บทที่ 1 ไม่มีทางเลือก
“เฮ้อ! ทำไมเป็นอย่างนี้ทุกทีเลย” เสียงหวานบ่นพึมพำพร้อมล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดคิงไซซ์ พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความผิดหวังกับเหตุการณ์เมื่อช่วงเย็น
นัยน์ตาคู่สวยปรายตามองวิวนอกหน้าต่างกระจก ก่อนนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ
ร่างอรชรของลูกหว้าสาวสวยวัยยี่สิบสามปี ย่างเท้าเข้าไปในห้องอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่ง เธอตรงไปยังโต๊ะหนึ่งซึ่งมีชายหนุ่มหน้าตาดีนั่งรออยู่ล่วงหน้า
“ใช่คุณเตวิชหรือเปล่าคะ”
“คุณลูกหว้าใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
“ผมเตวิชครับ เชิญนั่งครับ” ผายมือใหญ่เชื้อเชิญคนตรงหน้าให้นั่งฝั่งตรงข้ามตัวเอง
“ค่ะ”
หลังจากลูกหว้าหย่อนก้นนั่งลง ทั้งคู่สั่งอาหารและสนทนากันเรื่องทั่วไปแทบไม่มีสิ่งใดผิดปกติ กระทั่งอีกฝ่ายพูดประโยคหนึ่งขึ้น
“หลังทานข้าวเสร็จสะดวกไปดื่มต่อที่คอนโดผมไหม” มองคนตรงหน้าด้วยสายตาหื่นกาม ไม่ต้องบอกพอรับรู้อีกฝ่ายกำลังหมายถึงสิ่งใดถ้าไม่ใช่เรื่องอย่างว่า
ได้ยินดังนั้นลูกหว้าลุกขึ้นพรวด คว้าแก้วน้ำเปล่าบนโต๊ะสาดใส่หน้าหล่อของเตวิช
ปึง! กระแทกแก้วลงบนโต๊ะอย่างไม่พึงพอใจ
“ทุเรศ!! คิดว่าผู้หญิงง่ายกันทุกคนเหรอ” สิ้นคำพูด เธอเดินจากไปทันทีโดยไม่สนใจเตวิชจะกล่าวอะไรหรือผู้คนบริเวณนั้นจะหันมามองหรือไม่ สิ่งเดียวปรารถนาทำคือการพาตัวเองออกจากที่นี่เร็ว ๆ
ลูกหว้าไม่เคยมีแฟนมาก่อน เธอเพิ่งเริ่มออกเดตกับเพศตรงข้ามไม่นานมานี้จากแอพหาคู่ เพราะอยากเจอคนดี ๆ สร้างครอบครัวแสนอบอุ่นเหมือนเพื่อนสนิทอย่างหวานยี่หวาที่แต่งงานและมีลูกน้อยหน้าตาน่ารักแล้วหนึ่งคน
“คนรักจริงยังมีอีกไหม”
เธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปอยากเจอรักดี ๆ และคนจริงใจ แต่ทุกคนเข้าหาล้วนเรื่องใต้สะดือ
นี่ไม่ใช่เดตแรกของเธอแต่เป็นครั้งที่สาม ทุกคนเคยนัดเจอล้วนเข้าหาหวังแค่ความสัมพันธ์เร่าร้อนบนเตียง
“ถ้ามันยากขนาดนั้น ไม่เอาแล้วก็ได้” เด้งตัวลุกขึ้นนั่งพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถอนการติดตั้งแอพหาคู่ ก่อนกดเข้าไลน์เลื่อนอ่านข้อความแล้วสะดุดกับข้อความหนึ่งส่งเข้ามาเมื่อช่วงกลางวัน
กองทัพ : คิดถึงจังเลยคนสวยของผม
“ไอ้บ้า!! ฉันไปเป็นของคุณตอนไหน” โยนโทรศัพท์ออกห่างจากตัว แทบอยากกรีดร้องลั่นห้องด้วยความหงุดหงิด
ผู้ชายนามว่ากองทัพ คือเพื่อนสนิทของสามีเพื่อนเธอ เขาตามจีบตั้งแต่เธอยังเรียนมหาวิทยาลัยกระทั่งเรียนจบเป็นปียังคงไม่ยอมแพ้ ซึ่งเธอไม่คิดเอาตัวเองไปเล่นกับผู้ชายพรรค์นั้นเพราะเขาเจ้าชู้มากเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำเขาได้เบอร์ตัวเองอย่างไร เท่าที่จำได้ไม่เคยให้ แต่อย่างว่าแหละคนอย่างเขาอยากได้อะไรย่อมได้ทุกอย่าง
หญิงสาวนั่งครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยพักหนึ่ง จากนั้นก้าวเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย เนื่องจากเหนียวตัวมาทั้งวัน
ครืด!
