โฉมงามพันหน้า

40.0K · จบแล้ว
หยกขาว ปิ่นหยก
20
บท
11.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ปล่อยข้านะ” เขากอดนางไว้แน่น “ไม่ปล่อย” กลิ่นกายนางช่างหอมเสียจริง “บุรุษหน้าวอก ปล่อยนะ” ใบหน้างามเงยหน้าขึ้นแล้วมองใบหน้าขาววอกภายใต้แสงจันทร์นวลกระจ่าง ดวงตาดอกท้อจดจ่อที่ริมฝีปากอวบอิ่มคู่นั้นของนาง เขาคิดอะไรกันแน่ นางด่าเขาว่าบุรุษหน้าวอกอย่างนั้นรึ ดีเลย เขาจะจัดการนางบัดเดี๋ยวนี้

นิยายจีนโบราณดราม่าแก้แค้นจีนโบราณ

1

“ถังหูลู่ ถังหูลู่” พ่อค้าขายถังหูลู่เรียกลูกค้า

“เป็ดย่างขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์เรียกลูกค้าเข้าไปในร้าน

เมืองหลวงหนานอันช่างพลุกพล่านดีแท้ ผู้คนเดินขวักไขว่สวนกันไปมาราวกับมดปลวก สตรีร่างบางปรายตามองดูรอบๆ เมืองหลวงหนานอันเปลี่ยนไปมาก หลี่ซูไป๋จากเมืองหลวงไปนานนับแปดปี นางเพิ่งกลับมาหลังจากที่ครอบครัวของนางโดนใส่ร้าย ที่จริงบิดาของนางเป็นอัครเสนาบดีหลี่ฝ่ายซ้าย นามว่าหลี่ฉินถูกต้องโทษว่าเป็นขุนนางกบฏ ในครานั้นนางเพิ่งอายยุสิบปี กับพี่สาวอีกคนนามว่า หลี่ซูอวี้อายุสิบห้าปี ปัจจุบันหลี่ซูอวี้น่าจะยี่สิบสามปีแล้วกระมัง โชคดีที่หลี่ซูอวี้เป็นพระสนมในวังไปแล้ว ในครั้งนั้นบิดาของนางถูกใส่ร้ายว่าสมรู้ร่วมคิดกับต่างแคว้นอย่างแคว้นเหลียง ยังไม่ทันได้ถูกลงโทษ จวนตระกูลหลี่ก็โดนเผาจนมอดไหม้เสียแล้ว

ในคืนที่เปลวไฟโหมกระหน่ำ หลี่ซูไป๋หนีรอดออกไปได้คนเดียว โชคดีในคืนนั้นนักพรตหญิงท่านหนึ่งได้ช่วยนางไว้ จากนั้นหลี่ซูไป๋ก็ออกจากเมืองหลวง นักพรตหญิงสงสารนางจึงรับหลี่ซูไป๋ไว้เป็นศิษย์นับว่านางวาสนาดีที่นักพรตหญิงท่านนั้นไม่ทอดทิ้งนาง

นางมาที่เมืองหลวงก็เพื่อที่จะแก้แค้นคนที่ใส่ร้ายบิดาของนาง คืออัครเสนาบดีฉู่หวังฝ่ายขวา เอ่ยถึงตระกูลฉู่กับตระกูลหลี่ชอบชิงดีชิงเด่นกันตลอดมา ตระกูลฉู่ก็ส่งบุตรสาวไปเป็นพระสนมเช่นกัน นามว่าฉู่เฟยเฟย

หลี่ซูไป๋ตั้งใจกลับมาครั้งนี้จะทำให้ตระกูลฉู่พังพินาศให้เหมือนในครั้งนั้นที่ตระกูลฉู่สาดโคลนใส่ตระกูลของนางว่าสมคบกับต่างแคว้นเพื่อก่อกบฏ บิดาของนางเป็นขุนนางตงฉินผู้ภักดีต่อแคว้นต้าฮั่นมาตลอดแล้วเหตุใดจะต้องไปทรยศแคว้นตัวเองด้วยเล่า

