4
“ขอบใจเรื่องอะไร”
“ทุกๆ เรื่องที่ทำให้เรามาโดยตลอด”
“ตรงนี้ทำเลย์ดี เราออกมาค้าขายกันดีไหม” เขาเอ่ยถาม เพราะมีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง เขากับเธอชอบทำอาหารกินกันเอง ถ้าออกมาทำงานด้วยตัวเอง มีลูกเต้าก็ไม่ต้องจ้างเลี้ยง เลี้ยงกันเอง ทำงานกันเอง ที่สำคัญก็คือเธอไม่ต้องทำงานกลับดึกๆ ดื่นๆ อีก
“ก็ดีนะ”
“พงศ์มีเงินเก็บอยู่อีกก้อนหลังจากซื้อบ้านก็ยังพอมีเหลือ เอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินและค้าขายเล็กๆ น้อยๆ”
“พงศ์เก่งและขยัน ยังไงก็ต้องก้าวหน้าจ้ะ”
“ที่พงศ์รักน้ำก็เพราะว่าน้ำไม่เคยตำหนิหรือซ้ำเติมอะไรพงศ์เลย เวลาพงศ์ทำอะไรพลาด มีแต่ให้กำลังใจ” เขารักเธอก็เพราะข้อนี้ด้วย ทำให้เขากล้าคิดกล้าทำในหลายๆ เรื่อง จนประสบความสำเร็จ
“คนเราก็ต้องทำอะไรผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้นแหละพงศ์ คนที่ไม่เคยทำอะไรผิดเลย ก็คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย” เธอบอกเขาด้วยรอยยิ้ม
“เพราะคำพูดของน้ำทำให้พงศ์สู้”
“ถ้าผิดพลาดก็แค่แก้ไข แก้ไขไม่ได้ก็ปล่อยมันไป เอาไว้เป็นบทเรียนสอนใจว่าจะไม่ทำอีก แก้ไขไม่ได้ก็คือแก้ไขไม่ได้ ปล่อยก็คือปล่อย แต่สิ่งไหนแก้ไขได้ก็คือแก้ไขได้ มีปัญหาก็ต้องแก้ แก้ไม่ได้ก็ปล่อย มันก็มีแค่นี้แหละชีวิต” เธอคิดว่าคนเราไม่รู้จะตายวันตายพรุ่งวันไหน จะมามัวแต่นั่งเศร้าใจเสียใจอยู่ทำไมกัน ชีวิตมันต้องเดินไปข้างหน้า และไม่มีทางย้อนกลับอีกแล้ว
เหมือนสายน้ำที่ไม่มีวันไหลย้อนกลับ
“พงศ์รักน้ำนะ” เขาดึงเธอมากอดรัด ช่วยกันจัดบ้านอย่างมีความสุข เธอลาออกจากงานและไปจดทะเบียนสมรสที่อำเภอกับพงศ์พันธ์
ทั้งสองเริ่มธุรกิจเล็กๆ โดยพงศ์พันธ์นั้นเก่งคอมพิวเตอร์ เขาก็รับซ่อมคอมฯ พิมพ์งาน ในขณะที่หยดน้ำนั้นทำอาหารเก่ง เธอก็ทำอาหารขาย การทำอาหารขายมีข้อดีก็คือทำให้มีกับข้าวกินทุกวันไม่ต้องซื้อ พงศ์เองก็พาภรรยาไปตลาดตั้งแต่หัวรุ่ง และช่วยเตรียมวัตถุดิบ หั่นผัก หั่นเนื้อและเตรียมเครื่องแกงต่างๆ ให้
ทั้งสองดำเนินกิจการของตัวเองไปได้สวยเพราะขายอาหารราคาไม่แพงแถมยังทำสะอาดและพูดจาไพเราะกับลูกค้า บ้านที่ซื้อเอาไว้ก็ทำเลย์ดีลูกค้าสัญจรผ่านทางนั้นพอสมควร ทั้งนักเรียน นักศึกษาและพนักงานบริษัทที่ต้องซื้อหาอาหารไปกินในวันที่เร่งรีบ
“เราทำกันเล็กๆ เหนื่อยน้อย กำไรน้อยแต่ไม่ขาดทุนเนอะพงศ์” เขากับเธอมักน้อย ค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อยไม่ทำอะไรเกินตัว จึงไม่ขาดทุน และมีกินทุกวัน เงินบางส่วนก็เก็บไปลงทุนบ้าง พงศ์พันธ์หันมาเล่นหุ้นและออมเอาไว้ในรูปแบบประกันชีวิตกับภรรยาสาว รวมถึงซื้อกองทุนเอาไว้ ค่อยๆ ทำไปทีละนิดทีละหน่อย แบบไม่รีบร้อนหรือโลภมาก
“นอนแล้วเหรอ” พงศ์เอ่ยถามภรรยาสาว ขณะขึ้นมานอนบดเบียดจากทางเบื้องหลัง
“ยังจ้ะ” เธอตอบเสียงหวานรับรู้ได้ถึงมือหนาที่เลื่อนเข้ามาในชุดนอนซีทรูของเธอ
“น้ำใส่ชุดนี้แล้วพงศ์มีอารมณ์” เขาหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ หยดน้ำคิดว่าการขายกับข้าวนั้นค่อนข้างเหนื่อย แต่เธอไม่เหนื่อยเพราะพงศ์พันธ์ช่วยงานทุกอย่าง ตกกลางคืนมาเธอจึงไม่หงุดหงิดใส่เขา ยอมให้เขาพาทำการบ้านได้ทุกค่ำคืนเพราะอยากมีลูกน้อยน่ารักด้วยกันสักคนสองคน
“ก็พงศ์อยากเห็นน้ำใส่ชุดนี้ไม่ใช่เหรอ” ชุดนี้เขาเป็นคนช่วยเธอเลือกเองกับมือ ดังนั้นเธอก็เลยใส่เอาใจเขาเสียเลย
“น้ำมีอารมณ์ไหม” เขาขยำนมอวบๆ ของเธอ สะกิดยอดถันจนแข็งเป็นไต ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในร่องเสียวที่เธอยกขาแยกให้เขาก้าวล่วงเข้าไปสัมผัสภายใน
“มีค่ะ อื้ม... พงศ์บี้แบบนั้นน้ำเสียวร่อง” เธอร้องครางออกมาด้วยน้ำเสียงสะท้านหวั่นไหว ยามที่เขาใช้นิ้วแกร่งบดบี้ร่องเสียวของเธอระรัว ทำเอาปุ่มเสียวของเธอสั่นระริกเป็นที่สุด
“ไม่บี้แล้วซอยได้ไหม” เขากระซิบถามเสียงแหบพร่าที่ริมหู ก่อนจะซอยนิ้วเข้าออกในร่องสวาทของเธอระรัว หญิงสาวอ้าปากร้องครางเสียงสั่นระริก
“อ๊า... แบบนั้นน้ำแตกสิพงศ์ อ๊ายแตกแล้วแตกแล้ว” เธอร้องครางเสียงหลงก่อนจะเกร็งกระตุกน้ำแตกคานิ้วของเขา
เธอหอบหายใจสะท้าน ในขณะที่พงศ์พันธ์ยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นแล้วเขาก็สอดแทรกเรือนกายเข้าไปภายในร่องเสียวของเธออย่างไม่รีบร้อน
