บทที่ ๔: น้ำใดเล่าจะหวานล้ำเท่าน้ำคำพี่【2】
คิดอกุศลนั่นเอง ไอศูรย์หมายใคร่จะฉุดวิรัลย์เข้าพุ่มดอกไม้ใกล้ๆ นี้แล้วกระทำการให้เสร็จสมอารมณ์หมายยิ่งนัก แต่ก็พร่ำบอกตนเองไว้ว่าทำเช่นนั้นลงไป คงได้ถูกชิงชัง อีกทั้งเข้าหน้าไม่ติดตราบนิรันดร์โดยไม่ต้องสงสัย เขาถึงได้มีอาการกระสับกระส่ายให้เห็น
เว้นเสียแต่วิรัลย์ที่ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นอะไร พอเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยื่นมือมาหาแล้วชักมือกลับหลายต่อหลายครั้ง เขาก็จำต้องถามออกมาด้วยรำคาญ
“อะไรของเจ้า”
“หืม?” ไอศูรย์ชะงัก แต่ไม่ได้ตอบคำถาม
“เจ้าต้องการสิ่งใด” วิรัลย์จึงขยายความให้
“พี่หมายจะสัมผัสเรือนร่างน้องนัก”
ในเมื่อถามก็ตอบไปตามตรง ดวงหน้าผุดผาดของวิรัลย์ฉายแววเหลือเชื่อทันควันด้วยไม่คิดว่าจะได้ยินไอศูรย์พูดออกมาเช่นนี้
ก็บอกอยู่หยกๆ ว่าเขาไม่พิศวาสยักษาด้วยกัน ต่อให้เป็นยักษี แต่เป็นศัตรู เขาก็ไม่หมายเชยชม แต่ไอศูรย์ไม่ยอมทำความเข้าใจเลยสักนิด เอาแต่จะเร่งรัดเขาให้กระทำเรื่องในหมอนมุ้ง
ก็ดี หากเจ้าหมายจะทำก็ลองดู หลังจากนั้นเจ้าจะได้ร่างเย็นเยียบไร้วิญญาณของข้าไปกกกอด
วิรัลย์ไม่หลบหนี ท้าทายด้วยการยืนนิ่ง มาดหมายในใจว่าหากถูกข่มเหง เขาจะล้างอายด้วยการปลิดชีพตนเองอย่างไม่รอช้า
ชั่ววูบหนึ่ง ไอศูรย์เองก็คิดจะปลุกปล้ำให้หนำใจเช่นกัน ก้าวเข้าหา มือทำท่าจะไขว่คว้าเอาร่างคนตรงหน้ามากอดกระหวัดฟัดเหวี่ยง ทว่าสุดท้ายก็ได้สติ สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรง แล้วเปลี่ยนใจไปเอื้อมมือไปสัมผัสที่ปลายผมประบ่าของวิรัลย์แทน
ริมฝีปากจูบจรดยังเส้นผมอ่อนนุ่ม ประทับตราจุมพิตราวเครื่องหมายบ่งบอกความเป็นเจ้าของ ท่าทางของเขาทำให้วิรัลย์ที่ยืนตัวแข็งเกร็งอยู่เมื่อครู่เหลือบมองด้วยฉงน
“หากจะต้องข่มเหงน้องแล้วล่ะก็ พี่ยับยั้งกำหนัดของตนไว้ดีกว่า พี่ไม่ใคร่รังแก”
ไอศูรย์พึมพำ จากนั้นก็ผละออกมาพร้อมกับรอยยิ้มประดับใบหน้า วิรัลย์ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้ายักษ์ห่ามจะมีใจสะอาดได้ถึงเพียงนี้
“เพราะพี่หมายจะครองดวงใจของน้องยักษ์ หาใช่เพียงสมสู่ร่างกาย หากจะได้เสพสังวาส ก็ขอให้น้องมอบกายให้พี่ด้วยเต็มใจ และหากเมื่อไรที่น้องมีใจให้กับพี่ เมื่อนั้นพี่จะกอดให้หายคะนึงหา”
ไม่มีวันที่ข้าจะยอมตกเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน
วิรัลย์คิด ไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกไป มีก็เพียงไอศูรย์เท่านั้นที่เปล่งวาจา
“กลับตำหนักกันเถิด น้องยักษ์จะได้พักผ่อน”
ไร้ซึ่งสรรพเสียง วิรัลย์เดินตามจอมทัพอสุราไป ภาพนั้นอยู่ในสายตาของใครบางคนมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ขณะที่ใครคนนั้นตะลึงงันกับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้
องค์ไอศูรย์ ยักษ์ที่พระองค์ทรงมีจิตปฏิพัทธ์ด้วยคือองค์วิรัลย์แห่งเวรุฬาเองหรือ?