“ใครโทรมา” คิ้วโก่งสวยขมวดเข้าหากัน เธอหยุดชะงักหลังอาบน้ำเสร็จเตรียมจะไปหยิบเสื้อในตู้มาสวมใส่จำใจเดินไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ปลายทาง
“ว่าไงคะแม่”
(เป็นไงบ้างเดตวันนี้)
“เป็นไงล่ะ หนูก็เอาน้ำสาดใส่หน้าเขาไง” บอกเสียงไม่สบอารมณ์
(อ้าวทำไมล่ะ) ปลายสายทำเสียงตกใจเล็กน้อย
“ก็ไม่พ้นเรื่องใต้สะดือไงคะแม่ น่าโมโหชะมัดเลย”
(โธ่…ลูกสาวคนสวยของแม่ ทำไมช่างอาภัพรักแบบนี้)
“ช่างมันเถอะค่ะ ว่าแต่แม่มีอะไรโทรมาหาหนู”
(เอ่อ คือ…)
“พูดตรง ๆ เถอะค่ะ” เพราะคนปลายสายมัวแต่อ้ำอึ้ง
(บ้านเราไม่มีเงินแล้ว แม่กับพ่อตัดสินใจขายบริษัทและเตรียมจะไปต่างประเทศอีกสองสัปดาห์)
“อะไรนะคะ!!” จบประโยค เธอลุกขึ้นพรวดทันใด
(ลูกหว้าอย่าตะโกนสิ แสบแก้วหูหมด)
“แม่อย่าล้อเล่นแบบนี้สิคะ หนูตกใจเหมือนกัน”
(ใครบอกแม่ล้อลูกเล่น เรื่องจริงต่างหาก)
“เรื่องจริงเหรอคะ” ร่างเล็กทรุดกายบนเตียงอีกครั้ง
(ใช่ ธุรกิจขาดทุนสักพักแล้ว พ่อเขาเลยขายบริษัทให้คนอื่นและนำเงินบางส่วนไปใช้หนี้ แต่ปัญหาคือเงินที่ได้ไม่พอใช้หนี้เหลือเจ้าหนี้อีกหนึ่งรายและเขา เอ่อ…)
“อะไรคะแม่” เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ทำไมกันนะเธอรู้สึกว่าเรื่องที่แม่จะพูดต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับตนเอง
(เจ้าหนี้คนนั้นเขาคือเพื่อนของพ่อ เขาอยากให้ลูกไปช่วยงานลูกชายเขา)
“แม่จะส่งหนูไปขัดดอกเหรอ” เธอถามด้วยความน้อยใจ คาดไม่ถึงบุพการีจะทำอย่างนี้กับตัวเอง
(ไม่ใช่!! ยัยเด็กคนนี้เนี่ยคิดอะไรอยู่ ใครเขาจะส่งตัวลูกสาวคนเดียวไปขัดดอกกันล่ะ)
“ก็แม่พูดอย่างนั้นจะให้หนูเข้าใจว่าไงคะ” แต่ถึงกระนั้นก็รู้สึกโล่งอกเหมือนกันไม่ใช่อย่างที่คิด
(แม่หมายถึงเขาอยากให้ลูกไปช่วยงานลูกชายเขา ระหว่างพ่อกับแม่ไปต่างประเทศ)
“แล้วทำไมต้องเป็นหนู พ่อกับแม่ไปต่างประเทศทำไมคะ”
(บริษัทที่โน่นยังมีกำไรอยู่ แม่กับพ่อบินไปดูแลระหว่างนั้นจะหาเงินทยอยคืนให้เขา ส่วนเรื่องที่ลูกเป็นผู้ช่วยลูกชายเขาทางโน้นเขาขอมา)
“ทำไมแม่เพิ่งมาบอกหนูตอนนี้คะ”
(ทุกอย่างมันกะทันหันมากเลยลูก อีกอย่างแม่เห็นลูกมีความสุขกับร้านกาแฟของหนู แม่เลยไม่อยากรบกวนแต่ตอนนี้จำเป็นจริง ๆ แม่อยากขอร้องให้ลูกไปเป็นผู้ช่วยลูกชายเขาหน่อย)
“หนูไม่มีทางเลือกเลยใช่ไหม” ถามเสียงอ่อน ถ้าไม่ช่วยครอบครัวก็ดูจะใจร้ายเกินไปหน่อย เพราะยังไงพวกท่านไม่เคยบังคับเธอสักครั้งให้อิสระเต็มที่หากไม่ถึงคราวจำเป็นคงไม่มีทางขอร้องเธออย่างนี้เด็ดขาด
(แม่เองลำบากใจมากเหมือนกัน ไม่อยากรบกวนลูกเลย)
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูเข้าใจว่ามันจำเป็นจริง ๆ”
(ส่วนร้านกาแฟลูกไม่ต้องปิดหรอกเพราะยังไงเป็นงานที่ลูกรัก ลูกแค่หาผู้ช่วยเพิ่มก็พอ)
“ค่ะ”
(แม่รักลูกนะ แม่สัญญาจะรีบหาเงินมาใช้หนี้ให้เร็วที่สุด)
“หนูรักแม่เหมือนกันค่ะ ฝากความคิดถึง ถึงพ่อด้วยนะคะ”
(จ๊ะ)
สิ้นบทสนทนา ลูกหว้าเอนตัวนอนราบกับเตียงหนานุ่มพร้อมแหงนหน้ามองเพดานห้องสีขาวล้วนพลางครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
“เฮ้อ…ทำไมเหนื่อยอย่างนี้” เสียงหวานพึมพำ ค่อย ๆ ขยับเปลือกตาบางลงเชื่องช้า จังหวะนั้นเสียงข้อความไลน์ดังขึ้นทำให้สะดุ้งเล็กน้อยก่อนหยิบมาดู
กองทัพ : อ่านแล้วไม่ตอบเหรอ คนสวยของผม
เห็นข้อความดังนั้นลูกหว้าไม่รอช้าจะตอบกลับด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
“เลิกวุ่นวายกับฉันสักทีได้ไหม” เธอกดอัดเสียงก่อนส่งให้อีกฝ่าย จากนั้นทำการบล็อกทันทีเพราะไม่อยากเสวนาอีกต่อไป คนยิ่งหงุดหงิดมาทำให้อารมณ์เสียอีก
“พอกันที!”
