แผนร้ายคุณหมอที่รัก

112.0K · จบแล้ว
บุษบาบัณ/นศามณี
64
บท
7.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“คุณเป็นถึงหมอ ทำไมถึงกล้าทำเรื่องแบบนั้น” “หมอไม่ใช่เทวดา เป็นหมอก็ยังมีกิเลส ถูกเมียยั่วโมโหเก่ง แกล้งเก่ง แล้วยังอ่อยเก่ง มันก็ต้องมีตบะแตกกันบ้าง” ที่เขาว่าเธอชอบยั่วโมโหนั้น สีตลาไม่กล้าเถียง แต่อ่อยเก่งนี่... “ฉันไปอ่อยคุณตอนไหน” “ก่อนลงไปกินข้าว เธออาบน้ำแล้วร้องครางซี้ดลั่นห้องน้ำ นี่รู้หรอกนะว่าหวังให้ฉันวิ่งเข้าไปในห้องน้ำใช่ไหมล่ะ ดีนะที่ฉันเป็นสุภาพบุรุษพอ ไม่งั้นป่านนี้ ฉันคงได้กินเธออยู่ในห้องน้ำแล้ว ไม่ได้ลงไปกินข้าวกับคนอื่นหรอก” สีตลาหน้าเหวอ กับคุณหมอขี้มโน “คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจยั่ว ที่อาบน้ำแล้วร้องซี้ดครางออกมา เพราะปรับเครื่องทำน้ำอุ่นผิด น้ำมันร้อนเกินไป” “แน่ใจเหรอ” เขามองจ้องอย่างจำผิด “ไม่ใช่เพราะอาบน้ำไป เธอก็ทำอย่างว่าแล้วคิดถึงหน้าฉันใช่ไหม...” “โอ๊ย ฉันไม่เคยคิดค่ะ มีแต่คุณคิดมากอยู่คนเดียว” “งั้นฉันยอมรับก็ได้ ว่าฉันคิด...กับเธอบ่อยๆ แล้ววันนี้แหละ ฉันจะไม่ทนอีก” ไม่รู้เพราะซัดอาหารที่คนเป็นแม่จงใจให้เป็นยาโด๊ปอย่างดีสำหรับลูกชายเข้าไปเยอะ หรือเขาอยากเองกันแน่ สีตลาร้องเสียงหลง กับท่าทางย่างสามขุม“อย่าเข้ามานะคะ” “กลัวทำไม ทั้งที่เธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เดี๋ยวก็เอาฉันไปนินทาว่าไร้น้ำยา เดี๋ยวก็ว่าฉันเป็นวัวแก่ชอบเล็มหญ้าอ่อน เมื่อตะกี้ยังบอกทุกคนว่าแพ้หน้าฉันจนอยากจะอาเจียน คราวนี้ไม่ต้องมาร้อง ต่อให้ร้อง ฉันก็จะทำ มานี่ เดี๋ยวพี่ฤทธิ์จะฉีดยาแก้แพ้ให้” สีตลาถอยจนติดผนัง ไปไหนไม่ได้แล้ว “อื้อ ไม่ค่ะ คุณพกเข็มฉีดยามาในห้องนอนด้วยหรือไงคะ” ครองฤทธิ์ส่ายหน้า “เข็มที่ฉันว่าน่ะมันติดตัวฉันมาตั้งแต่เกิด”

นิยายรักโรแมนติกหมอนางเอกเก่งผู้ชายอบอุ่นแต่งงานสายฟ้าแลบพระเอกเก่งเศรษฐีรักหวานๆ18+

บทนำ

ทันทีที่เสียงเครื่องยนต์เงียบลงหลังเลี้ยวโค้งเข้ามาจอดหน้าโรงพยาบาลเล็กๆ แต่เป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวบนดอยนี้ ร่างสูงของหมอครองฤทธิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดอยสุขใจ และหมอสูติฯ มือทองคนเดียวบนยอดดอย คว้ากระเป๋าหนังสีน้ำตาลที่วางอยู่บนเบาะข้างคนขับลงจากรถยนต์ แล้วหันมาปิดประตูรถยนต์กดล็อกเรียบร้อย

“หมอปิ๊กมาแล้ว” (หมอกลับมาแล้ว)

เสียงเรียกของผู้คนหลายวัยที่จำเขาได้อย่างไม่เคยลืมกำลังเขย่งปลายเท้าลุกขึ้นมามอง บ้างก็ชะโงกมองมายังหน้าลานจอดรถของโรงพยาบาล เมื่อเห็นว่าใช่หมอครองฤทธิ์จริงๆ ก็บอกต่อๆ กัน

