยู่คณะบริหารด้วยแก"

"ห๊ะ งั้นพวกเราก็ต้องเรียนคณะเดียวกับยัยนี่อ่ะดิ อี๋รับไม่ได้"

"พวกจนแต่ไม่เจียมไม่มีปัญญาหาเงินจ่ายค่าเทอมแต่ก็ยังอยากที่จะมาเรียนที่นี่คงอยากยกระดับตัวเองขึ้นมาให้อยู่ระดับเดียวกับพวกเราสินะ"

ในขณะที่ฉันยืนฟังคำดูถูกจากกลุ่มคนที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกจู่ๆพวกเธอเหล่านั้นก็เลิกสนใจหาเรื่องดูถูกฉันแล้วหันไปสนใจใครอีกคนที่กำลังเดินตรงเข้ามามันทำให้ฉันต้องหันไปมองตามอย่างช่วยไม่ได้แม้จะไม่ได้ตั้งใจหันไปมองเลยก็ตาม

"อ๊ายยย นั่นธีร์ใช่มั้ยอ่ะพวกแกดูซิ"

"ใช่ ใช่ธีร์จริงๆด้วย กรี๊ดดดด"

"โอ๊ยดีใจจังที่ได้เจอ ไม่คิดว่าจะได้เจอวันนี้ สงสัยมารายงานตัวนักศึกษาใหม่เหมือนกัน"

"อย่างธีร์เค้าไม่ต้องมารายงานตัวก็ได้มั้งพวกแกอย่าลืมสิว่ามหาลัยนี้เป็นของครอบครัวธีร์เค้านะ"

"เออ นั่นสิลืมไปเลย ว่าแต่เค้ามาทำไมก็ไม่รู้นะ"

ส่วนชายหนุ่มที่กำลังถูกพูดถึงกำลังเดินหน้าตึงบอกบุญไม่รับเข้ามายังตึกอำนวยการโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเขาเดินผ่านกลุ่มนักศึกษาสาวที่พากันจ้องมองเขาราวกับว่าเขาคือดารานักร้องไอดอลเกาหลี ตอนนี้อารมณ์ของเขาไม่ค่อยดีเพราะถูกบังคับให้มารายงานตัวนักศึกษาใหม่เหมือนนักศึกษาคนอื่นๆทั้งที่จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องมาก็ได้เพราะถึงยังไงมหาลัยแห่งนี้ก็เป็นของครอบครัวเขาแต่เพราะคำสั่งของคุณย่าเจ้าของตัวจริงบังคับให้เขามาเขาก็เลยต้องมาเพราะไม่งั้นเขาจะถูกยึดรถคันโปรดที่เพิ่งได้มาไม่กี่วัน

"แม่งเอ้ยมองเหี้ยอะไรกูนักหนาวะรำคาญชิบหาย" เขาสถบในใจเพราะตั้งแต่ลงจากรถมาจนเดินขึ้นตึกมีแต่คนจ้องมองเขาตลอดเวลาบางคนมีเดินตามบางคนส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดตามหลังจนน่ารำคาญเขาถึงกับต้องหันไปมองด้วยสายตาเอาเรื่องจนนักศึกษาผู้หญิงเหล่านั้นถอยห่างออกไปเมื่อเจอสายตาดุดัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel