บทนำ
ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังใจกลางเมือง
เปรี้ยง!!
เสียงของอุปกรณ์ทางการแพทย์ตกกระทบพื้นกระเบื้องอย่างรุนแรง เกิดเสียงดังลั่นสนั่นหอผู้ป่วยในอายุรกรรม ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างจับจ้องมองมายังพยาบาลสาวที่กำลังยกมือขึ้นปกป้องใบหน้าตัวเองจากสิ่งของที่คนไข้ขว้างปาออกมาจากห้อง
“ฉันบอกเธอแล้วใช่มั้ยว่าฉันไม่วัดไข้หรือทำอะไรทั้งนั้น อย่ามายุ่งกับฉัน ออกไป!!”
น้ำเสียงแหลมเล็กของคนไข้ตะคอกดังโว้ยวายไล่ตามแผ่นหลังพยาบาลสาวออกมาจากห้อง พร้อมๆกับข้าวของที่ตกพื้นกระจัดกระจายเต็มไปคนละทิศคนละทาง
“ว้ายตายแล้ว!! เกิดอะไรขึ้นน้องแพร์"
พยาบาลสาววัยกลางคนอย่างเก๋ไก๋ที่พ่วงตำแหน่งหัวหน้าแผนกวิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามาถามคนน้องอย่างร้อนใจ พลางรีบดึงพยาบาลสาวเดินออกห่างจากห้องของผู้ป่วยตรงมายังหน้าเคาน์เตอร์พยาบาลในทันที
“คนไข้ของหมออัศวินค่ะพี่เก๋ แกสั่งแพร์ให้วัดไข้ทุก 4 ชั่วโมงเพราะไข้ไม่ลงเลย แพร์พยายามอธิบายและแจ้งเหตุผลให้คนไข้ทราบแล้ว แต่คนไข้เขาไม่ยอมเลยค่ะ”
แพรพิชชาเร่งรายงานหัวหน้าแผนกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนก และตกอกตกใจในขณะเดียวกันไม่ต่างอะไรกับเก๋ไก๋ในเวลานี้
“ตายจริง!! แล้วน้องแพร์เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?"
“แพร์ไม่เป็นอะไรคะพี่เก๋ แต่เป็นห่วงคนไข้มากกว่า ไข้กำลังขึ้นสูงด้วย”
หัวหน้าแผนกรีบเร่งมองสำรวจใบหน้าแขนขาของพยาบาลรุ่นน้องเพื่อหาร่องรอยฟกช้ำอย่างลนลาน ด้วยความเป็นห่วงลูกน้องภายใต้การปกครองของตนเอง ก่อนจะโล่งอกเมื่อพบว่าแพรพิชชาไม่ได้รับการบาดเจ็บตามร่างกายอย่างที่เธอเป็นกังวล
“เอางี้!! งั้นเดี๋ยวรอให้คนไข้เขาใจเย็นกว่านี้ก่อน พี่จะแจ้งหมออัศวินให้เข้ามาคุยกับคนไข้เอง ส่วนน้องแพร์ถ้าไม่เป็นอะไรมากก็ไปพักก่อนนะจ๊ะ”
เมื่อลูกน้องภายใต้การปกครองไม่สามารถทำงานที่มีความเสี่ยงได้ หัวหน้าแผนกอย่างเก๋ไก๋ต้องทำหน้าที่เคลียร์เหตุการณ์แทนก่อนที่ทุกอย่างจะวุ่นวายไปมากกว่าเดิม
“ขอบคุณมากๆ ค่ะพี่เก๋”
พยาบาลสาวยกมือไหว้ผู้เป็นพี่ด้วยความเคารพอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน พลันรีบเดินเลี่ยงออกมายังห้องพักเพื่อควบคุมสติของตนเองจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
“เฮ้อ!!”
เสียงถอนหายใจดังสนั่นห้องด้วยความเหนื่อยล้าในจิตใจ เมื่อเจอคนไข้แบบนี้ และวันทำงานที่สุดแสนจะสาหัสและปวดประสาทเอาเสียจริง ในการทำงานบริการเธอมักจะเจอคนทุกรูปแบบ บางคนก็น่ารักแสนดีจนใจหาย บางคนก็ร้ายมากจนน่ากลัว
“ช่างมันเถอะ คิดซะว่าเขาป่วยเขาถึงแสดงท่าทางแบบนี้”
ถ้าสามารถปล่อยวางกับเรื่องราวเหล่านี้ได้จะทำให้การทำงานและการใช้ชีวิตดีขึ้น แต่ทว่าแม้จะคอยพร่ำบอกตัวเองไปแบบนั้น แต่เมื่อเจอสถานการณ์จริงเธอกลับปล่อยวางมันไม่ได้จากความกดดันและสภาพสิ่งแวดล้อมหลายๆ อย่างเป็นปัจจัยสำคัญ
ครืดดดด!!
มือถือสั่นเป็นระยะในกระเป๋าเสื้อทำให้เธอสะดุ้งตื่นจากความคิดที่หนักอึ้งอยู่ในสมองทุกอย่าง รีบคว้านิ้วมือหยิบมันขึ้นมา พลางจ้องมองยังหน้าจอมือถือซึ่งบ่งบอกเป็นชื่อเพื่อนสาวโทรเข้ามากะทันหัน
“ว่าไงจ๊ะ ชะนีน้อยโทรมามีอะไร?”
“พรุ่งนี้หยุดไม่ใช่เหรอ? เที่ยวปะคืนนี้?”
"เออ ก็ดีนะที่ไหนดี?”
เมื่อภายในจิตใจเต็มไปด้วยเหนื่อยล้ากับงานเต็มทนในทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหัวค่ำนี้ เธอจึงอยากจะผ่อนคลายความตึงเครียดลง ดังนั้นการตัดสินใจไปเจอเพื่อนก็เป็นอีกทางหนึ่งที่สามารถช่วยเยียวยาจิตใจสาวโสดอย่างเธอได้ดีเช่นเดียวกันในช่วงเวลานี้
