แม่ลูกหนึ่ง

72.0K · จบแล้ว
แอดอ้วน
42
บท
18.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอยอมขายตัวเพื่อเเลกเงินไปรักษาเเม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เเต่ความโชคร้ายของเธอก็ทำไห้เเม่ของเธอได้จากไปเสียก่อน และแล้วเธอก็พลาดมีลูกจากการขายตัวครั้งนั้น จนทำไห้เธอมีลูกติด แล้วชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรไปอ่านกันเลย จ้า

นิยายรักนิยายรักโรแมนติกเศรษฐีดราม่ากำลังภายในรักหวานๆ

บทนำ !

บทนำ

ดิฉันชื่อก้อยอายุ 24 ปีบริบูรณ์ฉันมีลูกแล้ว 1 คนเป็นลูกสาวอายุ 4 ขวบ ชื่อว่าลูกแก้ว ก่อนที่แม่ฉันจะเสียฉันได้ไปขายตัวให้กับนักธุรกิจคนหนึ่ง แล้วฉันก็เลิกทำงานนั้นเลยเพราะฉันได้เงินมาหนึ่งก้อน40,000 บาท นักธุรกิจคนนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะนอกกายภรรยาเขาแต่เขาสงสารฉันเขาเลยให้เงินฉัน ฉันไม่อยากได้เงินใครฟรีๆเขาเลยมีอะไรกับฉันแล้วเขาก็กลับไป ฉันรีบนำเงินนั้นมาเพื่อที่จะรักษาแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ด้วยความโชคร้ายของฉันแม่ของฉันได้เสียไปก่อน จากที่ฉันได้จัดงานศพแม่ด้วยเงิน 40,000 บาทที่แรกกับการขายตัวเพื่อที่จะมารักษาท่านแต่ก็ต้องเอามาจัดเป็นงานศพแทน ฉันก็กลับมาอยู่ที่บ้านฉันก็มารู้ว่าฉันตั้งท้องเพราะฉันมัวแต่ยุ่งเรื่องงานศพแล้วไม่ได้กินยาคุม ตอนแรกฉันจะไปเอาเด็กออก แต่ก็สงสารเพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ฉันเลยตัดสินใจอุ้มท้องเขาและก็กลายเป็นฉันรักเขาและดูแลเขาจนคลอดฉันอยู่คนเดียวมาโดยตลอดที่บ้านในสลัมข้างตลาด ที่ฉันเคยอยู่กับแม่ของฉันขายข้าวแกงกับขนมเลี้ยงปากท้องไปวันๆและเงินที่เหลือจากจัดงานศพแม่อยู่ 5,000 บาทฉันใช้เงินอย่างประหยัดหาเก็บเรื่อยๆเพราะเอาไว้เป็นค่าออกลูกของตนเอง แล้วฉันก็ได้คลอดลูกเป็นผู้หญิงเธอหน้าตาคล้ายกับพ่อของเธอแต่ฉันไม่กล้าที่จะไปบอกเขาเรื่องนี้หรอกอีกอย่างเขารักภรรยากับลูกเขา ตอนแรกเขาจะช่วยเหลือเราเรื่องเงินแต่ฉันไม่เอาฉันเป็นคนให้เขาเองเพื่อแลกกับเงิน จนเวลาผ่านไป 4 ปีลูกสาวของฉันเริ่มโตแล้วกำลังจะเข้าโรงเรียนฉันเริ่มมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่ด้วยความโชคร้ายที่เข้ามาหาฉันกับลูกอีกครั้งบ้านของฉันที่ฉันเช่าถูกไฟไหม้จนไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่เงินที่ฉันเก็บไว้ในบ้าน ตอนแรกฉันจะเอาไปฝากแต่ฉันยังไม่ทันได้เอาไปฝาก มันก็ไม่กลายเป็นขี้เถ้าหมดได้แต่กอดลูกสาวร้องไห้เพราะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่เงินบาทเดียวก็ไม่มีติดตัวถูกไฟไหม้ไปหมดแล้ว ชีวิตฉันเหมือนตายทั้งเป็นอีกครั้งฉันทำงานทุ่มเทเก็บเงินไว้แต่มันก็มอดไหม้ไปหมด แล้วลูกสาวของฉันจะกินอะไรจะอยู่ยังไงฉันจะไปอยู่ที่ไหน ฉันได้มาอยู่ที่วัดและฉันคิดว่าฉันไม่สามารถที่จะเลี้ยงลูกได้ฉันเลยเอาลูกสาวของฉันไปฝากไว้ที่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า แล้วฉันก็ออกมาทำงานล้างชามตามร้านก๋วยเตี๋ยวตอนแรกเขาให้ฉันวันละ 200 แล้วเขาก็ไล่ฉันออก ฉันไม่มีที่ไปก็ขอเขาอยู่ต่อเขาเลยลดค่าแรงฉันเหลือวันละ 100 แล้วฉันก็มาเจอคุณผู้หญิงใจดีคนหนึ่งโดยบังเอิญเขาเมตตาฉันมากให้ฉันมาทำงานเป็นแม่บ้านอยู่บ้านของเขาพาฉันไปรับลูกที่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าด้วย แต่แล้วฉันก็ไม่ได้โชคดีแบบนั้นคุณผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นภรรยาของนักธุรกิจที่ซื้อบริการเราในวันนั้นและเป็นพ่อของลูกสาวของเรานักธุรกิจคนนั้นชื่อว่าคุณภาธรเป็นนักธุรกิจที่มีบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยใครๆก็รู้จัก ครอบครัวของเขาอบอุ่นแล้วก็มีความสุข ซึ่งเราก็ไม่อยากให้เขาต้องรู้เรื่องราวระหว่างเรากับสามีของเขาคุณผู้หญิงเขามีบุญคุณต่อเรามาก เราเลยตัดสินใจออกมาจากบ้านของเขา นักธุรกิจคนนั้นคนที่เป็นพ่อของลูกเราเขาก็รู้ว่าลูกสาวของเราก็เป็นลูกของเขาเหมือนกัน เขาบอกกับเราว่าให้อยู่เฉยๆแล้วเขาจะหาทางออกให้เราซึ่งเราก็รู้ว่าเขาบอกกับภรรยาของเขา ถ้าเขาบอกภรรยาเขาอะไรจะเกิดขึ้นเราไม่อยากเห็นครอบครัวเขาแตกแยก เราไม่อยากเห็นคุณผู้หญิงต้องเสียใจ แต่ถ้าถามความรู้สึกของเรา เราก็แอบรักเขาเหมือนกันแต่เราไม่สามารถที่จะหักหลังคุณผู้หญิงได้ เราก้าวออกมาจากจุดนั้น โดยที่คุณผู้หญิงและลูกผู้หญิงไม่รู้เรื่องนี้หรอก เรารู้จักแม่ค้าขนมหวานอยู่ในตลาดเขาชื่อพี่ปิ่น เขาพาเรามาทำงานที่ผับ ซึ่งเราก็เอาลูกสาวของเรามาอยู่ห้องเช่าเล็กๆ ถึงมันจะลำบากแต่ก็ดีกว่าเป็นคนทรยศแล้วก็ไปทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก

“เป็นยังไงบ้างก้อยอยู่ได้หรือเปล่า”พี่ปิ่นเดินมาเเละถามเรา

“หนูอยู่ได้ค่ะแต่หนูสงสารลูกจัง เขาคงคิดถึงพี่ๆของเขามาก”ใช่ค่ะลูกสาวของคุณผู้หญิง เอ็นดูลูกสาวของเรามากและลูกสาวของเราก็รักพี่ๆของเขาเช่นกัน พวกเขาไม่รู้เลยว่าเขาเป็นสายเลือดเดียวกัน ถ้าพี่ๆของเขารู้เขาก็คงรังเกียจลูกสาวของเรา

“พี่ว่าก้อยทำดีแล้วนะที่เดินออกมาจากชีวิตครอบครัวของเขา ถึงเราจะลำบากในวันนี้แต่พี่เชื่อว่าก้อยเป็นคนดีในวันหน้าก็ต้องสบายและมีเงินเลี้ยงลูก”

“ค่ะพี่ปิ่นก้อยขอบคุณพี่มากๆนะคะที่ช่วยเหลือก้อย ก้อยสัญญาว่าถ้าก้อยมีก้อยจะไม่ลืมพี่”

“จ้าเดี๋ยวเราไปดูพี่เลี้ยงเด็กที่เขารับจ้างเลี้ยงแถวๆนี้เนาะ เพราะว่าคนแถวๆนี้เขาก็มีลูกแล้วเขาก็ไปทำงานกลางคืนเหมือนกับเรานี่แหละ”

“ค่ะพี่ปิ่น”แล้วพี่ปิ่นเขาก็เดินกลับห้องเขาไป พี่ปิ่นเช่าห้องอยู่ข้างเราเช่นกันแต่บ้านของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่พ่อกับแม่ของเขาอยู่ข้างตลาดแถวบ้านคุณผู้หญิง

“แม่จ๋าเมื่อไหร่เราจะกลับไปหาพี่ไหมกับพี่ไผ่จ๊ะ”ลูกสาวเราเธอพูดออกมาด้วยแววตาเศร้าๆสองวันแล้วที่เราออกมาจากบ้านหลังนั้น

“เราจะไม่กลับไปแล้วนะลูก”มือด้านขวาของเรายกมาลูบหัวลูกสาวเบาๆและบอกกับเขาว่าเราจะไม่กลับไปเเล้ว ด้วยความที่ลูกเราเด็กเเละติดพี่ๆของเขาเธอเสียใจเเละร้องไห้หนัก

“ฮึ้บแม่จ๋าใจร้ายหนูอยากไปหาพี่ไหม(ชื่อลูกสาวคุณผู้หญิงคุณผู้ชาย)หนูไม่อยากอยู่ที่นี่”เธอได้อยู่บ้านนั้น แล้วมีทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินหรือที่อยู่คุณผู้หญิงเขาให้ทุกอย่างกับเธอเหมือนเธอเป็นลูกสาวอีกคนก็ว่าได้ พอเธอมาอยู่แบบนี้เลยคิดถึงที่เธอเคยอยู่ และคิดถึงคนที่เธอรัก

เราทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดลูกแล้วร้องไห้ แม่ขอโทษถึงแม่จะไม่มีแม่จะไม่รวยแต่แม่จะเลี้ยงหนู แม่จะไม่ทิ้งหนูเด็ดขาดแม่เคยพลาดเอาหนูไปไว้ที่สถานสงเคราะห์มาแล้วรอบหนึ่ง แม่จะไม่มีอีกต่อให้อดแม่ก็ยอม เเต่แม่จะทำไห้หนูอิ่มนะลูก