“แม่นางจะพักชั้นไหนขอรับ” เถ้าแก่เนี้ยเอ่ยถามหลี่ซูไป๋

หญิงสาวพลันได้สติมองดูรอบๆ นางเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม “ชั้นสองแล้วกัน” เสี่ยวเอ้อร์นำทางหญิงสาวไปชั้นสองคือห้องพิเศษ นางจ่ายเบี้ยแล้วปิดประตูทันที

ถุงย่ามลายบุปผาที่ปักทอประณีตอย่างงดงามถูกวางไว้ที่โต๊ะกลม หญิงสาวนั่งที่เก้าอี้จากนั้นรินน้ำชาจิบอย่างช้าๆ น้ำชาอุ่นๆ พอดื่มให้ชุ่มคอ นางจากหุบเขาเหลียงซานมาป่านนี้อาจารย์คงคิดถึงนางแล้วกระมัง อาจารย์ที่ว่าคือนักพรตหญิงเมื่อแปดปีก่อนรับนางเป็นศิษย์ อาจารย์หรูอวี้พันหน้า

กล่าวถึงอาจารย์หรูอวี้พันหน้า ที่จริงอาจารย์ชื่อหรูอวี้เฉยๆ แต่ทว่าชาวยุทธ เติมคำว่าพันหน้าให้ เพราะหรูอวี้ชำนาญด้านการเปลี่ยนหน้า อีกทั้งเลื่องลือในยุทธภพ หรูอวี้ไม่ชอบยุ่งกับใครทั้งสิ้น นางชอบเก็บตัวอยู่หุบเขาเหลียงซานมากกว่า ใครได้เป็นลูกศิษย์ของนางถือว่าเป็นคนมีวาสนายิ่งนัก

หลี่ซูไป๋เปิดถุงย่ามมองหนังแผ่นหนังบางๆ ที่อาจารย์มอบให้ก่อนออกจากหุบเขาเหลียงซาน แผ่นหนังบางนับสิบกว่าแผ่นสามารถให้นางปลอมแปลงเป็นผู้ใดก็ได้ที่ใจปรารถนา

ใบหน้างามหยักยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย อันดับแรกนางต้องเข้าไปในวังหลวงเพื่อพบกับพี่สาวอย่างหลี่ซูอวี้ พวกนางสองพี่น้องไม่ได้เจอกันนานนับแปดปี…

ราตรีมืดมิดที่มีแสงจันทราส่องลงมาพอให้กระจ่าง ตำหนักเหลียนฮวา สตรีร่างบางนอนแท่นบรรทมบนตัวของนางมีบุรุษหน้าหล่อเหลาขึ้นคร่อม

“ฝ่าบาท เบาๆ สิเพคะหม่อมฉันเจ็บ” พระสนมฉู่เฟยเฟยปรายตามอง จ้าวหยางฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแห่งแคว้นต้าฮั่น คืนนี้เป็นคืนที่พระสนมฉู่ต้องปรนนิบัติจ้าวหยาง

“เฟยเฟย อยู่นิ่งๆ” จ้าวหยางเอ่ยขึ้น ดวงตาดอกท้อพลันมองที่เนินอกขาวอวบคู่งาม

หลี่ซูไป๋พลันคิดว่าตำหนักนี้เป็นตำหนักของพี่สาวนาง ไฉนจึงกลายเป็นตำหนักของฉู่เฟยเฟยไปได้เล่า แล้วพี่สาวของนางอยู่ที่ใดกัน หรือว่าตำหนักเย็น ถ้าเป็นเช่นนั้น นางจะต้องรีบออกจากตำหนักเหลียนฮวาเพื่อรุดไปตำหนักเย็น จังหวะนั้นนางอาศัยความมืดใช้วิชาตัวเบาออกจากหน้าต่างทันที

พลิ้ว!!!

