บทที่ 1 ตำแหน่งเลขานุการ
“ธันยวีร์ วีรพงศ์ คนนี้แล้วกันน่าจะฉลาดที่สุดแล้ว” คำพูดของรองกรรมการบริษัท TTY Club มองเธอสลับกับมองใบสมัครงานในมือไปด้วย
“คุณธันคุณพูดได้กี่ภาษาครับ” ธนิกเอ่ยถามหญิงสาวที่ถูกคัดเลือกมาจนถึงรอบสุดท้ายในตำแหน่งเลขานุการรองกรรมการบริษัท
“สะ สามค่ะ” ดวงตาหลายคู่จ้องมองมาที่เธอ แต่คู่ที่เข้มข้นที่สุดเห็นจะเป็นหัวโต๊ะนั่นแหละ หญิงสาวรู้สึกเหนียวในคออย่างไรไม่รู้ เธออยากจะกระแอมก่อนตอบ แต่ถ้าทำอย่างนั้นคงเสียมารยาทน่าดู
“เวลาพูดกับผมให้มองหน้า คุณจะมาเป็นเลขาให้ผมนั่นเท่ากับคุณจะเป็นตัวแทนผม มองหน้าด้วยครับเวลาโต้ตอบกัน” ไม่ใช่แค่ดวงตาหรอกที่เข้มข้นแต่เสียงของเขาก็เข้มจัดเลยทีเดียว
“พื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ ไม่มีประสบการณ์การทำงาน อะไรคือแรงจูงใจในการมาสมัครงานที่นี่ในตำแหน่งเลขาผู้บริหารครับ?” ธันยวีร์ว่าแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ตำแหน่งเลขาอะไรกัน! เธออยากเป็น Marketing ไม่ใช่ เลขาผู้บริหารเสียหน่อย!
“ธันไม่ได้สมัครตำแหน่งเลขาค่ะ ธันจบการตลาด” หญิงสาวรีบตอบออกไปก่อนที่ทุกคนจะเข้าใจเธอผิดไปกว่านี้
“ความหมายว่าคุณไม่ได้ตั้งใจจะมาสมัครงานในตำแหน่งเลขา??” ผู้ชายใส่สูทสวมแว่นตาถามเธอเสียงหลง
หญิงสาวพยักหน้าหงึก ๆ และนั่นก็ทำให้แผนก HR ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี พี่คนสวยคนนั้นขยิบตาให้เธอยิก ๆ
“อะ เอ่อ…ไม่ได้สนใจตำแหน่งเลขา แต่ถ้าผลตอบแทนดี จะเป็นเลขาก็ได้ธันไม่ติดค่ะ” เธอพูดจาฉะฉานก็เป็นนี่ แต่เสียงยังเบาไปหน่อย ดวงตาคมเข้มกวาดสายตามองหญิงสาวในชุดนักศึกษาเก้งก้างและลอบถอนหายใจ จะรอดไหม ไม่ใช่สะดุดกระโปรงล้มไปก่อน
“สามเดือนที่ผ่านมาเลขาผมลาออกไปสามคนแล้ว คุณธันยวีร์เข้าใจหมายความนี้ไหมครับ?” คงเป็นเจ้าของบริษัทละมั้งที่ถามคำถามนี้กับเธอ…ใครจะออกจากงานแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยเล่า
“เข้าใจค่ะ” เธอตอบกลับไปโดยไม่ได้คิดอะไร ก็ไม่ได้ไม่เข้าใจอะไรในคำพูดของเขา หญิงสาวตอบทั้งยังสบตาเหมือนว่าจะหวั่นเกรงคนถามอยู่ประมาณหนึ่ง
“เข้าใจว่าอะไร?” ผู้ชายคนเดิมจี้ถามซ้ำเอาคำตอบที่ตัวเองต้องการให้ได้
ธันยวีร์มองหน้าเขา เธอรู้เลยว่าผู้ชายคนนี้เป็นแบบไหน และไม่แปลกใจว่าทำไมเลขาของเขาถึงออกจากงานในเวลาไล่เลี่ยกันถึงสามคน
“ก็เข้าใจว่าการเป็นเลขาคุณมันไม่ง่ายค่ะ ไม่ง่ายแต่เงินดี” ชายหนุ่มเจ้าของดวงตามาดร้ายมั่นใจว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คงอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่เธอไม่พูดและหลบสายตา
“แล้วคุณยังจะอยากเป็นเลขาผมอยู่อีกเหรอ ประสบการณ์ก็ไม่มี ไม่น่ารอด” ธันยวีร์รู้สึกเหมือนโดนดูถูกอย่างไรไม่รู้
นักศึกษาสาวมุ่นคิ้วเรียวสวยจนยุ่งไปหมด เธอยังคงมองหน้าผู้ชายคนที่ปรามาสเธอทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้จักกันเสียหน่อย สุดท้ายทิฐิก็ทำให้เธอพยักหน้ารับ
“ดิฉันอาจจะยังเด็กและไร้ประสบการณ์ แต่ก็มั่นใจว่าสามารถพัฒนาและแบ่งเบาภาระของเจ้านายได้ค่ะ ดิฉันไม่มีพันธะและในช่วงอายุนี้เหมาะกับการทุ่มเทเรื่องงานมากที่สุดค่ะ ดิฉันกำลังหาเงินเรียนต่อปริญญาโท”
มันเหมือนกับน้องคุยกับพี่อย่างไรอย่างงั้น นี่เรากำลังเลือกพนักงานเข้ามาเป็นเลขา หรือหาคนมาเรียนต่อโทให้เป็นหน้าเป็นตาบริษัทกันแน่ เจ้าของดวงตาคมเข้มที่มองเธออย่างจับผิดถอนหายใจ
ถ้าไม่ใช่เวลากระชั้นชิดแบบนี้ตัวเขาเองคงไม่รับเด็กคนนี้มาเป็นเลขาหรอก! ก็จะให้ธนิกไปนั่งพิมพ์งานแปลภาษามันก็ไม่ใช่เรื่องไหม
งานเราทั้งคู่ล้นตัวขนาดนี้ไม่อย่างนั้นคนอย่างเขาคงไม่มานั่งอยู่ในห้องรับรอง HR เพื่อเฟ้นหาเลขานุการที่จะมาช่วยงานเร่งด่วนจนเหมือนมานั่งกินหัวทุกคนอยู่แบบนี้หรอก!
“งั้นก็รับคนนี้! อย่าทำให้ฉันผิดหวังแล้วกันธันยวีร์” แฟ้มหนาโดนโยนโครมลงมาบนโต๊ะ และร่างสูงใหญ่ของคนหน้าดุก็เดินออกไป
ผู้ชายคนนั้นทิ้งธันยวีร์ไว้บนความไม่เข้าใจว่าเรารู้จักกันก็ไม่ใช่ จะมาหวังอะไรกับเธอ…