บทที่ 2
“แต่งงาน! แต่งงานอะไรกันคะคุณพี่ ทำไมน้องไม่เห็นรู้เรื่องเลย” คุณมณีรินทร์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาบ้างเมื่อได้ยินเรื่องบางเรื่องที่นางไม่เคยรู้จากปากของสามีมาก่อน นี่มันเรื่องบ้าบออะไร!
“ใจเย็นก่อนสิคุณณี ก็อย่างที่ไอ้นพเพื่อนผมมันบอก มันจะยอมช่วยเราเรื่องหนี้สินถ้าหากเรายอมยกลูกสาวของเราให้ลูกชายมัน” ซึ่งนี้เรื่องคุณมณีรินทร์ไม่อาจจะยอมรับได้ นางเองก็รู้ประวัติของเพื่อนสามีคนนี้มาบ้าง แม้จะร่ำรวยไม่น้อยแต่ถ้าต้องให้ลูกสาวสุดที่รักของนางจากบ้านไปอยู่บนป่าเขาเอาอย่างนั้น ยังไงก็ไม่ยอม
เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่มีวันยอมเด็ดขาด!
“ยัยสาต้องไม่ยอมแน่ๆ ค่ะ น้องเองก็ด้วย!” คุณมานพไม่ได้หงุดหงิดต่อท่าทีของภรรยาเพื่อนรักที่ตั้งท่าปฏิเสธกันลูกเดียว นี่ขนาดยังไม่ได้เจอตัวไอ้ลูกชายตัวแสบของเขาคุณเธอยังโวยวายขนาดนี้ ลองถ้าได้เจอไอ้ราชของเขา มีหวังคงได้วิ่งป่าราบเป็นแน่แท้!
“ฉันจำได้ว่าแกมีลูกสองคน…จริงๆ แล้วฉันไม่มีปัญหาเลยว่าจะเป็นคนไหน ขอแค่เธอสมัครใจที่จะไปก็พอ” ชายชราจำต้องเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องเป็นคนไหน เขาขอแค่เธอเต็มใจที่จะกลับไปเหมืองด้วยกันเป็นพอ ส่วนเรื่องอื่นนั้นเขาจะจัดการให้เอง
“เรื่องนั้นมัน…” นายทรงพลมีท่าทีอึดอัดค่อนข้างมากเมื่อเพื่อนรักเอ่ยถึงลูกสาวอีกคน คนที่เขาเกือบๆ จะลืมไปแล้วว่าเป็นลูก
“น้ำค่ะท่าน” เสียงอ่อนหวานของคนที่หายเข้าไปครัวดังขัดจังหวะขึ้น ปภาวรินทร์ส่งยิ้มให้แขกของพ่อในขณะที่ส่งน้ำให้ท่าน
“ขอบใจมากจ๊ะหนู” คุณมานพเอ่ยขอบใจเด็กสาวตรงหน้าที่เขารู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น ภาพนั้นทำให้สองสามีภรรยาลอบมองหน้ากันชั่วครู่ก่อนที่คุณมณีรินจะเอ่ยเรียกลูกเลี้ยงไว้เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะลุกเดินกลับเข้าไปในครัวเมื่อทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จ
“เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะหนูริน” เสียงเรียกจากแม่เลี้ยงทำให้ปภาวรินทร์ชะงัก เพราะไม่เคยมีเลยสักครั้งที่อีกฝ่ายจะเรียกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อเช่นตอนนี้ หญิงสาวจำต้องหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าทุกคนอีกครั้ง ทุกๆ คนซึ่งตอนนี้กำลังจ้องมองมาที่เธอเป็นตาเดียว
“คะคุณผู้หญิง”
“เรียกอะไรแบบนั้นล่ะจ๊ะหนูรินก็ น้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกน้าว่าแม่ มาไหว้คุณลุงนพเขาสิลูก คุณมานพคะ…นี่ปภาวรินทร์ค่ะ ลูกสาวคนเล็กของคุณพี่กับนัง…เอ่อ กับอิ่มอรค่ะ” นางมณีรินทร์รู้สึกเป็นสเนียดกับปากไม่น้อยแต่ก็ข่มใจเอ่ยถึงภรรยาอีกคนของสามีที่เผลอไปมีอะไรกับคนใช้ในบ้านเพราะความเมาไม่ได้สติจนนังอรเกิดตั้งท้องคลอดลูกออกมาประจานความแปดเปื้อนของสามีนาง
“สวัสดีค่ะ…คุณลุง” แม้จะยังงุนงงต่อเหตุการณ์ตรงหน้าแต่ปภาวรินทร์ก็ยอมยกมือไหว้ชายชราตรงหน้าตามคำบอกแม่เลี้ยงอย่างง่ายดาย หญิงสาวเองก็รู้สึกถูกชะตากับท่านไม่น้อยเลยทีเดียว
“ไหว้พระเถอะนะหนู มิน่าหน้าตาหนูถึงได้คุ้นนัก ทีแท้ก็ทอดแบบพ่อมานี่เอง” หญิงสาวไม่ได้รู้สึกดีต่อคำชมนี้สักเท่าไหร่ เธอปรายตามองไปยังบิดาที่ยังคงจ้องมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคยชั่วครู่ เมื่อท่านไม่ได้เอ่ยว่าอะไรจึงขอตัวกลับออกมาปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องที่เธอเดาว่ามันน่าจะสำคัญพอสมควร
“ฉันชอบลูกสาวคนนี้ของแกนะ ดูอ่อนหวาน น่ารัก เห็นครั้งแรกฉันก็รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก” คุณมานพไม่คิดที่จะเก็บความพึงพอใจที่มีต่อบุตรสาวของเพื่อนรักที่เพิ่งจะเดินจากไปอีกต่อไป หากเป็นไปได้เขาก็อยากได้แม่หนูปภาวรินทร์คนนี้นี่แหละกลับไปเป็นของฝากให้ลูกชายที่มันได้ดั่งใจทุกอย่าง เว้นเรื่องหาเมีย
“ฉันคงต้องขอคุยกับเขาก่อน ว่าแต่แกจะกลับเชียงรายเมื่อไหร่ล่ะ” นายทรงพลเอ่ยตอบหลังจากเงียบเพื่อใช้ความคิดอยู่สักพัก เขาเองแม้จะไม่ชอบลูกสาวคนเล็กสักเท่าไหร่ แต่เรื่องแบบนี้ก็ต้องพูดคุยกับอีกฝ่ายก่อน ครั้นจะให้เขาตอบตกลงไปเสียตั้งแต่ตอนนี้วันนี้ก็คงไม่ได้จำต้องขอเวลามากกว่านี้อีกสักนิดเพื่อพูดคุยกับอีกคนให้รู้เรื่อง
“อีกแค่สามวัน” ชายชราพยักหน้ารับก่อนจะขอเวลาพูดคุยกับบุตรสาวคนเล็กก่อน ซึ่งคุณมานพก็ไม่ได้ว่าอะไร ยอมให้เวลาเพื่อนให้ตัดสินใจก่อนจะขอตัวกลับออกไปทำธุระเรื่องอื่นของตัวเอง
ทิ้งให้คู่สามีภรรยานั่งคิดไม่ตกถึงเรื่องที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน
“แม่แดง!”
คุณมณีรินเอ่ยเรียกแม่บ้านวัยชราที่บังเอิญเดินผ่านมาให้หยุดก่อนจะสั่งให้อีกฝ่ายไปตามปภาวรินทร์ให้มาพบที่ที่โดยไม่ต้องหันไปสอบถามความเห็นสามีที่เอาแต่นั่งเงียบเลยสักคำ