การิตไม่ได้ตั้งใจที่จะลอบดูผู้เป็นนาย แต่เพราะไอศูรย์ไม่อยู่ตำหนักในเวลานี้นั้นช่างผิดแปลกไปจากปกติ เขาซึ่งเป็นทหารเอกคู่ใจ ทั้งยังเป็นเสมือนราชองค์รักษ์คู่กายจึงจำต้องออกตามหาด้วยอดเป็นห่วงไม่ได้ ก่อนจะมาพบไอศูรย์ที่สวนบุปผชาติในตำหนักหลวง คราแรกก็หมายใจจะเข้าไปกราบทูลตามความเคยชิน ทว่าพอเห็นอีกฝ่ายอยู่กับเจ้าชายแคว้นศัตรู เขาก็ไม่ได้เข้าไปโดยทันใด เพราะทึกทักเอาเองว่าทั้งสองคงจะสนทนาพาทีตามประสาเชื้อพระวงศ์ หากแต่เมื่อได้เห็นภาพเมื่อครู่ การิตก็ตกใจเสียจนแทบลมจับ
ยักษ์ที่เขาเข้าใจมาตลอดว่าเป็นผู้กุมดวงใจของจอมทัพอสุราหาใช่ยักษีหรือนี่!?
มีกี่มือก็มิอาจใช้ซับเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายบนใบหน้าของการิตได้เพียงพอ ผู้ใดจะไปคิดกันล่ะว่าผู้เป็นนายของเขาจะมีจิตรักใคร่เสน่หาองค์วิรัลย์ อีกทั้งเมื่อครู่ยังทำท่าเหมือนกับว่าจะ...
...จะจับองค์วิรัลปล้ำทำเมีย!
ขนลุกเกรียวไปทุกอณู การิตสั่นร่างตนน้อยๆ ด้วยรู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง
ไปเห็นเรื่องที่ไม่ควรเห็น รู้เรื่องที่ไม่ควรรู้เข้าให้แล้ว...
ดังนั้นข้าราชบริพารสัตย์ซื่ออย่างเขาจึงไม่ปริปากใดๆ ออกไป ไม่แม้แต่จะถามไถ่ผู้เป็นนายว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะมาคิดทบทวนดูดีๆ แล้ว การที่วิรัลย์มาร่วมมื้ออาหารที่ตำหนักของนายตนทุกวี่วัน อีกทั้งเมื่อเสร็จราชกิจในทุกวัน ไอศูรย์ก็รีบเร่งกลับตำหนักตนและหายตัวไปในอีกไม่กี่เพลาให้หลัง กลับมาอีกครั้งก็เย็นย่ำค่ำมืด เท่านี้ก็ชัดเจนพอแล้วว่าไปทำสิ่งใด
...แวะเวียนไปหาวิรัลย์
ชัดเจนทั้งภาพที่เห็นและการกระทำของไอศูรย์ การิตถึงกับอยากโขกศีรษะตนกับพื้นวันละหลายครั้งเมื่อตระหนักได้ว่าผู้เป็นนายใช้คำแนะนำของเขากับวิรัลย์อสุรา
ยักษาหยอกเย้าคำหวานกับยักษา... ท้องฟ้าต้องวิปริตแปรปรวนเป็นแน่
แต่เพราะไม่พูดสิ่งใดออกไป ไอศูรย์จึงกระทำการต่างๆ เฉกเช่นทุกวัน การิตก็รู้ดีว่าต่อให้ทักท้วงไป เขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งผู้เป็นนายได้ เพราะนับวันก็ยิ่งดูหลงใหลเสน่หาวิรัลย์มากขึ้นจนมิอาจถอนตัวกลับได้ทัน
ถลำลึกจนหาทางออกจากบ่วงพิศวาสไม่ได้แล้ว...
ขณะที่หลายวันให้หลังนี้ ไอศูรย์เริ่มมีอารมณ์แปรปรวน ประเดี๋ยวดี ประเดี๋ยวร้าย หงุดหงิดงุ่นง่านไร้ซึ่งเหตุผล ขนาดปฏิบัติราชกิจอยู่กับเสนาอำมาตย์และแม่ทัพนายกอง ยังหัวเสียขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนเขี้ยวยาวโค้งผุดพรายทั้งที่โดยปกติเป็นยักษ์ใจเย็นและสุขุมกว่าผู้ใด
หรือจะเป็นผลพวงมาจากองค์วิรัลย์?
การิตสงสัยเช่นนั้น และก็เป็นจริงดั่งที่เขาคิดไว้ เพราะทันทีที่กลับมายังตำหนัก ไอศูรย์ก็เรียกเขาเข้าพบทันที
“การิต ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”
มาแล้ว...