ฉู่เฟยเฟยเคลิ้มกับสัมผัสที่เจ้าหยางทรงมอบให้ นางรู้สึกเหมือนลมพัดอย่างแรงเข้ามาในตำหนัก จึงได้สติขึ้น “อย่าพึ่งเพคะ หม่อมฉันปิดหน้าต่างก่อน”

จ้าวหยางอารมณ์เสียเพราะนาง ฉู่เฟยเฟยรีบปิดหน้าต่างทันที จากนั้นทั้งสองก็บรรเลงเพลงรักกันต่อ

หลี่ชูไป๋โล่งอกหญิงสาวหลบอยู่บนต้นไม้ นางคิดว่าฉู่เฟยเฟยเห็นนางเสียอีก ตอนที่นางกระโดดออกจากหน้าต่างตำหนัก จึงทำให้นางไม่ไปต่อ เลือกที่จะหลบอยู่บนต้นไม้ เมื่อทางสะดวกแล้ว หลี่ซูไป๋ต้องหาตำหนักเย็น ร่างบางในชุดดำอำพราง เหาะบนอากาศไปเรื่อยๆ

ในที่สุดนางก็มาถึงตำหนักเย็น ช่างห่างจากตำหนักอื่นๆ ไกลเหลือเกิน พี่สาวนางมาอยู่ที่ตำหนักเย็นตั้งแต่เมื่อไรกัน

หลี่ซู่ไป๋ไม่รอช้า นางพุ่งตัวเข้าไปข้างในบริเวณรอบๆ มีหนึ่งตำหนักที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว อีกทั้งหญ้าผุดขึ้นราวกับว่าตำหนักแห่งนี้ไม่มีคนดูแล

แสงไฟในห้องยังคงส่องแสงกระจ่าง เสียงไอดังขึ้นเป็นระยะ ทำให้หลี่ซูไป๋ค่อยๆ ย่องแล้วแนบหูชิดผนังห้อง เสียงไอดังขึ้นหนักกว่าเดิม ไม่ได้แล้วแบบนี้ นางจึงตัดสินใจเจาะรูกระดาษ

“พระสนมอย่างเพิ่งเป็นอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีน้อยนามว่า อี้กงกงปลอบใจพระสนมตกทุกข์ได้ยากอย่าง หลี่ซูอวี้ ใบหน้างามซีดเซียวยิ่งนัก

นางจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานกระมัง หลังจากครอบครัวถูกไฟคลอกตายหมด ชีวิตพระสนมอย่างนางก็ไม่เหลืออะไรอีกเลย แม้แต่ฮ่องเต้ที่เคยโปรดปรานนางยังสั่งให้นางมาอยู่ตำหนักเย็น อีกทั้งร่างกายนางป่วยมาตลอด แปดปีมานี้ มีแต่ขันทีน้อยอี้กงกงคอยดูแลนางมาตลอด

“อี้กงกง ถ้าเกิดข้าเป็นอะไรไป เจ้าก็ดูแลตัวเองด้วย”

“ไม่นะพระสนม อย่าทิ้งข้าน้อยไว้คนเดียว” อี้กงกงทรุดลงข้างเตียง

โครม!!! ประตูเปิดออกอย่างแรง สองนายบ่าวปรายตามองผู้มาเยือนยามวิกาล “พี่หญิง!!!” คำนี้เอ่ยจากคนชุดดำ

หลี่ซูอวี้ถ่างตามองสตรีที่ดึงผ้าคลุมหน้าออก กระแสลมพัดมาพอดีทำให้ผมยาวสลวยของผู้มาเยือนสยายอย่างดงาม ใบหน้ากลม คิ้วเรียวงาม ดวงตาโตประดุจดวงจันทร์ข้างในดวงตาวิบวับแวววาวราวกับดวงดาวส่องแสง จมูกปลายแดงเชิดขึ้นเล็กน้อย ริมฝีบากชมพูบางรับกับคาวเล็กแหลม

