บทที่ 5
“นั่นสิคะ ทำไมโลกมันถึงได้กลมจนเราต้องโคจรมาเจอกันแบบนี้อีก” ต่อให้ตกใจแต่เธอก็ยังคิดประโยคเอ่ยตอบอีกฝ่ายได้
“คุณพีทสบายดีใช่ไหม” กวินตาลองหยั่งเชิงดูเท่านั้นเองว่าฟ้าโปรดจะมีปฏิกิริยายังไงหากเธอเอ่ยถึงฟ้าใหม่พี่ชาย ซึ่งคนตรงหน้าก็เก็บอารมณ์ได้ดีกว่าที่คิด
“สบายดีค่ะ” เอ่ยจบฟ้าโปรดก็ส่งยิ้มให้กวินตา เธอจะไม่มีทางทำให้ผู้หญิงตรงหน้าได้ใจกับเรื่องที่ก่อไว้อย่างเด็ดขาด
“ดีใจจังที่ได้ยินแบบนี้”
“แล้วพี่แก้มล่ะคะสบายดีไหม แต่เท่าที่ดูก็น่าจะสบายดีทั้งๆ ที่ทำลายครอบครัวคนอื่นจนพังไม่เหลือชิ้นดีแท้ๆ แพมนับถือใจมากๆ เลยค่ะ” คำพูดของฟ้าโปรดทำให้กวินตาชักสีหน้าทันที
“พี่ไม่ได้ทำอะไรนี่คะ เรื่องมันลงเอ่ยแบบนั้นเพราะพี่ชายแพมต่างหาก”
“คนที่ไม่รู้ตัวว่าทำชั่วทำผิดอะไรมักจะไม่ยอมรับหรอกค่ะ” เอ่ยจบฟ้าโปรดก็ส่งยิ้มให้กวินตาแต่อีกฝ่ายกลับมีแต่ความบึ้งตึง “ว่าแต่รถคันนี้สวยจัง ได้มายังไงหรือคะ”
“ฉันก็ซื้อเองสิ ถามทำไม” กวินตาโกหก
“ว้าว จริงเหรอคะเนี่ย ถ้าไม่บอกก็นึกว่าไปปอกลอกใครเขามา” กวินตาไม่พอใจกับคำดูถูกของฟ้าโปรดจนหน้าบึ้งตึง
“จะมากไปแล้วนะแพม ยังไงฉันก็เป็นพี่เธอควรให้เกียรติกันมากกว่านี้หน่อย”
“ถ้าจำไม่ผิดแพมมีแค่พี่ชายคนเดียว ส่วนพี่ส่วนเกินที่เป็นเหมือนเนื้องอกขอไม่นับดีกว่า” เอ่ยจบ ฟ้าโปรดก็ส่งยิ้มหวานให้คู่กรณีทั้งเรื่องรถชนและเรื่องในอดีต ถ้าถามว่าตอนนี้เธอเกลียดใครมากที่สุดคำตอบก็คือ…กวินตา
“แพม” กวินตาขึ้นเสียงใส่ฟ้าโปรดแต่เธอก็ยังยิ้มได้ ซึ่งมันคือยิ้มเย้ยแบบลอยหูลอยตายิ่งยั่วอารมณ์ของกวินตาให้เดือด
“อย่าอารมณ์เสียสิคะ แพมแค่หยอกเล่นตามประสาคนเคยรู้จักที่ไม่ค่อยอยากรู้จักแล้วก็เท่านั้นเอง เรามาเคลียร์เรื่องอุบัติเหตุกันดีกว่า อย่าเสียเวลาคุยเรื่องไร้สาระอะไรเลย” เอ่ยแขวะเล็กน้อยจบฟ้าโปรดก็แยกตัวมาโทรหาประกันในขณะที่กวินตาต้องสลัดอารมณ์ไม่พอใจทิ้งชั่วคราวแล้วโทรหาปวินท์เพราะชายหนุ่มเป็นเจ้าของรถคันที่เธอใช้ ปกติเธอใช้รถตัวเองแต่วันนี้รถเกิดเสียเขาจึงส่งรถคันนี้มาให้ใช้ระหว่างรอซ่อม