“หมอครองฤทธิ์แต๊ตวย หมอปิ๊กมาแล้ว หมอปิ๊กมาแล้วหมู่เฮา” (หมอครองฤทธิ์จริงด้วย หมอกลับมาแล้ว หมอกลับมาแล้วพวกเรา)

สูตินรีแพทย์หนุ่มผุดรอยยิ้มภูมิใจในความเป็นหมอดอยของเขา ครองฤทธิ์โชกโชนในวิชาชีพ เขาทำคลอดให้ทารกนับร้อยบนยอดดอย รักษาผู้คนมากมายจนเป็นที่รักของผู้คนที่นี่ หมอหนุ่มหิ้วกระเป๋าเองสารเดินอย่างคล่องแคล่วตรงไปยังทางเข้าโรงพยาบาล ดวงตาสีนิลปรากฏรอยยิ้มทอดมองเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่หยุดทักทำความเคารพ ตลอดจนหันไปพูดคุย ทักทายกับคนไข้ที่คุ้นหน้าคุ้นตาอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีครับลุงฮอม ป้าบัว ว่าไงปีโป้ วันนี้เป็นอะไรมาครับ”

เจ้าของร่างกำยำหยุดพูดคุยอย่างกันเองกับผู้คนทุกเพศทุกวัยที่หยิบยื่นรอยยิ้มให้เขา สักพักจึงขอตัวเดินเลี้ยวไปทางปีกขวาของโรงพยาบาลซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวเพื่อเคลียร์งานที่ค้างคาหลังจากถูกขอให้ไปช่วยงานที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ มาหลายเดือนพร้อมกับดูแลแม่ที่ป่วยเป็นโรคคิดถึงลูกชาย การกลับมาทำงานวันแรก เขามีเคสที่รอทำคลอดถึงสามราย

ชายหนุ่มผลักประตูเข้าไปภายในห้องทำงาน ดวงตาปลาบคมแหงนมองภาพชายวัยหกสิบปีเศษในกรอบหลุยส์สีทองแวววาว ซึ่งภาพนั้นคือผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งนี้ ประดับอยู่บนผนังห้องทำงานสีขาวกลางเก่ากลางใหม่

“สวัสดีครับคุณพ่อ ผมกลับมาแล้วครับ”

นัยน์ตาคู่คมปรากฏแรงศรัทธาอันแรงกล้า มุมปากเผยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ “ใครจะไปคิดว่าเราจะทำงานบนดอยนี้มาได้ 7-8 ปี”

7 ปีก่อนหน้านี้...

‘ครองฤทธิ์ วนารมย์’ คือนายแพทย์สูติฯ จบใหม่ ที่เกิดมาเพียบพร้อมทั้งความหล่อและความรวย เขาคือทายาทของโรงพยาบาลชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศ ความรวยของหมอครองฤทธิ์ทำให้เขาเปลี่ยนรถยนต์และตุ๊กตาหน้ารถเป็นว่าเล่น จนกระทั่งวันนั้นที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล

หมอครองฤทธิ์กำลังเล็งจีบทันตแพทย์สาวคนหนึ่ง ซึ่งเจ้าหล่อนได้ยื่นสมัครเป็นจิตอาสาร่วมโครงการหมอน้ำดีบุกดอย อันเป็นโครงการแพทย์อาสา พิกัดดอยสุขใจ เขาไม่ได้สนใจมากกว่าหาทางเข้าใกล้หมอสาวที่เล็งไว้ แต่โชคร้าย เมื่อถึงวันเดินทาง ทันตแพทย์สาวที่เขาสนใจเพิ่งจะขอยกเลิกการเข้าร่วมโครงการเพราะบิดาของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่วนเขาลงชื่อไปแล้วจะยกเลิกก็น่าเกลียดเกินไป

แค่สามวันบนยอดดอย ที่เวลานั้นไม่มีแม้แต่ไฟฟ้า และในระยะสามวันยังต้องเดินเท้าเพื่อเข้าไปตรวจรักษาในพื้นที่ทุรกันดาร เส้นทางขึ้นเขาที่ลาดชันขึ้นเรื่อยๆ รถยนต์ถูกจอดและคณะแพทย์อาสาต้องเดินเท้าเพื่อเข้าไปให้ถึงหมู่บ้าน

ครองฤทธิ์หงุดหงิดแล้วบ่นตลอดทางให้กับความเหนื่อยยากลำบากทุกย่างก้าว เขาเปลี่ยนใจกะทันหัน ขอลงจากดอยและต้องการให้รถยนต์สักคันไปส่งที่สนามบิน ชายหนุ่มคิดจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที

หมอหนุ่มหล่อ โปรไฟล์ดีที่เดินรั้งท้ายหยุดเหนื่อยหอบ ปาขวดน้ำดื่มที่หมดไปนานแล้วลงกับพื้น