“น้องหญิง!!!” น้องหญิงหลี่ซูไป๋ยังไม่ตาย ครอบครัวของนางยังไม่ตาย ในครานั้นที่ไฟไหม้จวนอัครเสนาบดีหลี่ฉิน หัวใจหลี่ซูอวี้เจ็บปวดยิ่งนัก ข้อสันนิฐานว่าครอบครัวของนางเผาจวนหนีความผิดที่คิดกบฏ แต่หลี่ซูอวี้ไม่มีวันเชื่อเป็นอันขาด

หลี่ซูไป๋รีบสาวเท้าไปหาพี่สาวที่นอนที่เตียง พวกนางทั้งสองกอดกัน “ข้าคิดถึงท่าน”

“ข้าก็คิดถึงเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าตายไปในกองเพลิงแล้ว”

“ท่านเล่าได้ไหม ทำไมท่านถึงได้มาอยู่ตำหนักเย็น” หลี่ซูไป๋ใคร่อยากจะรู้ทำไมฮ่องเต้ผู้เลอะเลือนถึงให้พี่สาวของนางมาอยู่ในที่แห่งนี้

หลี่ซูอวี้หลับตา พรางนึกถึงเรื่องราวทั้งหมด ในครานั้นหลังจากที่อัครเสนาบดีหลี่ฉินก่อกบฏ จากนั้นจวนถูกเผา ใต้เท้าผู้รับคดีสรุปเรื่องราวว่าอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายหนีปัญหาโดยการเผาจวนหลี่

ในครานั้นคนตระกูลหลี่ตายหมด จ้าวหยางถึงจงเกลียดจงชังบิดาของหลี่ซูอวี้ จึงขับไล่ให้นางไปอยู่ตำหนักเย็นถึงแปดปี

“เป็นเช่นนี้ฮ่องเต้นั้น ถึงขนาดให้ท่านมาอยู่ที่แห่งนี้” หลี่ซูไป๋พรางน้ำตาไหลสงสารพี่สาว

“เดิมที่ข้าคิดว่า เจ้าตายแล้วในกองเพลิง ไม่คิดว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าหนีออกมายังไง” นางถามน้องสาวคืนบ้าง

หลี่ซูไป๋กุมมือพี่สาวอย่างแผ่วเบา

“คืนนั้นข้าหนีรอดได้ มาทางช่องรอดหมา แล้วนักพรตหญิงช่วยข้าไว้ แล้วรับเป็นศิษย์ นางชื่อหรูอวี้พันหน้า นางสอนข้าทุกอย่างในระยะเวลาแปดปีที่ผ่านมา ก่อนที่ข้าจะออกจากจวนท่านพ่อมาหาข้าแล้วบอกว่า ท่านถูกอัครเสนาบดีฉู่ใส่ร้ายสาดโคลน”

เป็นเช่นนั้นเอง หลี่ซูอวี้เข้าใจแล้ว ในครานั้น นางเป็นสนมที่อยู่ในวังไม่ค่อยได้ออกไปเยี่ยมบ้านเดิมเสียเท่าไร รู้ตัวอีกทีจวนตระกูลหลี่ก็โดนเผาเสียแล้ว หลี่ซูอวี้กอดหลี่ซูไป๋

อี้กงกงฟังแล้วน้ำตาไหลพราก

หลี่ซูอวี้ก็ไอแคกๆ อย่างแรง อี้กงกงรีบนำยาต้มมาให้เจ้านายทันที “พระสนมยาพ่ะย่ะค่ะ” หลี่ซูไป๋รับชามยาจากอี้กงกงกลิ่นยามัน

“พี่หญิงยาเทียบนี้ใครให้ท่าน”