กวินตาจึงอ้างเหตุผลกับปวินท์ว่าเธอรู้สึกไม่ปลอดภัย กลัวที่จะอยู่กับคู่กรณีมากเพราะอีกฝ่ายเสียงดังชอบพูดเอะอะโวยวายไร้เหตุผลไม่เลิก อยากขอให้ลูกน้องของชายหนุ่มมาช่วยจัดการเรื่องรถที่เกิดอุบัติเหตุแทนซึ่ง ปวินท์ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยทันที
“โอเคครับแก้มเดี๋ยวผมส่งคนไปจัดการต่อให้เอง คุณกลับไปพักผ่อนก่อน”
“ขอบคุณมากนะคะคุณเจ”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็กน้อยแค่อย่าคิดมากเลย” เสียงทุ้มปลายสายเอ่ยรับ ในขณะที่กวินตาก็เหมือนจะเบาใจไปได้อีกหน่อย นั่นเพราะเธอไม่อยากอยู่รอประกันแล้วเปิดช่องให้ฟ้าโปรดหยิบเอาเรื่องในอดีตมาพูดแขวะไม่เลิกรา
เมื่อคุยกับชายหนุ่มเสร็จเธอก็เปิดประตูรถก่อนจะคว้ากระเป๋ามาถือไว้ เชิดใบหน้าสวยๆ ใส่ฟ้าโปรดแล้วเดินผ่านหน้าไป
“จะไปไหน” ฟ้าโปรดเอ่ยถาม
“ธุระส่วนตัว เดี๋ยวจะมีคนตามมาจัดการเรื่องบ้าๆ พวกนี้ให้ ยังไงก็ฝากรอประกันรถฉันด้วยแล้วกัน” พูดจบกวินตาก็เดินฉับๆ ไปเรียกแท็กซี่จากนั้นก็นั่งออกไปทันที ปล่อยให้ฟ้าโปรดยืนงงอยู่คนเดียว
“ทิ้งกันเฉย โอ๊ย กว่าประกันรถจะมา ไม่น่าเลยจริงๆ” ฟ้าโปรดหน้ามุ่ย จากที่จงใจขับรถชนเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เจอกับปวินท์แต่กลับเจอนางจิ้งจอกเห้าหางกวินตาแทนเสียได้ ผิดแผนไปหมดคิดแล้วก็อยากหยุมหัวตัวเองหรือวันนี้เธอใส่เสื้อผ้าสีกาลกิณีมา แต่พอก้มมองก็ปกตินี่นา
ระหว่างรอประกันฟ้าโปรดก็จัดการถ่ายรูปให้ครบทุกมุมจากนั้นก็เคลื่อนรถเข้าที่จอดข้างๆ รถคู่กรณีที่ตอนนี้เดินปัดตูดไปขึ้นรถแท็กซี่นานแล้วเพื่อเปิดทางให้รถคันอื่นๆ ขับผ่านไปได้ ประกันรถของเธอมาค่อนข้างเร็วในขณะที่ประกันรถอีกคันยังมาไม่ถึง
ระหว่างที่เธอกำลังง่วนกับการหาเอกสารให้ประกัน เสียงของใครคนหนึ่งที่ดังขึ้นจากด้านหลังก็ทำให้มือเล็กๆ ชะงักไปเล็กน้อย
“ขอโทษนะครับ ผมเป็นเจ้าของรถคันเกิดเหตุ” เมื่อฟ้าโปรดหันกลับมาปวินท์ก็ถึงกับตกใจที่เห็นเธอถึงกับอุทานชื่ออีกฝ่ายออกมาเบาๆ
นั่นเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่
“สวัสดีค่ะคุณเจ นั่นรถคุณเจหรือคะ” ฟ้าโปรดส่งยิ้มให้เขาแล้วแกล้งถามเหมือนไม่รู้ว่านั่นคือรถของชายหนุ่ม
“ครับ”