“ไกลฉิบ...ผมเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว” เขาหายใจออกมาเสียงดัง ท่าทางเหนื่อยล้าจากการเดินทาง

คนที่หันกลับมามองเขา แล้วเดินย้อนกลับมาหาคือแพทย์อาสาคนหนึ่งซึ่งเป็นรุ่นพี่ มือหนายกมือตบไหล่ราวกับอยากให้กำลังใจ

“หมอฤทธิ์เพิ่งจะมาเดินดอยปีแรกใช่ไหมครับ มันเหนื่อย ปีแรก ผมก็คิดเหมือนหมอ ท้อแล้วไม่อยากไปให้ถึง”

“งั้นเราลงจากดอยไปพร้อมกันไหมครับ ผมไม่ไหวแล้ว จริงๆ ทำไมคนไข้ไม่ลงจากดอยมาหาหมอ ต้องให้หมออย่างพวกเราตะเกียกตะกายหอบยา หอบเครื่องมือไปตรวจรักษาให้ชาวบ้านพวกนั้นด้วยครับ”

“จริงๆ แล้ว ยามเจ็บป่วย พวกคนบนดอยเขาก็อยากลงไปหาเรานั่นแหละครับ แต่ระยะทางหลายสิบกิโลเมตร พวกเขาไม่มีรถ ไม่มีเงิน บางคนไม่มีแม้แต่รองเท้า ทำให้พวกเราทุกๆ คนที่รวมตัวกันมาในวันนี้ร่วมแรงร่วมใจเดินขึ้นมาหาชาวบ้านบนนี้ไงครับ”

“แต่หนทางมันลำบากสุดๆ ไปเลยนะครับพี่หมอเมฆ ผมไม่เคยเห็นเส้นทางที่ไหนจะลำบากเท่านี้มาก่อน”

“หมอฤทธิ์ยังจำคำนี้ได้ไหมครับ I do not want you to be only a Doctor, but l also want you to be a Man”

ประโยคที่รุ่นพี่เอ่ยขึ้นมาทำให้ครองฤทธิ์เงียบอึ้งไปหลายวินาที เมื่อคิดย้อนไปก่อนที่จบออกมา อาจารย์หมอหลายท่านเคยให้นิสิตแพทย์ท่องประโยคนี้ให้จำขึ้นใจ ทำไมเขาจะจำไม่ได้ เพราะนั่นคือพระราชดำรัสที่หมอทุกคนเคยได้ยินได้ฟังมาแล้ว หมออย่างพวกเขาไม่ใช่มีหน้าที่แค่รักษาอาการป่วย แต่หมอควรมีความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้ป่วยซึ่งเปรียบเสมือนเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ใช่เป็นหมอเพื่อประกอบวิชาชีพอย่างเดียว

“ขอโทษครับพี่เมฆ”

หมอเมฆมีอายุมากกว่าครองฤทธิ์สองปี เขามาร่วมโครงการนี้เป็นครั้งที่ 4 หันหลังแล้วก้าวไปข้างหน้า ในขณะที่หมอครองฤทธิ์กระชับกระเป๋าเป้แล้วรวบรวมพลังกายพลังใจ ไหนๆ เขาก็มาแล้ว เขาเองก็ลูกผู้ชายคนหนึ่ง ขึ้นก็ขึ้น ก็อยากรู้ว่าบนดอยมีอะไรดี เห็นหมอบางคนมาแล้วกลับลงไปเล่าว่ามีความสุขจนอยากทิ้งทุกอย่างหนีมาทำงานบนดอย แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครมาอยู่ประจำจริงๆ สักราย

เขาจำได้ว่าหลังจากนั้น ยังถามรุ่นพี่อีกสองสามคำ

“พี่เมฆครับ มีหมอคนไหนเดินขึ้นมาบนดอยนี้แล้วไม่บ่นบ้างไหมครับพี่หมอ”

เสียงหมอเมฆที่เดินห่างออกไปแล้วตอบกลับมา

“มีสิครับ”

สร้างความอยากรู้ให้คนหนุ่มไฟแรงอย่างหมอครองฤทธิ์ขึ้นมาทันที

“ใครครับพี่”

“คุณพ่อคุณไง ท่านยังสร้างโรงพยาบาลเล็กๆ เอาไว้บนดอยด้วยนะครับ เสียดายกลายเป็นโรงพยาบาลร้าง เพราะไม่มีหมอที่ไหนยอมมาอยู่ประจำ”

เสียงที่ตอบกลับมาอีกครั้งทำให้หมอครองฤทธิ์เงียบเสียงลง แล้วตั้งใจเดินพร้อมปณิธานที่แน่วแน่...