การิตคุกเข่าอยู่บนพื้น มือประนมที่หน้าอก สายตาทอดมองไปยังจอมทัพอสุรา ปากตอบรับ
“มีสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าบอกข้าว่าการจะเข้าหาน้องยักษ์นั้นต้องเป็นไปอย่างละมุนละม่อม ข้าก็กระทำตามนั้นแล้ว นี่ก็ผ่านมาร่วมเดือน น้องยักษ์ก็ยังคงขับไล่ไสส่งข้า มิหนำซ้ำยังแลดูชิงชังน้ำหน้าข้าทุกครั้งที่เอื้อนเอ่ยคำหวานใส่อีก เหตุใดถึงไม่ได้ผลกัน ข้าเกิดกำหนัดแล้ว เกิดกำหนัดอีกจนจะอดใจไม่ไหว จับน้องยักษ์มาปลุกปล้ำเสียให้รู้แล้วรู้รอดอยู่แล้ว”
มีความเดือดดาลในน้ำเสียง ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองคนสนิท
การิตคิดผิดไปเสียที่ไหนว่าไอศูรย์มิอาจทนไหว ยักษ์ห่ามไม่ประสาเรื่องรักใคร่ เอาแต่ทำศึก พอมีรักก็ไม่รู้ว่าควรจะกระทำตัวอย่างใด อีกทั้งยังมิอาจควบคุมความปรารถนาของตนได้อีก ก็ย่อมต้องลงเอยด้วยประการละฉะนี้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรตอบโต้ไปดีหรือไม่ ทำได้แต่อึกอักจนคนมองรำคาญใจ
“คือ...กระหม่อม...”
“ว่าอย่างไร มีสิ่งใดก็จงรีบพูดมา”
ถูกเร่งเข้าอย่างนั้น ทั้งยังถูกกดดัน การิตก็จำต้องเปิดปาก
“กระหม่อมหาได้รู้นี่พ่ะย่ะค่ะว่าองค์ไอศูรย์ทรงต้องจิตปฏิพัทธ์กับองค์วิรัลย์ยักษาตนนั้น คราแรกกระหม่อมเข้าใจว่าเป็นยักษีอันเป็นเหล่าราชธิดาจากแคว้นใต้อาณัติถึงได้แนะนำให้เกี้ยวด้วยถ้อยวจีไป” พูดออกไปจนได้ ยิ่งพูด เสียงก็ยิ่งแผ่วเบาลงเรื่อยๆ
ไอศูรย์เห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของการิตแล้วก็กระชากถามเสียงขุ่น
“ข้าต้องใจน้องยักษ์วิรัลย์ แล้วเจ้ามีปัญหาใด”
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิบังอาจก้าวก่าย” การิตรีบแย้ง พลันว่าต่อ “แต่สำหรับยักษาแล้ว กระหม่อมเกรงว่าคำแนะนำของกระหม่อมคงจะไม่ได้ผลแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ไอศูรย์ขมวดคิ้ว ถามเสียงแข็ง “แล้วข้าควรทำอย่างไร”
“กระหม่อมเองก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”
การิตว่าอย่างสัตย์ซื่อ ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยเกี้ยวพาราสียักษ์หนุ่มนี่นา จะไปรู้ได้อย่างไรกันเล่า
“บัดซบ! ข้าอยากจะจับต้องกายาของน้องยักษ์เสียจนจะอกแตกตายอยู่แล้ว”
กลายเป็นไอศูรย์ที่แผดเสียง เขาต้องทนอดกลั้นความอึดอัดนี้อีกนานเท่าใดกัน วิรัลย์อสุราจึงจะยอมมอบกายและใจให้เขาได้เชยชมเสียที
การิตเห็นผู้เป็นนายหัวฟัดหัวเหวี่ยง ดึงทึ้งเส้นผมตนราวบ้าคลั่ง เขาก็เอ่ยออกมา
“แค่เพียงได้เชยชม องค์ไอศูรย์ก็พอพระทัยแล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
ไอศูรย์หยุดดึงทึ้งเส้นผมตนทันที ถึงจะใคร่หมายครอบครองดวงใจของวิรัลย์ด้วย แต่ได้เชยชมเรือนร่างก่อนก็เป็นเรื่องที่ดี พลันเขาก็เอนลำตัวโน้มลงต่ำ ถามเสียงแผ่ว
“เจ้ามีคำแนะนำให้ข้ารึ?”
“จะว่าคำแนะนำก็หาใช่พ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นก็คงเป็นกลอุบาย”
การิตพยักหน้า เขาเพิ่งคิดออกเมื่อครู่นี้ว่ายักษามีจุดอ่อนอยู่ที่สิ่งใด
ความกำหนัดนั่นอย่างไรล่ะ ไม่ว่าจะเป็นยักษาตนไหนก็มิอาจต้านทานกำหนัดอันเกิดโดยสันดานได้เป็นแน่แท้ ต่อให้เป็นองค์วิรัลย์ที่เอาแต่ปฏิเสธและผลักไสนายของเขา ก็มิอาจต้านทานได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องใช้ตัวช่วยสักหน่อย
“มีแผนอย่างไร จงรีบเร่งบอกข้าโดยพลัน”
ไอศูรย์ถามด้วยร้อนใจ การิตจึงรีบกราบทูลกลอุบายล่อลวงวิรัลย์ให้ตกหลุมพรางในทันควัน ครั้นอธิบายแผนการจนเสร็จสิ้น ไอศูรย์ก็หยักยิ้มออกมาด้วยพึงใจในความชาญฉลาดของทหารเอกคู่ใจ
ครานี้ล่ะที่เจ้าจะต้องตกเป็นของพี่...น้องวิรัลย์แก้วตา