“พอดีฉันถอยรถไม่ทันระวังเลยชนเข้าน่ะค่ะ ตะกี้ก็ขอโทษคุณกวิตาเธอไปแล้ว” ฟ้าโปรดเอ่ยเรียกกวินตาอย่างเป็นทางการนั่นเพราะยังไม่ถึงเวลาที่ชายหนุ่มต้องรับรู้ประวัติอันเน่าหนอนของเธอคนนั้น “สบายดีไหมคะ”
“สบายดีครับ ระหว่างรอประกันเคลียร์ เราไปนั่งดื่มอะไรเย็นๆ ที่ร้านกาแฟข้างในฟิตเนสกันก่อนดีไหม” ปวินท์เสนอเพราะคุยกันร้อนๆ ตรงลานจอดรถแบบนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่
“ก็ดีค่ะ” ฟ้าโปรดเอ่ยรับแล้วทั้งคู่ก็เดินไปยังร้านกาแฟที่ว่าด้วยกัน ปวินท์เดินไปสั่งกาแฟสองแก้ว ซึ่งจนถึงตอนนี้เขาก็ยังจำได้ว่าฟ้าโปรดนั้นชอบดื่มอะไร
“กาแฟครับ” เอ่ยบอกก็ยื่นกาแฟในมือให้เธอ หัวใจ
ของฟ้าโปรดกระตุกเล็กน้อยเมื่อมองเห็นส้มในแก้วกาแฟ
“ขอบคุณค่ะ” ฟ้าโปรดเอ่ยรับแล้วยื่นมือไปรับกาแฟแก้วนั้นมาจากปวินท์จากนั้นก็ดื่มมันอย่างไม่ลังเล ในขณะที่ของชายหนุ่มเป็นอเมริกาโนเพิ่มช็อตซึ่งเขามักจะสั่งแบบนี้ทุกครั้งเช่นกัน
“คุณเจกลับมาเมืองไทยนานแล้วหรือยังคะ”
“น่าจะเกือบปีได้แล้วครับ” ปวินท์เอ่ยบอก รู้สึกน้อยใจนิดๆ ที่ฟ้าโปรดไม่รู้ข่าวของเขาเลยแบบนี้ ทั้งๆ ที่เขาออกจะโชว์หน้าตัวเองผ่านสื่อต่างๆ ออกบ่อย “แล้วงานเป็นไงบ้าง”
“โอเคค่ะ ยุ่งบ้างว่างบ้าง แล้วแต่วันไป”
“วันไหนว่างๆ เรานัดกันไปข้าวสักมื้อไหม”
“ได้ค่ะ ฉันมีเพื่อนเปิดร้านอาหารอยู่ หัวหน้าเชฟที่นั่นทำอาหารญี่ปุ่นอร่อยมาก” ฟ้าโปรดยกนิ้วให้หัวหน้าเชฟที่ร้านอาหารของเพื่อนสนิทอย่างบัวฟ้าที่ทำเอาเธอหลงเสน่ห์ในรสมือ ผู้ชายอะไรทำเมนูไหนก็อร่อย
“ยังชอบอาหารญี่ปุ่นอยู่สินะ”
“ค่ะ ฉันเป็นคนประเภทถ้าชอบอะไรแล้วก็เปลี่ยนใจยากสักหน่อย” ปวินท์อยากถามเหลือเกินว่าเธอหมายถึงเรื่องความรักด้วยหรือเปล่า แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในสถานะโสดจึงไม่อาจถามแบบนั้นได้จริงๆ
“แล้วนี่คุณแพมมาเล่นฟิตเนสที่นี่ด้วยหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ”
“น่าแปลกเพราะผมก็มาที่นี่ประจำแต่กลับไม่เคยเจอกัน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกแล้วแอบมองใบหน้าของคนตรงหน้า หลายปีแล้วที่ไม่ได้เจอกันแต่เธอก็ยังคงอยู่ในความทรงจำเขาเสมอ
